เล่ม 1
เล่ม 2
บทนำ ลงไปเมื่อวานนี้ครับ
จุดนึงที่ผมผิดหวังจากอนิเมภาค 2 คือ บทของอิชชิกิ กับ คาซาริน้อยไปหน่อย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บทที่ 1 ผูกพันกันชั่วนิรันดร์
久遠の因縁
“จะ จริงสิ เราปะ ไปเดทกันดีมั้ย?”
วันสอบปลายภาควันสุดท้าย หลังโรงเรียนเลิก
พวกเรายังอยู่กันที่โรงเรียน หันโต๊ะเข้าหากันเหมือนกับตอนที่ติวกันทุกครั้ง หลังจากที่เทียบคำตอบของข้อสอบกันแล้ว ผมกับริกกะก็กำลังเล่นการ์ดเกมกันตามที่ริกกะชวนไว้ก่อนหน้านี้
ระหว่างนั้นเอง ผมเอ่ยปากชวนออกไปโดยไม่รู้ตัวขณะที่กำลังมองดูข้อความบนการ์ดอยู่
ความรู้สึกของผมพุ่งพล่านขึ้นมาทันที
“ยูตะ การ์ดนั่นมันไม่ได้มีความสามารถแบบนั้นซะหน่อยนะ”
“เอ๊ะ? อ๊ะ ไม่ได้พูดถึงการ์ดนี่นะ แต่ชั้นพูดจริงๆต่างหากล่ะ….”
“?”
ริกกะเอียงคอ เหมือนจะยังไม่เข้าใจว่าผมพูดถึงเรื่องอะไร
อือ~… ที่อุตส่าห์พูดไปมันน่าอายนะ รู้มั้ยเนี่ย….
ท่าทางคงต้องเล่นให้จบเกมนี่ก่อนแล้วถามอีกรอบสินะ
ช่วยไม่ได้แฮะ…งั้นขอเอาชนะอีกครั้งละกัน
“ดีล่ะ! งั้น ชั้นขอพาวเวอร์อัพให้การ์ดใบนี้ จากนั้นขอให้ทุกใบโจมตีโดยตรงซะ!”
“อุ…ขี้โกง”
“ขี้โกง!? ผิดแล้ว ถ้าพูดถึงระดับความหายากของการ์ดแล้วล่ะก็มันก็แค่ระดับธรรมดาทั่วไปเองนะ! แล้วชั้นที่ใช้การ์ดระดับธรรมดาออกไปนี่ถือว่าขี้โกงยังงั้นเหรอ!?”
โดยไม่สนคำคัดค้านของผม ริกกะยังคงพยายามหยิบหาการ์ดจากกองขึ้นมาอย่างสิ้นหวัง
หลังจากคำนวณค่าเสียหายเสร็จแล้ว ก็เท่ากับว่าผมได้รับชัยชนะเรียบร้อย
“อืม ดูเหมือนจะเป็นชัยชนะของชั้นอีกแล้วนะ”
“อื๊ออ~~…..”
ริกกะโอดครวญด้วยความผิดหวัง
เหมือนจะเห็นน้ำตาคลอนิดหน่อยด้วย ก็นี่ผมชนะมา 5 ครั้งรวดแล้วนี่นะ ถึงจะมีพูดกันว่าการ์ดเกมนั้นขึ้นอยู่กับดวงด้วยก็จริง แต่การที่ชนะถึง 5 ครั้งรวดแบบนี้มันก็รู้สึกถึงความต่างชั้นกันได้เลยแฮะ
หรือก็คือ เพราะการ์ดที่อยู่ในเด็คนั่นไง เล่นมีแต่การ์ดที่แค่ท่าทางดูแกร่งๆ ทั้งนั้นเลย
เหมือนโจโนอุจิคุงช่วงแรกๆยังไงล่ะ [Note : เล่นการ์ดยูกิกันอยู่แหงเลย]
พูดตรงๆ คือ มันรู้สึกเหมือนกับว่าผมถูกกำหนดให้ชนะไว้แน่ๆ แล้วนั่นเลยล่ะ เพราะไม่ใช่แค่การ์ดในเด็คของริกกะมันดูสิ้นหวังสุดๆ เท่านั้น แต่ความสามารถในการเล่นการ์ดเกมก็ยังดูสิ้นหวังไปด้วยนี่สิ
อารมณ์ว่าถึงออมมือให้ยังไง….ก็ยังชนะได้อยู่ดีน่ะ
“ทำไมกัน เด็คทมิฬแห่ง‘ศาสตร์เวทย์•เนตรมาร•ราชาปีศาจ’สุดแกร่งของชั้น….!” [Note: 最強(魔法•魔眼•魔王)闇デッキ Saikyō (mahō• mame• maō) yami dekki]
“สุดแกร่งก็แค่ชื่อเด็คเองไม่ใช่เรอะน่ะ!”
