สวัสดีครับผมยังไม่เคยตั้งกระทู้ในห้องนี้เลย นี่เป็นกระทู้แรกสำหรับห้องสีลม บังเอิญพึ่งไปอ่านกระทู้แนะนำที่ว่าตกงานเหลือเงิน 4000 บาท เลยอยากแบ่งปันประสบการณ์และเรื่องราวที่ผ่านในชีวิตของผมและครอบครับ เผื่อเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังประสบปัณหาต่างๆทางการเงิน หรือท่านที่คิดอยากทำธุรกิจต่างๆ
หลังจากเรียนจบ ม 6 และไม่ได้เรียนต่อเพราะปัญหาทางการเงิน และอีกอย่างคือผมเอนท์ไม่ติด จากนั้นเข้ามาหางานทำในกรุงเทพประมาญช่วงปี 2545 ทำงานเป็นเด็กเสริฟในช่วงแรก และเปลี่ยนมาทำงานในครัว โดยสองปีแรกเป็นไซโหล่(คนทำของสด เช่น สับไก่ ทำปลา ฆ่า ปลา ปู กุ้ง ทุกอย่าง เพื่อเตรียมส่งต่อให้ก็ก อีกทั้งยังฝึกย่างหมูไปในตัว
ช่วงที่ทำงานอยู่นั้นก็เรียนรามไปด้วยแต่เรียนได้ไม่เท่าใหร่ก็เลิก จุดหักเหของชีวิตเริ่มขึ้นเพราะหนังสือเล่มเดียว ขอท้าวความนิดนึง ผมเวลาเดินห้าง เช่นในวันหยุด จะเป็นคนที่ชอบเข้าร้านหนังสือ อ่านไปเรื่อยถูกใจแล้วค่อยซื้อ ปกติหนังสือที่จะไม่อ่านเลยคือหนังสือพวกการทำธุรกิจ ค้าขาย เล่นหุ้น อะไรเทือกนี้ผมจะไม่สนใจ ในใจคิดแค่ ตั้งใจทำงานเลื่อนตำแหน่ง เดี๋ยวก็เลื่อนเงินเดือนตามมา คิดแค่นี้จริงๆช่วงนั้น
แต่วันนั้นไปสะดุดตาปกหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ พ่อรวยสอนลูก ผมก็งงทำไมตั้งชื่อปกแบบนี้แปลกพิกล เลยลองเปิดอ่าน อ้าวคนแต่งมีพ่อสองคน คือ พ่อรวยและพ่อจน คำถามเลยตามมา แสดงว่าแม่ของผู้แต่งต้องแต่งงานสองรอบแน่ๆ ด้วยความสงสัยเลยเปิดอ่านไปเรื่อยๆ และสุดท้ายหนังสือที่ผมถือกลับออกมาคือหนังสือเล่มนี้
จากความคิดที่ว่า เรียนให้สูง ทำงานไปเรื่อยๆเดี๋ยวเลื่อนตำแหน่งเลื่อนเงินเดือน ก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเพราะหนังสือเล่มเดียว เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้จะพูดถึงเงินสี่ด้าน (เห็นบริษัทขายตรงบางบริษัทเอาไปสร้างเป็นแบรนด์ของตัวเองเพื่อดึงลูกค้า แต่ดูแล้วเป็นการหลอกลวงซะมากกว่า) เนื้อหาก็ประมาญว่า รายได้มีอยู่ด้วยกันสี่ช่องทางหรือเรียกว่าเงินสี่ด้าน
1.ลูกจ้าง ทำงานเพื่อรับเงินคือไม่ทำงานก็ไม่มีเงิน
2.ผู้ประกอบการ คือคนที่เป็นทั้งเจ้าของ และลูกจ้างในเวลาเดียวกัน ยกตัวอย่าง เจ้าของร้านอาหารตามสั่ง เป็นทั้งเจ้าของ และต้องทำอาหาร เก็บร้าน หรืออาจจะมีลูกจ้างช่วยแต่โดยรวมคือต้องคุมเองและทำเองแทบทุกวัน
