สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
เขาหลอกตัวเองน่ะซิ
สมองคำนวณและสั่งการมาแล้วว่าคุณต้องการอาหารอย่างน้อยวันละ 1200-1500 kcal เพื่อการดำรงชีวิตรอด
หัวใจเต้น ใช้พลังงาน สมอง แม้อยู่เฉยๆก็ใช้พลังงาน (เยอะซะด้วย) ตับ ไต ไส้พุง กระเพาะใช้พลังงาน กล้ามเนื้อที่มีอยู่น้อยนิด ก็ใช้พลังงาน
อย่างที่วันๆ คุณนอนอย่างเดียว ไม่ขยับร่างกายเลย พลังงานที่พวกนี้ใช้ คือค่า BMR ก็คือ 1200-1500 kcal
ฉะนั้น ถ้าคุณยากมีชีวิตอยู่ คุณต้องกินให้มีพลังงานเพียงพอที่จะเลี้ยงกิจกรรมพวกนี้ในร่างกายของคุณเอง
แล้วถ้าวันๆ คุณไม่ได้เป็นอัมพาตนอนเฉยๆ แต่มีการลุกๆนั่งๆ ไปทำงาน พิมพ์คอมพิวเตอร์ ดูทีวีด้วยล่ะ
นั่นคือค่า TDEE ซึ่งก็คือพลังงานพื้นฐานที่คุณใช้ (ฺBMR) บวกกับพลังงานที่คุณใช้ๆไปในแต่ละวัน
ถ้าจะลดความอ้วนล่ะ ทำยังไง? ก็ต้องเพิ่มไอ้พลังงานที่คุณใช้ๆไปในแต่ละวันให้สูงขึ้น แทนที่จะดูทีวี เปลี่ยนมาถีบจักรยานหน้าทีวี หรือออกไปวิ่ง
ออกกำลังกาย ใช้พลังงานเยอะๆ การออกกำลังกาย คุณใช้พลังงาน 500-700 kcal ต่อชั่วโมง ออกมันไปซิ 2 ชั่วโมง ปาเข้าไป 1000 kcal แล้ว
โดยที่ยังกินเข้าไปเท่าเดิม แต่พลังงาน deficit ไป 1000 แคล ยังไงก็ผอมลง แต่ผอมลงแบบแข็งแร็งขึ้น ! ค่า TDEE จะสูงขึ้น
ถ้าอยากให้ผอมลงเร็วขึ้นกว่าเดิมอีก ทำยังไง?
ก็เพิ่มค่า BMR ไปด้วยซิ แล้วทำยังไงล่ะ ? ตับ ไต ไส้ พุง หัวใจ สมอง เพิ่มไม่ได้แล้ว แต่กล้ามเนื้อเราเพิ่มได้ กล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้นครึ่งกิโล จะช่วยเผาผลาญพลังงานได้ถึง 50 kcal ต่อวัน โดยที่ไม่ได้ใช้งานมัน เล่นเวทเข้าไป กินโปรตีนเข้าไป เล่นเวทหนักๆ ให้กล้ามเนื้อขึ้นเยอะๆ กล้ามเนื้อขึ้นเยอะ มันจะใช้พลังงานเยอะ เผาผลาญไขมันให้เราเองโดยที่เราไม่รู้ตัว สมองก็ใช้พลังงานเยอะ เพิ่มขนาดไม่ได้ ก็เพิ่มการใช้งาน แทนที่จะนั่งอ่านเฟซบุ้ค ก็เล่นเกม sudoku สมองจะใช้พลังงานเพิ่มขึ้นไปอีก
อาหารที่กินเข้าไป ไม่ใช่สักแต่ดูปริมาณ พอบอกว่า กินได้เท่าเดิม ก็กินเหมือนๆเดิม
เราต้องดูที่คุณภาพของอาหารที่กินเข้าไปด้วย อาหารที่ไม่คลีน น้ำมันเยอะ แป้งขัดขาวเยอะ ไขมันเลวเยอะ เรากินเข้าน้อย หรือมากยังไง ก็เหลือสะสมในร่างกาย แต่ถ้ากินคลีน กินเข้าไปร่างกายสามารถนำทุกอย่างออกไปใช้เป็นพลังงานได้หมดเกลี้ยง
แล้วกินเข้าไป ปริมาณเท่าไหร่ต่อวันดี ??