ตั้งชื่อเน้นแต่ 魔 ไปซะทุกคำสมกับเป็นริกกะจริงๆ
แต่ว่านะ พอชื่อกับความสามารถที่แท้จริงมันต่างกันราวฟ้ากับเหวแบบนี้มันจะน่าเศร้าไปหน่อยนะ….
“ถึงโดยรวมการ์ดสายความมืดจะแข็งแกร่งอยู่มากก็จริง แต่ชั้นคิดว่าควรจะมีพวกที่ใช้ทำคอมโบง่ายๆ ไว้ด้วยนะ เหมือนอย่างของชั้นนี่ไง ถ้าให้เรียกชื่อก็คงเป็น ‘เด็คไม่อ่อนนะครับ’ ล่ะมั้ง จะลองมาจัดเด็คด้วยกันเอามั้ยล่ะ?” [Note: ダメダメじゃないですデッキ Damedame janaidesu dekki]
“อือ…ยูตะ ช่วยสอนวิธีจัดเด็คให้ที…..”
ริกกะตอบเสียงอ่อยไม่เหมือนทุกครั้ง ดูว่าง่ายผิดปกติ
ตามปกติแล้วเธอจะต้องพูดว่า “เด็คสุดแกร่งนี่มันไม่ควรจะแพ้สิ!” ออกมา แม้ว่าจะแพ้มากกว่า 5 ครั้งก็เถอะ แต่นี่ไม่มีพูดอะไรแบบนั้น คงเป็นเพราะรู้ตัวแล้วว่าทำยังไงก็คงไม่ชนะล่ะมั้ง
แม้ว่าจนตอนนี้เราเริ่มคบกันมาได้ 1 เดือนแล้วก็จริง แต่การที่ได้เห็นด้านน่ารักๆ แบบต่างๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนนี่มันทำให้รู้สึกมีความสุขได้ตลอดเลย
อืม…พูดความสิเน่หาสุดๆ เลยนะเนี่ย…..
ไม่หรอกมั้ง ขอแก้ตัวหน่อยละกัน ก็ไม่ว่าใครถ้าเริ่มคบหากันแล้วล่ะก็ต้องคิดแบบนี้กันอยู่แล้วล่ะนะ
ริกกะผู้น่ารักในชุดเสื้อกั๊กหน้าร้อนของโรงเรียนคนนั้น
ริกกะที่มักจะสวมใส่อะไรที่มันสีทะมึนๆซะมาก แต่พอมาหน้าร้อนแล้วกลับกลายเป็นอีกแบบจนเหมือนไม่ใช่เธอเลย โดยเปลี่ยนจากถอดเสื้อเบลเซอร์ตัวนอกที่ใส่เป็นประจำออกเหลือแต่เสื้อแขนสั้น แล้วใส่เสื้อกั๊กสีเบจทับแทน โดยสีของเสื้อกั๊กนั้นต้องเป็นไปตามที่โรงเรียนกำหนดไว้ เลยเลือกสีไม่ได้มากเท่าไร เลือกได้แค่สีขาว สีเบจ หรือสีเทาเท่านั้น นี่ถ้าให้เลือกสีเองได้ริกกะจะต้องเลือกสีดำอย่างแน่นอนเลย
และเป็นเพราะเสื้อแขนสั้นนั่น ทำให้มองเห็นผ้าพันแผลที่แขนซ้ายได้อย่างชัดเจน แต่นั่นก็หมายถึงได้เห็นผิวพรรณสวยงามของเธอไปด้วย ต่างจากตอนใส่เบลเซอร์เลย แถมดูเข้ากันกับกระโปรงแดงลายสก๊อตที่ปกติก็ดูสวยงามอยู่แล้วมากเข้าไปอีก
แล้ว ผมก็ไม่คิดที่จะหาวิธีต้านทานความบางของเสื้อแขนสั้นนั่นหรอกนะ
…....เมื่อกี้ก็แค่มุกตลกขำๆ น่ะนะ
แล้ววันนี้เธอก็ไม่ได้ใส่ผ้าคาดตามาด้วย เห็นตาสีทองสีดำ 2 สีชัดเจน
แล้วผมก็รู้สึกตัวว่ากำลังโดนตา 2 สีนั่นจ้องมองอยู่
“นี่ยูตะ เมื่อกี้ได้พูดอะไรออกมารึเปล่า หรือว่าชั้นคิดไปเอง?”
