กระทู้นี้ แตกประเด็นมาจากคำถามในกระทู้
http://ppantip.com/topic/32553271
วันนี้ ตรงกับวันที่ ๙ เดือน ๙
แต่ไม่ได้หมายความว่า พอร์ตของเราจะ ๙ แล้ว ๙ อีกไปตามความเชื่อเรื่อง เลขดี
มันก็ยังมีหกล้มบ้าง ไปตามเส้นทาง การเดินทางแสวงหาเงินเหมือนเดิม
ความคิดเห็นที่ 4-1
อธิบายรูปนี้ให้ทีได้ไหมครับ ผมไม่เข้าใจว่าอันไหนควรทำหรือไม่ควรทำอ่ะ
ขอบคุณล่วงหน้าคร้าบบ
ตอบกลับ
สมาชิกหมายเลข 901038
คำตอบ
ตามความเชื่อและผมพยายามปฏิบัติตามความเชื่อมาตลอด
(ที่ต้องใช้ว่าพยายาม เพราะเราเป็นปุถุชน ยังมีกิเลส ไม่ได้ทำได้หมดทุกครั้ง ได้ผลทุกครั้ง)
คิดแบบขวามือในภาพประกอบข้างบน
ให้ผลดีกับพอร์ตผมมากกว่าแบบซ้ายมือ
ซึ่งก็คือการคิดเข้าข้างผลประโยชน์ของเราเป็นหลัก
ข้อมูล ข่าวสารอะไร ที่ไม่ตรงกับผลประโยชน์ของเรา เราก็ไม่อยากรับรู้ ไม่อยากคิดต่อ
ซึ่งเป็นผลเสียมากกว่า
การยอมอ่านข้อมูล ทั้งที่เป็นผลประโยชน์กับตัวเรา และไม่เป็นผลประโยชน์กับตัวเรา
เหมือนกับเรามีหุ้นตัวนั้น พอใครมาบอกว่า gooddddddddd เราก็ดีใจ
อะไรที่จะทำให้มัน baddddddddddd เราก็จะไม่อ่าน ถึงอ่าน ก็เลือกที่จะไม่เชื่อ
เพราะมันขัดกับผลประโยชน์ของพอร์ตเรา
ฟังความทั้งสองด้าน ทำให้พอร์ตผมเอาตัวรอดมาได้บ่อยๆครับ
ตอนพอร์ตว่าง ผมมักจะมองหาข่าวดีที่จะให้ซื้อหุ้นตัวนั้นตอนมีแต้มต่อ ไม่มีแต้มต่อก็ไม่ซื้อถึงข่าวจะดีแค่ไหน
และมักจะมองหาข่าวร้าย เพื่อจะได้ขายหุ้นตัวนั้น เมื่อเชื่อว่า แต้มต่อหมดลงแล้ว
++++++++++++++++++++++++ๅๅๅ
ความคิดเห็นที่ 7
.........................................
ปุจฉา: เฮียจะทำ SAP เมื่อไหร่ และอย่างไร ครับ ???
