เล่ม 1 เล่ม 2
เกี่ยวกับการแปล ถ้าขี้เกียจอ่านก็ข้ามไปได้เลยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- แปลตรงจากภาษาญี่ปุ่น
- จขกท ไม่ได้เก่งภาษาญี่ปุ่นอะไรมากมาย ถ้าแปลผิดตรงไหน หรืออ่านแล้วดูแปลกๆ ก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
- ที่แปลเรื่องนี้เพราะผมชอบเป็นการส่วนตัวครับ และคิดว่าไม่มีทางที่จะโดน LC มาแน่ๆ เพราะตัวนิยายไม่ได้ดังอะไรมาก เลยอยากให้คนที่ชอบเรื่องนี้เหมือนกัน ได้อ่านกัน
- แต่ถ้าบังเอิญได้ LC จริงๆ ก็จะขอลบทั้งหมดครับ
- หลายๆ มุกมันก็เฉพาะทางเจาะจงมากๆ ถ้าไม่เก็ต หรือผมแปลผิด ก็ต้องขอโทษด้วยครับ
แล้วก็ขอบอกเกี่ยวกับเล่มนี้คร่าวๆ ไว้ก่อนละกัน จะได้ไม่คาดหวังอะไรมากนัก
จากที่ผู้แต่งเขียนไว้ ว่าเล่ม 3 นี้จะเป็น Comedy 8 ส่วน Love อีก 2 ส่วนนะครับ จะต่างจาก 2 เล่มแรกที่เป็น Love ซะ 8 ส่วนครับ
ว่าแล้วก็ เริ่มกันเลยครับ กับบทแรก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้บทที่ 1 เลิกพูดบทนำแล้วล่ะ
プロローグ語るのやめました
(เล่มนี้ไม่มีบทนำครับ 2 เล่มก่อนมี....)
“เอ่อ ริกกะซัง ถึงจะพอเข้าใจว่ากำลังอารมณ์ดีอยู่ก็จริง แต่มันดูท่าจะหนักนะ ให้ชั้นถือเถอะ เจ้านั่นน่ะ”
“ไม่เป็นไร แล้วก็นะ ไม่ใช่ริกกะซัง ริกกะต่างหาก”
จากสีหน้ายิ้มแย้มร่าเริง ทาคานาชิ ริกกะซัง หรือริกกะ ก็เปลี่ยนไปทำแก้มป่อง
ยังอารมณ์เปลี่ยนไปมาบ่อยครั้งเหมือนเดิมเลย
วันที่ 1 เดือนกันยายน
วันหยุดหน้าร้อนพึ่งจะจบลงไปเมื่อวาน –––––––– วันนี้เป็นวันเปิดภาคเรียน
และ ริกกะบอกว่าวันนี้อยากไปโรงเรียนด้วยกัน เรา 2 คนก็เลยกำลังอยู่ระหว่างทางไปโรงเรียนด้วยกันอยู่
ตั้งแต่วันที่ผมสารภาพรักออกไปนั่นเลยล่ะมั้ง แต่ถ้านับแบบที่ไม่ได้ไปสายแล้วล่ะก็ ตอนนี้ก็เป็นการไปโรงเรียนด้วยกัน 2 คนครั้งแรกเลย แต่ก็นะ ผมเองเดินผ่านโรงเรียนมาครั้งนึงแล้ว เพราะจากบ้านผมไปบ้านริกกะไม่ว่ายังไงก็ต้องผ่านทางหน้าโรงเรียนน่ะนะ [Note: จากเล่มแรก ยูตะออกจาโรงเรียน ไปตามริกกะที่บ้าน สารภาพรัก แล้วไปโรงเรียนพร้อมกัน แต่ไปสาย และบ้านของ 2 คนนี้อยู่กันคนละฝั่งของโรงเรียน ไม่เหมือนในอนิเม]
พูดเองมันก็ยังไงอยู่ แต่การที่ต้องผ่านหน้าโรงเรียนไปครั้งนึงเพื่อไปรับเธอแบบนี้มันช่างสมกับเป็นคู่รักงี่เง่าแบบสุดๆ เลย แต่ก็เพราะเป็นเรื่องที่ได้ทำเป็นครั้งแรก ก็อยากให้เข้าใจกันหน่อยนะ [Note: バカップル Bakappuru = Baka + Couple = คู่รักงี่เง่า]
ไม่สิ ถึงยังไงซะ การไปโรงเรียนด้วยกันน่ะมันเป็นอะไรที่ผมใฝ่ฝันอยู่แล้วนี่!