คร่าวๆคือ TDEE ของคุณเอง ลบด้วย 300-500 kcal
แต่ในรายละเอียด ยังมีการคำนวณคาร์บ โปรตีน ไขมันในแต่ละวันด้วย อันนั้นสำหรับคนที่เพาะกายซีเรียส อยากให้มีกล้ามขึ้นชัดๆ
ต้องมีวินัยมากทีเดียว
สำหรับเราๆที่ทำเพื่อสุขภาพ ดูให้รวมๆมันพอดีๆ สมดุลกัน ผักเยอะ โปรตีนเยอะ คาร์บน้อย ก็ใช้ได้แล้ว กินไม่เยอะเกินไป ใช้เยอะกว่ากินเข้าสักหน่อย น้ำหนักที่ลดลงไป ก็จะเป็นน้ำหนักไขมันล้วนๆ
ถ้าอดอาหาร กิน 500 แคล น้ำหนักจะลดลงในช่วงแรกเยอะมาก แต่น้ำหนักที่หายไป มีทั้งน้ำ ทั้งกล้ามเนื้อ (ที่เราไม่อยากเสียไป) และไขมันบางส่วน
เมื่อร่างกายปรับตัว ร่างกายจะอัตราการเผาผลาญให้ชินกับ 500 แคล มันจะเริ่มกักไขมันมากขึ้น ทีนี้ กินเข้าไป 500 แคล กลายเป็นไขมันสะสมหมด
กล้ามเนื้อก็ไม่มี ร่างกายจะผอมลง แต่เต็มไปด้วยไขมัน รอวันโยโย่ เมื่อไหร่หลุดจาก 500 แคล กินเข้าไปเท่าไหร่ กลายเป็นไขมันหมด เพราะร่างกายจะกลัว (basic instinct) ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะอดอาหารอีก เพราะฉะนั้น มันจะเก็บไขมันให้ได้มากที่สุด
คุณเคยเห็นหมีหุ่นดีไหมละ? เพราะในช่วงฤดูปกติ หมีจะกิน และสะสมไขมัน เอาไว้จำศึลในฤดูหนาวไง ตอนจำศึลก็เหมือนกับคุณตอนกิน 500 kcal นี่แหละ ร่างกายต้องประหยัดพลังงานทุกอย่าง เอาไว้ให้หัวใจเต้นได้ สมองทำงานได้ เพราะฉะนั้น อวัยวะอื่นๆ ต้องทำงานแต่น้อย เพราะชีวิตต้องรอด ตัวหมีเลยเต็มไปด้วยไขมันสะสม แม้จะจำศึลนานหลายเดือน ก็ยังอ้วนอยู่
แล้วทำไมจอนไม่อ้วนขึ้น
จอนต้องปรับตัว โดยการหันมาออกกำลัง และกินมากขึ้นกว่าเดิม สร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาใหม่ แทนที่ไขมันที่เขาสะสมในช่วง 500 แคล
แต่ไอ้ 500 แคลน่ะ เขาขายได้ทำเงินให้ตัวเองไปเยอะแล้ว ถามดูซิ ทุกวันนี้ยังกิน 500 แคลรึเปล่า
แล้วถ้าคุณทำตามเขาล่ะ? กิน 500 แคลก่อน ให้น้ำหนักลง แล้วค่อยออกกำลังกาย และกินเยอะขึ้นเหมือนจอน
ทำได้ แต่จะทำอย่างนั้นทำไมให้โง่ !!!
เพราะสิ่งที่คุณต้องการลดคือไขมัน !!!!!! ไม่ใช่น้ำหนัก !!!!!!!
การลดไขมัน สิ่งที่คุณต้องมีคือ 1. กล้ามเนื้อเยอะๆ 2. อัตราการเผาผลาญสูงๆ
นั่นคือ คุณต้องกิน และออกกำลังเยอะๆ ถึงจะได้สองอย่างที่เป็นอาวุธสำคัญนี้มาต่อสู้กับไขมัน
การอดอาหาร ทำให้คุณสูญเสียอาวุธทั้ง 2 อย่างไปก่อน
เหมือนกับการเดินเข้าสนามรบ แล้วดันโยนโล่ห์กับดาบทิ้งไปซะ แล้วไปสู้กับศัตรูด้วยมือเปล่า !
คุณอาจจะชนะก็ได้ แต่โอกาสแพ้มีมากกว่า ใช่หรือไม่ ?