ขอบคุณครับ
ตอบกลับ
ViHybrid
คำตอบ
คำถามนี้ ตอนนี้ยอมรับว่าผมตอบยากครับ
จริงๆแล้ว ผมจะขายแบบเอาทุนขึ้นมาก่อน โดยไม่ได้กลับไปซื้อหุ้นตัวเดิม
แม้ว่ามันจะถูกลงกว่าที่ขาย
เพราะผมถือว่า ขายไปตอนที่ราคาหุ้น เกินเลยกับคำว่ามีแต้มต่อไปไกลมากๆ
พอมันลงมา ก็แค่ถึงจุดที่ มีแต้มต่อไม่มาก เท่ากับที่ลงมือซื้อครั้งแรก
เมื่อก่อนมักจะขายตัวนี้ เปลี่ยนไปซื้อหุ้นตัวนั้นไปเลย
แบบเชื่อว่า ตัวนั้นจะมีแต้มต่อกว่าตัวนี้ ตามตัวชี้วัดที่ใช้ซิ้อขาย
แต่ตอนนี้ มองไม่ออกว่า ตัวไหนจะมีแต้มต่อมากๆให้เปลี่ยนหุ้นได้
คงสรุปได้ว่า ถ้าราคาหุ้นขึ้นต่อไปอีก จนแต้มต่อติดลบ
ก็คงขายเปลี่ยนไปถือเงินจริงแทนเพิ่มขึ้นไปอีกครับ
ไม่ได้ ชอร์ตอะเกนส์พอร์ต เพื่อเอาหุ้นเพิ่ม
ถ้าหุ้นไม่ได้ลงมาถึงระดับยีลด์ปันผลที่เราพอใจ
แต้มต่ออีกอันหนึ่งที่คนอื่นๆ อาจจะมีเหลือเฟือคือ
อายุที่จะเหลือในตลาดหุ้น
ปัจจัยนี้ แต่ละคน มีแต้มต่อต่างกันอย่างแน่นอนที่สุด
สำหรับผม คิดว่าแต้มต่อตัวนี้มีน้อยมากแล้ว
เลยยังไม่ยอมใส่เงินจริงที่ชักออกกลับเข้าตลาด
หุ้นที่เหลือในพอร์ต
ก็ปล่อยให้มัน ก้าวไปบ้าง หกล้มถอยหลังมาบ้าง เพื่อกินปันผลที่ยังได้เกิน หนึ่งล้านห้าแสนบาท
ไม่ได้คิดว่า มูลค่าพอร์ตจะต้องก้าวไปเรื่อยๆ ด้วยการซื่อๆขายๆ
๙ ไปแล้ว ปล่อยให้มัน ๖ ไปบ้าง ไม่ได้หวังจะ ๙ แล้ว ๙ แล้ว ๙
เพราะความรู้ความสามารถตามปัจจัยพื้นฐานของตัวเอง ทำแบบนั้นไม่ได้ครับ
ใครทำได้ ก็ย่อมจะก้าวไปเรื่อยๆ
๙ แล้ว ทำไมต้อง ๖ แทนที่จะ ๙ ๙ แล้ว ๙ ไปเรื่อยๆ
http://ppantip.com/topic/32553271
วันนี้ ตรงกับวันที่ ๙ เดือน ๙
แต่ไม่ได้หมายความว่า พอร์ตของเราจะ ๙ แล้ว ๙ อีกไปตามความเชื่อเรื่อง เลขดี
มันก็ยังมีหกล้มบ้าง ไปตามเส้นทาง การเดินทางแสวงหาเงินเหมือนเดิม
อธิบายรูปนี้ให้ทีได้ไหมครับ ผมไม่เข้าใจว่าอันไหนควรทำหรือไม่ควรทำอ่ะ
ขอบคุณล่วงหน้าคร้าบบ
ตอบกลับ
สมาชิกหมายเลข 901038
คำตอบ
ตามความเชื่อและผมพยายามปฏิบัติตามความเชื่อมาตลอด
(ที่ต้องใช้ว่าพยายาม เพราะเราเป็นปุถุชน ยังมีกิเลส ไม่ได้ทำได้หมดทุกครั้ง ได้ผลทุกครั้ง)
คิดแบบขวามือในภาพประกอบข้างบน
ให้ผลดีกับพอร์ตผมมากกว่าแบบซ้ายมือ
ซึ่งก็คือการคิดเข้าข้างผลประโยชน์ของเราเป็นหลัก
ข้อมูล ข่าวสารอะไร ที่ไม่ตรงกับผลประโยชน์ของเรา เราก็ไม่อยากรับรู้ ไม่อยากคิดต่อ
ซึ่งเป็นผลเสียมากกว่า
การยอมอ่านข้อมูล ทั้งที่เป็นผลประโยชน์กับตัวเรา และไม่เป็นผลประโยชน์กับตัวเรา
เหมือนกับเรามีหุ้นตัวนั้น พอใครมาบอกว่า gooddddddddd เราก็ดีใจ
อะไรที่จะทำให้มัน baddddddddddd เราก็จะไม่อ่าน ถึงอ่าน ก็เลือกที่จะไม่เชื่อ
เพราะมันขัดกับผลประโยชน์ของพอร์ตเรา
ฟังความทั้งสองด้าน ทำให้พอร์ตผมเอาตัวรอดมาได้บ่อยๆครับ
ตอนพอร์ตว่าง ผมมักจะมองหาข่าวดีที่จะให้ซื้อหุ้นตัวนั้นตอนมีแต้มต่อ ไม่มีแต้มต่อก็ไม่ซื้อถึงข่าวจะดีแค่ไหน
และมักจะมองหาข่าวร้าย เพื่อจะได้ขายหุ้นตัวนั้น เมื่อเชื่อว่า แต้มต่อหมดลงแล้ว
++++++++++++++++++++++++ๅๅๅ
.........................................