“อ่า อืม จะว่าไงดีล่ะ?”
คำพูดนั่นทำเอาผมนิ่งไปเลย
พอไม่มีอะไรมาผลักดันแล้วให้มาพูดกันต่อหน้าแบบนี้มันรู้สึกอายจริงๆ แฮะ
แค่นึกถึงคำหรือประโยคที่ไม่คุ้นเคยพวกนั้นก็ทำให้หน้าแดงได้แล้ว
แต่ว่านะ นี่มันจะ 1 เดือนแล้ว ใกล้จะครบรอบ 1 เดือนอยู่รอมร่อแล้ว แต่ยังไม่เคยได้ไปเดทกันเลยซักครั้งแบบนี้มันทำให้รู้สึกหงอยจริงๆนั่นแหละ
เพราะงั้นผมเลยตัดสินใจ พูดออกไปอีกครั้ง
“เอ่อ….ก็เราคบกันมาเกือบจะครบเดือนแล้วใช่มั้ยล่ะ เพราะงั้นชั้นเลยคิดว่า —— เราไปเดทกันดีมั้ย อะไรแบบนั้นน่ะ”
“เดท?”
หลังจากทำหน้าเหมือนกำลังคิดหาความหมายของคำเมื่อกี้แล้ว ริกกะก็ยิ้มและทำท่าทางแสดงให้เห็นว่าเข้าใจออกมา เธอผงกหัวหงึกๆ อยู่หลายครั้ง พอเห็นท่าทางน่ารักจนบรรยายไม่ถูกแบบนั้นแล้วทำเอาผมยิ้มตอบไปโดยไม่รู้ตัวเลย
“อืม ก็เพราะเป็นครบรอบ 1 เดือน ก็เลยอยากจะทำอะไรเป็นการฉลองไง”
“ครบรอบ 1 เดือนเหรอ….นั่นสินะ งั้นต้องทำพันธสัญญาใหม่ ยูตะ ยื่นมือซ้ายมาหน่อยสิ”
“มือซ้าย?”
ขณะที่ถามพูดผมก็ยื่นมือซ้ายออกไปให้ แน่นอนว่าที่มือซ้ายของผมยังมีร่องรอยของการทำพันธสัญญาหลงเหลืออยู่ เป็นรอยปากกาเมจิคที่เขียนเป็นตัวอักษรกลมมน [ゆ] จะพูดว่ามันดูเท่ดีก็คงได้มั้ง
จากนั้นเธอก็เอาปากกาเมจิคออกมา
“จะทำอะไรล่ะนั่น!?”
“ทำการลงพันธสัญญาใหม่ ฉลองครบรอบ 1 เดือน ยูตะ หลับตาลงซักเดี๋ยวสิ ถ้ามองล่ะก็จะเป็นอันตรายได้ ยูตะจะถึงตายเลยนะ”
“นี่คิดจะฆ่าชั้นรึไงเนี่ย!?”
จะโดนฆ่าตายตอนฉลองครบรอบ 1 เดือนแบบนี้นี่ คงไม่มีคำไหนอธิบายสถานการณ์นี้ได้ดีไปกว่าคำว่ายันเดเระหรอกมั้ง
แต่จะว่าไปแล้ว ทุกครั้งที่ทำการปลดปล่อยหรืออะไรทำนองนี้ก็มักจะโยงให้เกี่ยวพันกับชีวิตผมตลอดน่ะแหละ….