ขณะกำลังรู้สึกยินดีเล็กๆ อยู่ในใจ ผมก็พูดกับริกกะ
“จะว่าไปแล้ว ไอ้นั่นมันอะไรเหรอ?”
ผมถามออกไป
ริกกะที่ทำแก้มป่องจนถึงเมื่อกี้เปลี่ยนสีหน้ากลับมายิ้มอย่างร่าเริงในทันที
“ของขวัญ”
แล้วเธอก็มองไปที่ของที่เธอใช้แขนข้างนึงโอบกอดเอาไว้อยู่ และก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
สิ่งนั้น –––––––– ที่ริกกะกอดเอาไว้เหมือนเป็นของสำคัญมากก็คือตุ๊กตากระต่ายไซส์พี่บิ๊ก
เป็นกระต่ายสีน้ำเงินเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน พอมองๆ ดูแล้ว เหมือนริกกะจะทำขึ้นมาเองเลย
“ก่อนอื่นก็อยากให้ยูตะได้เห็นก่อนน่ะนะ คิดว่าไง?”
“ริกกะทำเองใช่มั้ยเนี่ย? อืม น่ารักมากเลยล่ะ”
“……น่ารัก?”
“หือ? ก็น่ารักนี่นา?”
“……เป็นครั้งแรกเลยที่โดนยูตะบอกว่าน่ารัก”
“…………….”
จู่ๆ ก็มีปฏิกิริยามาในแบบที่คาดไม่ถึงซะงั้นน่ะ!
ไม่สิ มันก็จริงที่ว่าเวลาพูดชมเธอก็เอาแต่ใช้คำว่า สุดแกร่ง บ้างล่ะ หรือ เท่ไปเลย มั่งล่ะ อะไรแบบนั้นน่ะนะ
ตอนไปเดทกันครั้งแรกนั่นก็เคยพูดชมว่าน่ารักออกมาครั้งนึงก็จริง แต่นั่นก็เรียกไม่ได้ว่าตั้งใจพูดชมออกมาเป็นเรื่องเป็นราวนี่นะ….. [Note: ยูตะหลุดพูดออกมาเชิงบ่นๆ หลังจากไล่คนที่มาหลีริกกะไปแล้ว ตอนไปเดทกันครั้งแรกในเล่ม 2]
เดี๋ยวสิ ที่พูดออกไปนี่แค่ชมตุ๊กตาไม่ใช่เรอะ!?
แต่ว่านะ พูดชมแต่ตุ๊กตาไม่พูดชมริกกะแบบนี้นี่ ผมนี่มันแย่จริงๆ!
“เอะ อ่า......คือว่า เดี๋ยว เดี๋ยวก่อนนะ จริงอยู่ที่ตุ๊กตาน่ะน่ารัก แต่ที่ตุ๊กตามันน่ารักน่ะนะ.......ก็เพราะริกกะน่ะน่ารักนั่นแหละ!”
ออกอาการลนลานแต่เช้าเลยแฮะ
“ฮ…!? ยะ ยูตะ จู่ๆ ทำไมถึง!?”
“มะ ไม่มีอะไรนี่! ก็ถ้าพูดชมตุ๊กตาแต่กลับไม่เคยพูดชมริกกะแบบนี้บ้างเลย มันก็ดูจะแปลกๆ ไม่ใช่เหรอ !?”