3.เจ้าของกิจการ คือคนที่เป็นเจ้าของธุรกิจแต่ไม่ต้องทำงานทุกวัน มีลูกจ้างบริวานบริหารจัดการให้ แต่ก็ยังควบคุมดูแลธุรกิจเหมือนเดิมเพียงแต่สามารถปล่อยวางธุรกิจโดยดูแลอยู่ห่างๆได้ หรือมีเวลาไปเที่ยวต่างๆประเทศได้โดยที่ธุรกิจยังคงทำเงินให้เจ้าของ
4.นักลงทุนคือคนที่ลงทุนทางด้านหุ้น มีทั้งหุ้นวงในและหุ้นวงนอก หุ้นวงในคือสร้างบริษัทแล้วนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยเรียกว่าหุ้น IPO เพื่อขายให้สาธารณะชน ส่วนคนภายนอกที่ซื้อหุ้นหลังจากที่เข้าตลาดหลักทรัพย์แล้วคือคนที่เล่นหุ้นวงนอก หนังสือเล่มนี้เน้นหนักไปในส่วนของหุ้นวงใน คือการสร้างบริษัท เอาเข้าตลาดหลักทรัพย์ แล้วขาย ในส่วนนี้ผมอาจอธิบายไม่ค่อยถูกเท่าใหร่เพราะไม่มีความรู้เรื่องการเล่นหุ้นเลย เพราะไม่คิดจะเป็นผู้ซื้อหุ้นจากวงนอก ตัวอย่างบริษัทที่เอาเข้าตลาดหุ้นเเล้วมีมูลค่าเพิ่มมากมาย ก็อย่างเช่น โออิชิ ช่วงก่อนเข้าตลาดหุ้นบริษัท มีมูลค่าเพียง 300 ล้านบาท แต่หลังจากเข้าตลาดหุ้นไปแล้ว กลับมีมูลค่าสูงถึง 3,000 ล้านบาท
และความคิดในการเริ่มต้นธุรกิจก็เริ่มขึ้น กับก้าวแรก ก้าวเด็ก ก้าวย่างที่พร้อมจะล้มเสมอ ธุรกิจของผมอาจจะไม่เรียกเต็มปากว่าธุรกิจ เพราะผมยังทำงานไปด้วยและพยายามทำธุรกิจเล็กๆไปด้วย เดี๋ยวมาเล่าต่อครับ ขอทำงานก่อน
ขอเล่าประสบการณ์กับความล้มเหลวในการพยายามสร้างธุรกิจถึงสี่ครั้ง
หลังจากเรียนจบ ม 6 และไม่ได้เรียนต่อเพราะปัญหาทางการเงิน และอีกอย่างคือผมเอนท์ไม่ติด จากนั้นเข้ามาหางานทำในกรุงเทพประมาญช่วงปี 2545 ทำงานเป็นเด็กเสริฟในช่วงแรก และเปลี่ยนมาทำงานในครัว โดยสองปีแรกเป็นไซโหล่(คนทำของสด เช่น สับไก่ ทำปลา ฆ่า ปลา ปู กุ้ง ทุกอย่าง เพื่อเตรียมส่งต่อให้ก็ก อีกทั้งยังฝึกย่างหมูไปในตัว
ช่วงที่ทำงานอยู่นั้นก็เรียนรามไปด้วยแต่เรียนได้ไม่เท่าใหร่ก็เลิก จุดหักเหของชีวิตเริ่มขึ้นเพราะหนังสือเล่มเดียว ขอท้าวความนิดนึง ผมเวลาเดินห้าง เช่นในวันหยุด จะเป็นคนที่ชอบเข้าร้านหนังสือ อ่านไปเรื่อยถูกใจแล้วค่อยซื้อ ปกติหนังสือที่จะไม่อ่านเลยคือหนังสือพวกการทำธุรกิจ ค้าขาย เล่นหุ้น อะไรเทือกนี้ผมจะไม่สนใจ ในใจคิดแค่ ตั้งใจทำงานเลื่อนตำแหน่ง เดี๋ยวก็เลื่อนเงินเดือนตามมา คิดแค่นี้จริงๆช่วงนั้น
แต่วันนั้นไปสะดุดตาปกหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ พ่อรวยสอนลูก ผมก็งงทำไมตั้งชื่อปกแบบนี้แปลกพิกล เลยลองเปิดอ่าน อ้าวคนแต่งมีพ่อสองคน คือ พ่อรวยและพ่อจน คำถามเลยตามมา แสดงว่าแม่ของผู้แต่งต้องแต่งงานสองรอบแน่ๆ ด้วยความสงสัยเลยเปิดอ่านไปเรื่อยๆ และสุดท้ายหนังสือที่ผมถือกลับออกมาคือหนังสือเล่มนี้
จากความคิดที่ว่า เรียนให้สูง ทำงานไปเรื่อยๆเดี๋ยวเลื่อนตำแหน่งเลื่อนเงินเดือน ก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเพราะหนังสือเล่มเดียว เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้จะพูดถึงเงินสี่ด้าน (เห็นบริษัทขายตรงบางบริษัทเอาไปสร้างเป็นแบรนด์ของตัวเองเพื่อดึงลูกค้า แต่ดูแล้วเป็นการหลอกลวงซะมากกว่า) เนื้อหาก็ประมาญว่า รายได้มีอยู่ด้วยกันสี่ช่องทางหรือเรียกว่าเงินสี่ด้าน
1.ลูกจ้าง ทำงานเพื่อรับเงินคือไม่ทำงานก็ไม่มีเงิน
2.ผู้ประกอบการ คือคนที่เป็นทั้งเจ้าของ และลูกจ้างในเวลาเดียวกัน ยกตัวอย่าง เจ้าของร้านอาหารตามสั่ง เป็นทั้งเจ้าของ และต้องทำอาหาร เก็บร้าน หรืออาจจะมีลูกจ้างช่วยแต่โดยรวมคือต้องคุมเองและทำเองแทบทุกวัน
3.เจ้าของกิจการ คือคนที่เป็นเจ้าของธุรกิจแต่ไม่ต้องทำงานทุกวัน มีลูกจ้างบริวานบริหารจัดการให้ แต่ก็ยังควบคุมดูแลธุรกิจเหมือนเดิมเพียงแต่สามารถปล่อยวางธุรกิจโดยดูแลอยู่ห่างๆได้ หรือมีเวลาไปเที่ยวต่างๆประเทศได้โดยที่ธุรกิจยังคงทำเงินให้เจ้าของ
4.นักลงทุนคือคนที่ลงทุนทางด้านหุ้น มีทั้งหุ้นวงในและหุ้นวงนอก หุ้นวงในคือสร้างบริษัทแล้วนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยเรียกว่าหุ้น IPO เพื่อขายให้สาธารณะชน ส่วนคนภายนอกที่ซื้อหุ้นหลังจากที่เข้าตลาดหลักทรัพย์แล้วคือคนที่เล่นหุ้นวงนอก หนังสือเล่มนี้เน้นหนักไปในส่วนของหุ้นวงใน คือการสร้างบริษัท เอาเข้าตลาดหลักทรัพย์ แล้วขาย ในส่วนนี้ผมอาจอธิบายไม่ค่อยถูกเท่าใหร่เพราะไม่มีความรู้เรื่องการเล่นหุ้นเลย เพราะไม่คิดจะเป็นผู้ซื้อหุ้นจากวงนอก ตัวอย่างบริษัทที่เอาเข้าตลาดหุ้นเเล้วมีมูลค่าเพิ่มมากมาย ก็อย่างเช่น โออิชิ ช่วงก่อนเข้าตลาดหุ้นบริษัท มีมูลค่าเพียง 300 ล้านบาท แต่หลังจากเข้าตลาดหุ้นไปแล้ว กลับมีมูลค่าสูงถึง 3,000 ล้านบาท
และความคิดในการเริ่มต้นธุรกิจก็เริ่มขึ้น กับก้าวแรก ก้าวเด็ก ก้าวย่างที่พร้อมจะล้มเสมอ ธุรกิจของผมอาจจะไม่เรียกเต็มปากว่าธุรกิจ เพราะผมยังทำงานไปด้วยและพยายามทำธุรกิจเล็กๆไปด้วย เดี๋ยวมาเล่าต่อครับ ขอทำงานก่อน