ผมได้แต่หวังว่าจะถึงวันที่เราทำอะไรกันแบบนี้โดยไม่ต้องเกี่ยวพันถึงชีวิตผมซะที
ไม่งั้นล่ะก็มีกี่ชีวิตก็ไม่พอหรอก
“รีบปิดตาเร็วๆ สิ”
“คร้าบ…”
พอผมปิดตาก็ได้ยินเสียงเปิดฝาดัง ‘ป๊อก’ แล้วก็เหมือนเมื่อตอนวันเกิดของเธอ เธอเขียนอะไรบางอย่างลงที่หลังมือซ้ายของผม
หลังจาก 5 นาทีผ่านไป
“โห! อะไรกันเนี่ย สุดยอดไปเลย!”
“หลักฐานของพันธสัญญาอันใหม่ไงล่ะ!”
เธอพูดประโยคเดียวกับเมื่อตอนวันเกิดออกมา
แต่ว่า——ใบหน้าของเธอดูมีความสุขมากกว่าตอนนั้นมาก
บางที ผมเองก็คงมีสีหน้าแบบเดียวกันอยู่ก็ได้
และที่มือของผมตอนนี้ มีลวดลายสัญลักษณ์สุดเท่ล้อมรอบตัวอักษร [ゆ] แสดงถึงพันธสัญญาใหม่ อย่างกับลวดลายสัญลักษณ์ที่ใช้ยิงลำแสงออกมายังไงยังงั้นเลย [Note: 紋章砲とか撃てそうである。Monshō-hō toka ute-sōdearu >> 紋章砲 Monshō-hō]
“เป็นไงมั่งล่ะ?”
“อะ อื้ม นี่มันเท่ไปเลยล่ะ!”
มันเท่ก็จริง แต่จะทำยังไงกับมันดีเนี่ย
เพราะมันดูรกๆ เด่นสะดุดตาสุดๆ! เอาเถอะ ไว้ค่อยคิดถึงเรื่องนั้นทีหลังละกัน
“แล้ว คราวนี้มันมีผลอะไรงั้นเหรอ ?”
“…...เป็นพันธสัญญาที่คอยปกปักรักษาคำสัญญาไปเดทด้วยกัน”
ริกกะทำท่าทางแปลกๆ ดูเขินอายเล็กน้อยขณะที่พูดออกมา
อ๊าา จะน่ารักไปไหนเนี่ย!
“ไม่ต้องห่วงน่า ชั้นรักษาสัญญาแน่นอน การรักษาสัญญาเป็นสิ่งที่ลูกผู้ชายพึงทำอยู่แล้ว จะเรียกชั้นว่าชายผู้รักษาสัญญาก็ยังได้นะ”
“ชายผู้รักษาสัญญา” [Note: 約束男 Yakusoku otoko]
เธอลองเรียกออกมาจริงๆ อือ ดูเป็นชื่อเรียกเล่นๆ ที่ไม่ค่อยเข้าท่าเลยแฮะ ขอถอนคำพูดเมื่อกี้ละกันนะ
“เอ่อ คือ ช่วยเรียกยูตะเหมือนเดิมดีกว่านะ…. แล้วก็นะ จะไปกันเมื่อไรดีล่ะ? วันครบรอบ 1 เดือนตรงกับวันจันทร์พอดี…..งั้นไปเดทกันวันอาทิตย์เป็นไง?”
“รับทราบ”
พูดเสร็จ ริกกะก็เอาสมุดโน้ตลวดลายตารางขาวแดงน่ารักๆออกมา แล้วก็เขียนว่า“Hyper Date Time” ลงไปในวันอาทิตย์ถัดไป พร้อมวาดรูปหัวใจต่อท้ายด้วย
…...Hyper Date Time นั่นคืออะไร เอาเถอะ เธอมีวาดรูปหัวใจไว้ด้วย ผมไม่คิดจะตบมุกอะไรแล้วล่ะ
“อืม แล้วจะทำอะไรกันดี? ริกกะมีที่ไหนที่อยากไปรึเปล่า? จะไปที่ไหนก็ได้นะ!”
“อืม~ แล้วยูตะล่ะ? อยากไปที่ไหน อยากจะค้นหาพลังแบบไหน?”
“อยากจะค้นหาพลังนั่นมันอะไรล่ะน่ะ!?”