สิ่งที่จอนไม่ได้บอกคุณ มีอีกมากมาย
อยากเรียนรู้วิธีทำให้สุขภาพดี ต้องเรียนรู้กับผู้รู้ ไม่ใช่กับดารานะจ๊ะ
คนเรา เก่งกันคนละด้าน คุณคงไม่ไปถามวิธีถ่ายแบบกับหมอหรอก ใช่ไหม?
แนะนำให้ไปหาหนังสือ หมอชาวบ้านมาอ่าน
เราแนะนำเล่มที่เกี่ยวกับการวิ่งซึ่งเก่าแล้ว แต่บทแรกๆ มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องการลดความอ้วนให้ถูกวิธีอยู่ ไม่รู้ยังหาซื้อได้ไหมนะ
ส่วนเล่มที่กำลังออกใหม่นี้ น่าจะของโค้ชเป้ง ez2fit เกี่ยวกับการเดิน วิ่ง ออกกำลังกาย
ไหนๆจะเสียตังค์ ขอให้ได้แลกกับความรู้ ไม่ใช่ขยะ
สมองคำนวณและสั่งการมาแล้วว่าคุณต้องการอาหารอย่างน้อยวันละ 1200-1500 kcal เพื่อการดำรงชีวิตรอด
หัวใจเต้น ใช้พลังงาน สมอง แม้อยู่เฉยๆก็ใช้พลังงาน (เยอะซะด้วย) ตับ ไต ไส้พุง กระเพาะใช้พลังงาน กล้ามเนื้อที่มีอยู่น้อยนิด ก็ใช้พลังงาน
อย่างที่วันๆ คุณนอนอย่างเดียว ไม่ขยับร่างกายเลย พลังงานที่พวกนี้ใช้ คือค่า BMR ก็คือ 1200-1500 kcal
ฉะนั้น ถ้าคุณยากมีชีวิตอยู่ คุณต้องกินให้มีพลังงานเพียงพอที่จะเลี้ยงกิจกรรมพวกนี้ในร่างกายของคุณเอง
แล้วถ้าวันๆ คุณไม่ได้เป็นอัมพาตนอนเฉยๆ แต่มีการลุกๆนั่งๆ ไปทำงาน พิมพ์คอมพิวเตอร์ ดูทีวีด้วยล่ะ
นั่นคือค่า TDEE ซึ่งก็คือพลังงานพื้นฐานที่คุณใช้ (ฺBMR) บวกกับพลังงานที่คุณใช้ๆไปในแต่ละวัน
ถ้าจะลดความอ้วนล่ะ ทำยังไง? ก็ต้องเพิ่มไอ้พลังงานที่คุณใช้ๆไปในแต่ละวันให้สูงขึ้น แทนที่จะดูทีวี เปลี่ยนมาถีบจักรยานหน้าทีวี หรือออกไปวิ่ง
ออกกำลังกาย ใช้พลังงานเยอะๆ การออกกำลังกาย คุณใช้พลังงาน 500-700 kcal ต่อชั่วโมง ออกมันไปซิ 2 ชั่วโมง ปาเข้าไป 1000 kcal แล้ว
โดยที่ยังกินเข้าไปเท่าเดิม แต่พลังงาน deficit ไป 1000 แคล ยังไงก็ผอมลง แต่ผอมลงแบบแข็งแร็งขึ้น ! ค่า TDEE จะสูงขึ้น
ถ้าอยากให้ผอมลงเร็วขึ้นกว่าเดิมอีก ทำยังไง?
