มาร์ค รับปมผูกขาดธุรกิจพลังงานมีจริงโดย ไทยรัฐออนไลน์
"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ยอมรับปมผูกขาดธุรกิจพลังงานมีจริง ชี้ ปตท.เป็นค้างคาว ต้องรีบปฏิรูป
วันที่ 8 ก.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปัญหาพลังงานว่า
ต้องยอมรับว่าปัญหาการผูกขาดธุรกิจจะมีอยู่ซึ่งไม่ใช่เฉพาะเรื่องพลังงาน แต่อะไรที่เกี่ยวข้องกับ
สาธารณูปโภค ที่ต้องมีการผลิต แปรรูป และขนส่งจะมีการผูกขาดโดยธรรมชาติ ดังนั้นอย่าไปสรุป
ว่าธุรกิจพลังงานทั้งหมดผูกขาด เพราะการผลิตหรือ แปรรูปอาจจะแข่งกันได้ แต่ระบบที่เป็นเหมือน
คอขวดคือ ระบบส่งโดยธรรมชาติจะเป็นการผูกขาด
ส่วนปัญหาน้ำมัน แก๊สในประเทศไทยที่มีราคาแพง ตนมองว่าการผูกขาดมีอยู่จริง แม้จะมีการกำหนด
ไว้ชัดเจนว่า หากจะมีการแปรรูปอะไรก็ตาม ต้องไม่ไปเกี่ยวข้องกับส่วนที่มีการผูกขาดโดยธรรมชาติ
และต้องมีกฎหมาย กติกา หรือให้องค์กรอิสระที่มีความสามารถ เป็นผู้มาดูแลเรื่องการแข่งขัน แต่เมื่อ
เข้าสู่ขั้นตอนการแปรรูป ก็ไม่มีการออกกฎหมายเรื่องการกำกับกิจการพลังงาน มีการเอาทุกอย่างไป
ขายในตลาด ยกการผูกขาดของรัฐให้กับผู้ถือหุ้น ซึ่งอาจจะมีกระทรวงการคลังอยู่ครึ่ง แต่เท่ากับเป็น
การเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาร่วมผูกขาดมาถึงทุกวันนี้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นแยกท่อก๊าซดีหรือไม่ ตนเห็นว่าแยกออกมาดีกว่าอยู่ในองค์กรที่อยู่
แต่หากแยกออกมาแล้ว ยังเป็นองค์กรเดิมก็ไร้ประโยชน์ และสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ที่ ปตท.ระบุว่า เมื่อแยก
บริษัทท่อก๊าซออกมา แล้วจะให้คลังมาถือหุ้น แล้วอะไรจะเป็นสิ่งที่รับประกันได้ว่าคลังจะสามารถซื้อหุ้น
ได้ในราคาที่เป็นธรรมน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะขณะนี้ ปตท.อยู่ในสภาวะค้างคาว คือนกมีหู หนู
มีปีก เพราะเมื่อเวลาจะใช้กฎหมายบางฉบับไปควบคุม เช่น กฎหมายทางการค้า ปตท.จะได้รับการยกเว้น
เพราะเป็นรัฐวิสาหกิจ แต่เมื่อบอกว่า ปตท.เป็นรัฐวิสาหกิจ ตอบสนองนโยบายของรัฐได้หรือไม่ ปตท.ก็
จะตอบว่า ไม่ได้ เพราะต้องรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้น สภาพเช่นนี้ ต้องมีการปฏิรูปโดยเร็ว.
http://www.thairath.co.th/content/449000
แค่เรื่องแรก ค่ะ ยังมีอีก
อภิสิทธิ์ เตือน อะไรบ้าง กับรัฐบาลใหม่ ?? .... ไทยรัฐออนไลน์
"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ยอมรับปมผูกขาดธุรกิจพลังงานมีจริง ชี้ ปตท.เป็นค้างคาว ต้องรีบปฏิรูป
วันที่ 8 ก.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปัญหาพลังงานว่า
ต้องยอมรับว่าปัญหาการผูกขาดธุรกิจจะมีอยู่ซึ่งไม่ใช่เฉพาะเรื่องพลังงาน แต่อะไรที่เกี่ยวข้องกับ
สาธารณูปโภค ที่ต้องมีการผลิต แปรรูป และขนส่งจะมีการผูกขาดโดยธรรมชาติ ดังนั้นอย่าไปสรุป
ว่าธุรกิจพลังงานทั้งหมดผูกขาด เพราะการผลิตหรือ แปรรูปอาจจะแข่งกันได้ แต่ระบบที่เป็นเหมือน
คอขวดคือ ระบบส่งโดยธรรมชาติจะเป็นการผูกขาด
ส่วนปัญหาน้ำมัน แก๊สในประเทศไทยที่มีราคาแพง ตนมองว่าการผูกขาดมีอยู่จริง แม้จะมีการกำหนด
ไว้ชัดเจนว่า หากจะมีการแปรรูปอะไรก็ตาม ต้องไม่ไปเกี่ยวข้องกับส่วนที่มีการผูกขาดโดยธรรมชาติ
และต้องมีกฎหมาย กติกา หรือให้องค์กรอิสระที่มีความสามารถ เป็นผู้มาดูแลเรื่องการแข่งขัน แต่เมื่อ
เข้าสู่ขั้นตอนการแปรรูป ก็ไม่มีการออกกฎหมายเรื่องการกำกับกิจการพลังงาน มีการเอาทุกอย่างไป
ขายในตลาด ยกการผูกขาดของรัฐให้กับผู้ถือหุ้น ซึ่งอาจจะมีกระทรวงการคลังอยู่ครึ่ง แต่เท่ากับเป็น
การเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาร่วมผูกขาดมาถึงทุกวันนี้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นแยกท่อก๊าซดีหรือไม่ ตนเห็นว่าแยกออกมาดีกว่าอยู่ในองค์กรที่อยู่
แต่หากแยกออกมาแล้ว ยังเป็นองค์กรเดิมก็ไร้ประโยชน์ และสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ที่ ปตท.ระบุว่า เมื่อแยก
บริษัทท่อก๊าซออกมา แล้วจะให้คลังมาถือหุ้น แล้วอะไรจะเป็นสิ่งที่รับประกันได้ว่าคลังจะสามารถซื้อหุ้น
ได้ในราคาที่เป็นธรรมน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะขณะนี้ ปตท.อยู่ในสภาวะค้างคาว คือนกมีหู หนู
มีปีก เพราะเมื่อเวลาจะใช้กฎหมายบางฉบับไปควบคุม เช่น กฎหมายทางการค้า ปตท.จะได้รับการยกเว้น
เพราะเป็นรัฐวิสาหกิจ แต่เมื่อบอกว่า ปตท.เป็นรัฐวิสาหกิจ ตอบสนองนโยบายของรัฐได้หรือไม่ ปตท.ก็
จะตอบว่า ไม่ได้ เพราะต้องรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้น สภาพเช่นนี้ ต้องมีการปฏิรูปโดยเร็ว.
http://www.thairath.co.th/content/449000
แค่เรื่องแรก ค่ะ ยังมีอีก