แล้วมันตามหาได้ด้วยรึไง ไอ้พลังนั่นน่ะ มันมีไปตกอยู่ในที่แปลกๆ ที่ไหนรึไง เป็นวาสะแมชชีนเรอะ [Note : 技マシン ถ้าเล่นโปเกมอนภาษาญี่ปุ่นคือ わざマシン ภาษาอังกฤษคือ TM หรือ Technical Machine]
แล้วนั่นมันไม่ใช่สิ่งที่ทำกันตอนไปเดทกันซะหน่อย….
ไม่สิ ถ้าเป็นริกกะอาจจะเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ใช่สำหรับผมแน่ๆ
“เพราะยูตะเป็นดาร์คเฟลมมาสเตอร์ เพราะฉะนั้นจึงควรใช้พลังที่มีส่วนประกอบของความมืดและเปลวเพลิง จะมาค้นคว้าหาท่าไม้ตายใหม่ด้วยกันมั้ย?”
“ไม่ล่ะ….ไว้คราวหน้าดีกว่า….เรื่องที่เป็นปัญหากว่าตอนนี้คือ นี่เป็นเดทครั้งแรกใช่มั้ยล่ะ ชั้นก็เลยนึกว่าเธออยากจะไปที่ไหนซะอีกน่ะ”
“อย่างนั้นเหรอ ถ้างั้น ไปค้นหาโลกปีศาจด้วยกันเป็นไง?”
ไม่ใช่ๆ ถึงมันจะดูน่าสนุกก็จริง และไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจอารมณ์นั้นหรอกนะ
เพราะเมื่อก่อนผมเองก็เคยเล่นอะไรแบบตามหาหลุมหาโพรงที่เชื่อมต่อระหว่างโลกปีศาจกับโลกมนุษย์เหมือนกัน
นั่นก็เพื่อกำจัดมอนสเตอร์ S-rank น่ะนะ ถึงผมจะเคยมีทำอะไรแบบนั้น แต่คราวนี้….ขอให้เป็นเดทแบบปกติธรรมดาทั่วไปเถอะ
“เข้าใจแล้ว อันนั้นก็ขอเอาไว้คราวหน้าละกันนะ แล้ว ในเมื่อคราวนี้ชั้นเป็นคนชวน ถ้างั้นชั้นจะเป็นคนวางแผนละกัน ดีมั้ย?”
“งือ~ ช่วยไม่ได้นะ ครั้งนี้ให้เป็นหน้าที่ของยูตะละกัน ชั้นจะรอดู”
เธอทำแก้มป่องนิดหน่อย แต่ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะท่าทางเธอดูมีความสุขมากๆ
แต่ว่า ถึงจะบอกว่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมได้ก็จริง แต่ผมเองยังไม่ได้มีแผนเตรียมไว้สำหรับเดทครั้งแรกนี่เลย
ทำไงดีล่ะเนี่ย….
ช่วยไม่ได้แฮะ พรุ่งนี้ คงต้องลองปรึกษาคุณคนโรคจิตดูหน่อย ผมเอามือถือออกมาแล้วบันทึกเรื่อง [เดท] ลงไป พร้อมข้อความว่าต้องขอคำปรึกษา
“ในเมื่อตัดสินใจเรื่องเดทเสร็จแล้ว ยูตะ มาสู้กันอีก 5 รอบ!”
จู่ๆริกกะก็พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจังสุดๆ
ก็คาดไว้อยู่แล้วล่ะนะ แล้วเราก็เล่นการ์ดเกมกันต่อ
—— ผมคิดว่าคงไม่ต้องพูดอะไรอีกมั้ง ผมชนะอีก 5 ครั้งรวด รวมเป็นชนะ 10 ครั้งรวดที่เล่นกับริกกะ
“วันไปเดทก็ต้องมาเล่นการ์ดกันด้วย!”
เธอบ่นครวญครางออกมา
ยังคงเกลียดการแพ้ไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ
-------------------------------------------
(Chunibyou LN Vol 2) บทที่ 1 ผูกพันกันชั่วนิรันดร์
เล่ม 2 บทนำ ลงไปเมื่อวานนี้ครับ
จุดนึงที่ผมผิดหวังจากอนิเมภาค 2 คือ บทของอิชชิกิ กับ คาซาริน้อยไปหน่อย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้