ก็เพิ่มค่า BMR ไปด้วยซิ แล้วทำยังไงล่ะ ? ตับ ไต ไส้ พุง หัวใจ สมอง เพิ่มไม่ได้แล้ว แต่กล้ามเนื้อเราเพิ่มได้ กล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้นครึ่งกิโล จะช่วยเผาผลาญพลังงานได้ถึง 50 kcal ต่อวัน โดยที่ไม่ได้ใช้งานมัน เล่นเวทเข้าไป กินโปรตีนเข้าไป เล่นเวทหนักๆ ให้กล้ามเนื้อขึ้นเยอะๆ กล้ามเนื้อขึ้นเยอะ มันจะใช้พลังงานเยอะ เผาผลาญไขมันให้เราเองโดยที่เราไม่รู้ตัว สมองก็ใช้พลังงานเยอะ เพิ่มขนาดไม่ได้ ก็เพิ่มการใช้งาน แทนที่จะนั่งอ่านเฟซบุ้ค ก็เล่นเกม sudoku สมองจะใช้พลังงานเพิ่มขึ้นไปอีก
อาหารที่กินเข้าไป ไม่ใช่สักแต่ดูปริมาณ พอบอกว่า กินได้เท่าเดิม ก็กินเหมือนๆเดิม
เราต้องดูที่คุณภาพของอาหารที่กินเข้าไปด้วย อาหารที่ไม่คลีน น้ำมันเยอะ แป้งขัดขาวเยอะ ไขมันเลวเยอะ เรากินเข้าน้อย หรือมากยังไง ก็เหลือสะสมในร่างกาย แต่ถ้ากินคลีน กินเข้าไปร่างกายสามารถนำทุกอย่างออกไปใช้เป็นพลังงานได้หมดเกลี้ยง
แล้วกินเข้าไป ปริมาณเท่าไหร่ต่อวันดี ??
คร่าวๆคือ TDEE ของคุณเอง ลบด้วย 300-500 kcal
แต่ในรายละเอียด ยังมีการคำนวณคาร์บ โปรตีน ไขมันในแต่ละวันด้วย อันนั้นสำหรับคนที่เพาะกายซีเรียส อยากให้มีกล้ามขึ้นชัดๆ
ต้องมีวินัยมากทีเดียว
สำหรับเราๆที่ทำเพื่อสุขภาพ ดูให้รวมๆมันพอดีๆ สมดุลกัน ผักเยอะ โปรตีนเยอะ คาร์บน้อย ก็ใช้ได้แล้ว กินไม่เยอะเกินไป ใช้เยอะกว่ากินเข้าสักหน่อย น้ำหนักที่ลดลงไป ก็จะเป็นน้ำหนักไขมันล้วนๆ
ถ้าอดอาหาร กิน 500 แคล น้ำหนักจะลดลงในช่วงแรกเยอะมาก แต่น้ำหนักที่หายไป มีทั้งน้ำ ทั้งกล้ามเนื้อ (ที่เราไม่อยากเสียไป) และไขมันบางส่วน
เมื่อร่างกายปรับตัว ร่างกายจะอัตราการเผาผลาญให้ชินกับ 500 แคล มันจะเริ่มกักไขมันมากขึ้น ทีนี้ กินเข้าไป 500 แคล กลายเป็นไขมันสะสมหมด
กล้ามเนื้อก็ไม่มี ร่างกายจะผอมลง แต่เต็มไปด้วยไขมัน รอวันโยโย่ เมื่อไหร่หลุดจาก 500 แคล กินเข้าไปเท่าไหร่ กลายเป็นไขมันหมด เพราะร่างกายจะกลัว (basic instinct) ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะอดอาหารอีก เพราะฉะนั้น มันจะเก็บไขมันให้ได้มากที่สุด
คุณเคยเห็นหมีหุ่นดีไหมละ? เพราะในช่วงฤดูปกติ หมีจะกิน และสะสมไขมัน เอาไว้จำศึลในฤดูหนาวไง ตอนจำศึลก็เหมือนกับคุณตอนกิน 500 kcal นี่แหละ ร่างกายต้องประหยัดพลังงานทุกอย่าง เอาไว้ให้หัวใจเต้นได้ สมองทำงานได้ เพราะฉะนั้น อวัยวะอื่นๆ ต้องทำงานแต่น้อย เพราะชีวิตต้องรอด ตัวหมีเลยเต็มไปด้วยไขมันสะสม แม้จะจำศึลนานหลายเดือน ก็ยังอ้วนอยู่
แล้วทำไมจอนไม่อ้วนขึ้น
จอนต้องปรับตัว โดยการหันมาออกกำลัง และกินมากขึ้นกว่าเดิม สร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาใหม่ แทนที่ไขมันที่เขาสะสมในช่วง 500 แคล
แต่ไอ้ 500 แคลน่ะ เขาขายได้ทำเงินให้ตัวเองไปเยอะแล้ว ถามดูซิ ทุกวันนี้ยังกิน 500 แคลรึเปล่า
แล้วถ้าคุณทำตามเขาล่ะ? กิน 500 แคลก่อน ให้น้ำหนักลง แล้วค่อยออกกำลังกาย และกินเยอะขึ้นเหมือนจอน
ทำได้ แต่จะทำอย่างนั้นทำไมให้โง่ !!!