“อุ....! มะ ไม่เป็นไรหรอกน่า! เพราะตุ๊กตานี่ก็มีวิญญาณของชั้นใส่ไว้อยู่ด้วย เพราะงั้นก็เหมือนกับเป็นการพูดกับชั้นนั่นแหละ”
“งะ งั้นเหรอ! งั้นก็แปลได้ว่าได้พูดชมริกกะก่อนสินะ! ดีจริงๆ เลย!”
“อือ.....ปลดปล่อย จาโอชินกัง•ผนึก –––––– Parfaire•Parfait!” [Note: 完璧な•完璧 มีคาตากานะกำกับว่า パルフェール•パルフェ ทับศัพท์ภาษาฝรั่งเศส โดย Parfaire เป็น verb ส่วน Parfait เป็น adj. ตรงกับรากศัพท์อังกฤษ Perfect (完璧: Kanpeki)]
แล้ว
เหมือนว่าเธอจะทนอายไม่ไหว ริกกะเลยซุกหน้าลงไปที่ตุ๊กตากระต่ายตัวใหญ่ยักษ์อย่างรวดเร็ว เป็นการตัดบทสนทนาไป
ถ้าผมยังลนลานไปมากกว่านี้ก็ไม่รู้ว่าผมจะพูดอะไรออกไปบ้าง รอดตัวไปที! ต้องขอบคุณมากๆ เลย!
ต้องเปลี่ยนเรื่องคุยสินะ
“เอ่อ แล้วนั่น เป็นของขวัญให้ใครล่ะ?”
“งือ ให้คาซาริ”
“อา คาซาริจังเหรอ เนื่องในวันเกิดของคาซาริจังงั้นเหรอ?”
“เปล่า เป็นรางวัลชนะเลิศทัวร์นาเมนต์ –––––– รางวัลชนะเลิศทัวร์นาเมนต์มอนฟา” [Note: モンファー มอนฟา หมายถึง Monster Farm モンスターファーム]
“อธิบายเจาะจงซะขนาดนั้นเพื่ออะไรเนี่ย…….”
เพราะงั้นถึงได้รู้สึกเดจาวูกับกระต่ายนี่สินะ....
แต่ก็ นั่นสินะ ทั้งริกกะแล้วก็คาซาริจังน่ะ ชอบเล่นเกมนี่นา แถมยังเป็นพวกชอบเกมเก่าๆ ซะด้วยสิ ไม่ใช่มอนฮันแต่เป็นมอนฟาสินะ
แต่จะว่าไงดีล่ะ เจ้าทัวร์นาเมนต์มอนฟานั่นน่ะ มันไม่ได้เรียกกันแบบนั้นนี่นา [Note: モンファー大会 Monfa taikai ลองหาดูก็พอมีบ้าง แค่นิดหน่อย ส่วนใหญ่เรียกกันเต็มๆ ไม่ย่อแค่ Monfa.....มั้งนะ]
น่าเศร้าใจจริงแฮะ……
“นี่ถ้าหากชั้นเป็นฝ่ายชนะละก็ ชีวิตของคาซาริก็จะตกเป็นของชั้นแล้วแท้ๆ.......น่าเสียดาย”
“ไหงคาซาริจังถึงเดิมพันด้วยชีวิตได้ล่ะเนี่ย!?”
“ไม่เป็นไรน่า! เพราะเป็นการเดิมพันแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมกันไงล่ะ!”
“ถึงจะพูดให้ดูเท่ดียังไงก็เถอะ แต่ชีวิตของคาซาริจังมันมีค่าน้อยเกินไปมากเลยมั้ยน่ะ แบบนั้นน่ะ!?”
“คาซาริเป็นคนเสนอมาเองนี่นา.......คงมั่นใจว่าจะชนะชั้นได้แน่ๆ น่ะ”
“ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่มันก็.........”