ปุจฉา: เฮียจะทำ SAP เมื่อไหร่ และอย่างไร ครับ ???
ขอบคุณครับ
ตอบกลับ
ViHybrid
คำตอบ
คำถามนี้ ตอนนี้ยอมรับว่าผมตอบยากครับ
จริงๆแล้ว ผมจะขายแบบเอาทุนขึ้นมาก่อน โดยไม่ได้กลับไปซื้อหุ้นตัวเดิม
แม้ว่ามันจะถูกลงกว่าที่ขาย
เพราะผมถือว่า ขายไปตอนที่ราคาหุ้น เกินเลยกับคำว่ามีแต้มต่อไปไกลมากๆ
พอมันลงมา ก็แค่ถึงจุดที่ มีแต้มต่อไม่มาก เท่ากับที่ลงมือซื้อครั้งแรก
เมื่อก่อนมักจะขายตัวนี้ เปลี่ยนไปซื้อหุ้นตัวนั้นไปเลย
แบบเชื่อว่า ตัวนั้นจะมีแต้มต่อกว่าตัวนี้ ตามตัวชี้วัดที่ใช้ซิ้อขาย
แต่ตอนนี้ มองไม่ออกว่า ตัวไหนจะมีแต้มต่อมากๆให้เปลี่ยนหุ้นได้
คงสรุปได้ว่า ถ้าราคาหุ้นขึ้นต่อไปอีก จนแต้มต่อติดลบ
ก็คงขายเปลี่ยนไปถือเงินจริงแทนเพิ่มขึ้นไปอีกครับ
ไม่ได้ ชอร์ตอะเกนส์พอร์ต เพื่อเอาหุ้นเพิ่ม
ถ้าหุ้นไม่ได้ลงมาถึงระดับยีลด์ปันผลที่เราพอใจ
แต้มต่ออีกอันหนึ่งที่คนอื่นๆ อาจจะมีเหลือเฟือคือ
อายุที่จะเหลือในตลาดหุ้น
ปัจจัยนี้ แต่ละคน มีแต้มต่อต่างกันอย่างแน่นอนที่สุด
สำหรับผม คิดว่าแต้มต่อตัวนี้มีน้อยมากแล้ว
เลยยังไม่ยอมใส่เงินจริงที่ชักออกกลับเข้าตลาด
หุ้นที่เหลือในพอร์ต
ก็ปล่อยให้มัน ก้าวไปบ้าง หกล้มถอยหลังมาบ้าง เพื่อกินปันผลที่ยังได้เกิน หนึ่งล้านห้าแสนบาท
ไม่ได้คิดว่า มูลค่าพอร์ตจะต้องก้าวไปเรื่อยๆ ด้วยการซื่อๆขายๆ
๙ ไปแล้ว ปล่อยให้มัน ๖ ไปบ้าง ไม่ได้หวังจะ ๙ แล้ว ๙ แล้ว ๙
เพราะความรู้ความสามารถตามปัจจัยพื้นฐานของตัวเอง ทำแบบนั้นไม่ได้ครับ
ใครทำได้ ก็ย่อมจะก้าวไปเรื่อยๆ