เพราะสิ่งที่คุณต้องการลดคือไขมัน !!!!!! ไม่ใช่น้ำหนัก !!!!!!!
การลดไขมัน สิ่งที่คุณต้องมีคือ 1. กล้ามเนื้อเยอะๆ 2. อัตราการเผาผลาญสูงๆ
นั่นคือ คุณต้องกิน และออกกำลังเยอะๆ ถึงจะได้สองอย่างที่เป็นอาวุธสำคัญนี้มาต่อสู้กับไขมัน
การอดอาหาร ทำให้คุณสูญเสียอาวุธทั้ง 2 อย่างไปก่อน
เหมือนกับการเดินเข้าสนามรบ แล้วดันโยนโล่ห์กับดาบทิ้งไปซะ แล้วไปสู้กับศัตรูด้วยมือเปล่า !
คุณอาจจะชนะก็ได้ แต่โอกาสแพ้มีมากกว่า ใช่หรือไม่ ?
สิ่งที่จอนไม่ได้บอกคุณ มีอีกมากมาย
อยากเรียนรู้วิธีทำให้สุขภาพดี ต้องเรียนรู้กับผู้รู้ ไม่ใช่กับดารานะจ๊ะ
คนเรา เก่งกันคนละด้าน คุณคงไม่ไปถามวิธีถ่ายแบบกับหมอหรอก ใช่ไหม?
แนะนำให้ไปหาหนังสือ หมอชาวบ้านมาอ่าน
เราแนะนำเล่มที่เกี่ยวกับการวิ่งซึ่งเก่าแล้ว แต่บทแรกๆ มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องการลดความอ้วนให้ถูกวิธีอยู่ ไม่รู้ยังหาซื้อได้ไหมนะ
ส่วนเล่มที่กำลังออกใหม่นี้ น่าจะของโค้ชเป้ง ez2fit เกี่ยวกับการเดิน วิ่ง ออกกำลังกาย
ไหนๆจะเสียตังค์ ขอให้ได้แลกกับความรู้ ไม่ใช่ขยะ
แสดงความคิดเห็น
ผมเพิ่งลดน้ำหนัก สูตรจอน มา5 วัน สงสัย
http://ppantip.com/topic/32355023
กินแต่น้ำ วันละ3500 ml จนเกลียดรสชาติน้ำมาก รู้สึกเอียนน้ำจริง (ยกเว้นน้ำดื่มตราสิงห์ที่หวานไม่รู้ใส่น้ำตาลรึเปล่า ชอบมาก) ข้าวนิดเดียวไม่เกิน500 ไม่ไหวครับจะเปนลม 5 วันนี้เป็นวันที่ทรมาณที่สุดในชีวิต
อยากทราบว่าคนที่เคยทำ เป็นแบบผมป่าว แต่จอนบอกเองในคลิปนะครับว่า ที่ผมเปนแบบนี้เพราะสมองมันหลอก ความจริงแล้วไม่มีอะไร กระเพาะไม่ได้ต้องการแต่สมองต่างหากที่อยากให้เราอ้วน ดูอย่างตอนนอนสิ เราไม่เหนหิวเลย เพราะสมองไม่ทำงาน ไม่ทราบว่าเรื่องนี้มีหลักฐานทางวิทย์รึเปล่า
สรุปคำถาม
1.อาการที่ผมเป็นปกติหรือไม่
2.ที่เราหิวท้องร้องมาก ๆ เพราะสมองหลอกหรือเปล่า
3.อดมากแบบวิธีจอน วิญญู ทำให้เป็นโรคกระเพาะหรือไม่
4.ผมเพิ่งทำตามมา5 วัน ถ้าจะเลิกอันตรายไหม
5.ทำไมจอนไม่เป็นโรคกระเพาะ หรืออะไรที่เกี่ยวกับการลดน้ำหนักเลย ดูเเข็งแรง สมองลื่นปรื๊ดๆๆ
เออลืม ขอกลับมาแก้ไข
ลืมบอกน้ำหนักตัวเอง ผมหนักก่อนที่จะไปรู้จัก กับนาย จู วิน ยอน 107 ณปัจจุบันตอนนี้ 5 วัน หลังจากนั้น หนัก100