“แต่ก็ดีแล้วล่ะที่ได้ทำเจ้านี่ขึ้นมา ถ้าคาซาริชอบละก็ชั้นก็มีความสุขแล้วล่ะ”
พูดเสร็จริกกะก็ดูมีท่าทางมีความสุขจริงๆ พร้อมกับยังคงจ้องมองไปที่ตุ๊กตานั่นอย่างไม่วางตา
ระหว่างทางไปโรงเรียน ผมก็เดินไปพร้อมกับพูดคุยกับริกกะอย่างสนุกสนานเหมือนทุกครั้ง จนมาถึงโรงเรียนในที่สุด –––––– ในจังหวะนั้นเอง
จู่ๆ ก็มีเสียงเรียกมาจากด้านหลัง
ไม่สิ ให้ถูกคือจู่ๆ ก็มีเสียงตะโกนมาจากด้านหลัง
“ช้าก่อน –– !”
เพราะตกใจที่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดัง ผมกับริกกะเลยหันไปหาทางต้นเสียงพร้อมๆ กัน
ที่ตรงนั้นมีผู้หญิงอยู่คนนึง ยืนอย่างสง่าผ่าเผยพร้อมด้วยรอยยิ้มสดใส จากนั้น เธอก็ออกมาพูดต่อด้วยเสียงอันดังว่า ––––
“หึหึหึ ในที่สุดก็เจอตัวจนได้!”
“……………..”
เอ่อ ใครกันล่ะเนี่ย…..?
ถึงจะรู้สึกเหมือนเคยเห็นที่ไหนก็จริง แต่ว่าน่าจะเป็นแค่คิดไปเองมากกว่า
จะว่าไปแล้ว ชุดนั่นมันเหมือนจะเป็นเครื่องแบบของโรงเรียนเราใช่มั้ยน่ะ
ริบบิ้นมีสีที่ไม่เหมือนกัน บ่งบอกว่าเป็นนักเรียนชั้นปีสูงกว่า
แต่ก็นะ.......นอกจากสีริบบิ้นที่ไม่เหมือนกันแล้ว ยังมีจุดที่ต่างกันอยู่อีกเพียบเลย......ไม่ใช่แค่เรื่องสีเท่านั้น
“……เอ่อ…….?”
ไม่รู้จะแสดงท่าทีตอบกลับยังไงดีเลย
จริงอยู่ว่าเพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แถมยังมีอะไรให้รู้สึกแปลกๆ อยู่เต็มไปหมด แต่เพราะการที่มีคนที่ไม่รู้จักตะโกนเรียกมาว่า “ช้าก่อน” นี่แหละทำให้ไม่รู้เลยว่าจะตอบอะไรกลับไปถึงจะดี
แต่ไม่ใช่กับริกกะ
“มาแล้วงั้นรึ…..!”
“หึหึ ใช่แล้วล่ะ! ทาคานาชิ ริกกะจัง!”
หือ?
การที่ตอบกลับไปได้โดยที่ไม่มีอาการเขินอายต่อคนแปลกหน้าผิดกับทุกทีแบบนี้ แปลว่าเป็นคนรู้จักของริกกะงั้นเหรอ?
คงเป็นเพราะริกกะมีเล่นกันกับคาซาริจังก็เลยทำให้วงเพื่อนฝูงขยายเพิ่มมากขึ้นสินะ
“อุ!? …….ทำไมถึงได้มาขัดขวางพวกเรากัน!?.......จะว่าไปแล้ว ยูตะ ตัวคันจิของคำว่า ขัดขวาง นี่มันเท่ดีจังนะ” [Note : 邪魔 jama = ขัดขวาง]
“จู่ๆ ไม่ต้องหันมาพูดกับชั้นก็ได้!”
จู่ๆ ก็มองมาทางนี้ด้วยดวงตาเป็นประกายซะงั้น
แต่ก็นะ........มันก็เป็นคันจิที่ดูเท่จริงๆ นั่นแหละ!
“อะฮะฮะ วาตาชิคุงนี่มีพรสวรรค์อย่างที่คิดจริงๆ แฮะ อื้อ ยอดเยี่ยมๆ เธอนี่มีพลังที่สุดยอดอย่างที่คิดไว้เลย” [Note: เธอใช้คำว่า 私くん วาตาชิคุง เป็นคำแทนตัวเองครับ ขอทับศัพท์เลยละกัน เพราะไม่รู้จะแปลยังไง (ตอนแรกผมแปลไว้ว่า ข้าเจ้า แต่ไม่เอาดีกว่า)]
“อึก!? ทำไมถึงรู้เรื่องที่ชั้นมีพลังอยู่ได้ล่ะ!”
“สำหรับคนที่มีพลังพิเศษอย่างวาตาชิคุงน่ะแค่มองก็รู้แล้วล่ะ”
“โห ยอดไปเลย!”
“ใช่มั้ยล่ะ ยอดไปเลยใช่มั้ยล่ะ?”
ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าพูดออกมาพร้อมกับพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
พอลองมองไปทางริกกะหลังจากที่คำว่า “มีพลังพิเศษ” ถูกพูดออกมา ก็แน่นอนว่าทางนี้เองก็ดูจะถูกอกถูกใจเหมือนกัน
อืม~
รู้สึกเหมือนโดนแยกอยู่นอกวงคนเดียวเลยแฮะ
ถึงพูดไปแบบนั้นแต่ผมก็ไม่อาจแทรกเข้าไปร่วมในบทสนทนาได้เลย ได้แต่มองดูพวกเธอ 2 คนพูดโต้ตอบกันเท่านั้น
“ว่าไงล่ะ? จะไม่มาเป็นพวกกันกับวาตาชิคุงรึ?”
“น่าเสียดาย! เพราะตัวชั้นนั้นอยู่ในพันธสัญญากับยูตะแล้วล่ะ!”
“คึ…….ตอบโต้กลับทันควัน! เร็วจริง!”
“แน่อยู่แล้ว! เพราะจาโอชินกังนั้นแข็งแกร่งที่สุด!”
“งั้นเหรอ อย่างที่คิดเลย ......... ช่วยไม่ได้นะ ถ้างั้นก็เหลืออยู่แค่วิธีเดียว........”
……….รู้สึกอย่างกับเป็นบทพูดจากมังงะแนวต่อสู้ซักเรื่องเลยแฮะ
คิดไปเองล่ะมั้ง
ขณะที่รู้สึกเปล่าเปลี่ยวอยู่ตัวคนเดียวจนเริ่มคิดอยากจะพูดตบมุกออกไปนั้น จู่ๆ ผู้หญิงตรงหน้าผมก็
“เธอคนที่ดูท่าทางธรรมดาๆ ตรงนั้นน่ะ เป็นแฟนสินะ?”
ถามออกมาพร้อมกับจ้องเขม็งตรงมาที่ผม
เป็นสายตาที่ทรงพลังมาก –––––– รู้สึกเหมือนกับว่ามีออร่าแผ่ออกมาให้เห็นเลย มีแรงกดดันขนาดทำให้อุทานออกมาว่า “อึก” พร้อมกับผงะไปข้างหลังเลย
แต่ยังไงก็เถอะ ในเมื่อถูกถามว่าเป็นแฟนรึเปล่า ก็ต้องตอบกลับไปให้ชัดเจนล่ะนะ
“ใช่ครับ”
ผมตอบยืนยันออกไป
พอได้ยินคำของผม หญิงสาวก็เปลี่ยนไปมีท่าทางจริงจัง ––––
“ขอตัวคนรักของคุณด้วยค่ะ!”
พูดเสร็จก็คุกเข่า ก้มหัว หมอบกราบลงไป
(Chunibyou LN Vol 3) บทที่ 1 เลิกพูดบทนำแล้วล่ะ
เกี่ยวกับการแปล ถ้าขี้เกียจอ่านก็ข้ามไปได้เลยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แล้วก็ขอบอกเกี่ยวกับเล่มนี้คร่าวๆ ไว้ก่อนละกัน จะได้ไม่คาดหวังอะไรมากนัก
จากที่ผู้แต่งเขียนไว้ ว่าเล่ม 3 นี้จะเป็น Comedy 8 ส่วน Love อีก 2 ส่วนนะครับ จะต่างจาก 2 เล่มแรกที่เป็น Love ซะ 8 ส่วนครับ
ว่าแล้วก็ เริ่มกันเลยครับ กับบทแรก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้