กลิ่นแก้วกลรัก ตอนที่ 8

กระทู้สนทนา
ตอนที่ 1 >>>http://ppantip.com/topic/32164131
ตอนที่ 2 >>>http://ppantip.com/topic/32175186
ตอนที่ 3 >>>http://ppantip.com/topic/32226678
ตอนที่ 4 >>>http://ppantip.com/topic/32316165
ตอนที่ 4 (ต่อ) >>>http://ppantip.com/topic/32346960
ตอนที่ 5 >>>http://ppantip.com/topic/32492911
ตอนที่ 6 >>>http://ppantip.com/topic/32511328
ตอนที่ 7 >>>http://ppantip.com/topic/32526878


                                                                                ตอนที่ 8


เสียงร้องรำทำเพลงของคนกลุ่มหนึ่งดังใกล้เข้ามา เมื่อรถวิ่งมาจอดใต้ต้นสนขนาดใหญ่ลลิตจึงได้เห็นคนงานหลายคนกำลังโยนลูกมะพร้าวส่งต่อ ๆ กันไป พวกเขาทุกคนดูแย้มยิ้มมีความสุข ลูกมะพร้าวพวกนั้นถูกโยนลงไปกองรวมกันอยู่ที่ลานโล่งแห่งหนึ่งซึ่งมีคนงานอีกหลายคนกำลังช่วยกันใช้เครื่องมืออย่างหนึ่งปอกเปลือกมะพร้าวสีน้ำตาลแห้งออก

“ว๊าย !! ออกไปนะ ไป๊… ไป๊…” ลลิตร้องเสียงหลงเมื่อลิงตัวหนึ่งกระโดดเข้ามาเกาะขา มันเงยหน้าขึ้นมองแล้ววิ่งวนอยู่รอบตัวเธออีกสองสามรอบก่อนที่คนงานคนหนึ่งจะดึงเชือกที่คล้องคอมันอยู่พาเดินออกไป หญิงสาวถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเจ้าลิงสีน้ำตาลเดินส่ายก้นไปไกลจากตัวแล้ว เมื่อหล่อนเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าตัวเองกลายเป็นตัวตลกให้คนที่นี่พากันหัวเราะขบขัน ลลิตยิ้มแหยให้คนงานหลายสิบชีวิตที่มองมาที่ตัวเอง แต่อะไรก็ไม่น่าอายเท่ากับรอยยิ้มที่มุมปากราวกับจะเยาะเย้ยของเพชร เปรมพัฒน์

“ขำมากไหมฮึ” ลลิตยกมือกอดอกใบหน้าบึ้งตึง คนที่กำลังทำท่าเหมือนกลั้นยิ้มจึงแกล้งเฉไฉหันหน้าไปทางอื่น แต่เพียงแค่ไม่กี่วินาทีเขาก็กลับมาเป็นเพชร เปรมพัฒน์คนเดิม คนที่คิ้วขมวดมุ่นอยู่ตลอดเวลา คนที่ชอบทำใบหน้าเรียบเฉยราวกับรูปปั้น

“ตามผมมาทางนี้” เพชรบอกเสียงเรียบแล้วเดินนำเข้าไปด้านในเกาะ ลลิตมองตามแผ่นหลังกว้างที่กำลังเดินไกลออกไป บางทีเขาก็เปลี่ยนอารมณ์ได้รวดเร็วจนหล่อนตามไม่ทันเชียวล่ะ

เขาเดินนำไปที่บ้านไม้สีขาวขนาดย่อมหลังหนึ่งลักษณะคล้ายบ้านพักตากอากาศสำหรับนักท่องเที่ยว เสียงกรุ๋งกริ๋งของโมบายเปลือกหอยที่แขวนอยู่รอบ ๆ ชายคาบ้านดังเป็นจังหวะดูน่าฟังไปอีกแบบ ลลิตเดินตามขึ้นไปด้านบน ที่ระเบียงด้านหน้ามีชุดโต๊ะเก้าอี้ที่ทำจากหวายชุดหนึ่งวางอยู่ ภายในตัวบ้านมุมหนึ่งถูกจัดเป็นพื้นที่สำหรับโต๊ะทำงานและจัดวางแฟ้มเอกสาร บนโต๊ะมีคอมพิวเตอร์โน็ตบุ๊ควางอยู่หนึ่งเครื่อง ที่มุมหนึ่งของโต๊ะยังมีแจกันที่ทำจากเปลือกไม้ปักแซมด้วยดอกแก้วสีขาวนวลส่งกลิ้นหอมฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งบ้านวางอยู่ด้วย มุมด้านในเป็นเตียงขนาดพอเหมาะซึ่งทั้งผ้าปูที่นอนและหมอนมุ้งต่าง ๆ ถูกพับเก็บไว้อย่างเป็นระเบียบ ลลิตยิ้มเมื่อมองเห็นเครื่องปรับอากาศที่ติดอยู่บนฝาผนังยังคงทำงานได้ดีถึงแม้สภาพมันจะดูเก่าไปบ้างก็ตาม

“ทำไมคุณ เห็นแอร์เข้าหน่อยนี่ร่าเริงเชียวนะ ไม่ต้องยิ้มดีใจไปหรอกเพราะผมจะให้คุณไปช่วยปอกมะพร้าวเหมือนที่เขากำลังทำกันอยู่นั่นน่ะ” เพชรบุ้ยใบ้ไปทางคนงานที่ปอกมะพร้าวกันอยู่ที่ลานด้านล่าง ลลิตหุบยิ้ม ใจคอเขาจะขัดขวางความสุขของหล่อนทุกอย่างหรือยังไงกันนะ

“คุณจะบ้ารึไง ฉันทำไม่เป็นหรอกนะไอ้ปอกมะพร้าวอะไรอย่างที่คุณว่าน่ะ คนอย่างลลิตต้องนั่งบริหารจัดการสวย ๆ อยู่บนบ้านนี้เท่านั้นล่ะย่ะ” หล่อนทำหน้าเชิด แล้วเดินไปนั่งบนเก้าอี้หน้าจอคอมพิวเตอร์ เพชรมองสาวเจ้าแล้วส่ายหน้า เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองคิดผิดหรือคิดถูกที่ยอมให้หล่อนมาฝึกงานที่นี่ตามคำขอร้องของบิดา

“ห้องน้ำอยู่ด้านหลัง ส่วนเตียงนั่นเป็นของผม ห้ามคุณแอบไปนอนเล่นเด็ดขาด” เขาบอกก่อนจะชี้มือไปที่เตียงนอน ลลิตเบ้ปากใส่อย่างไม่พอใจ ทำไมเขาถึงไม่นึกบ้างว่าหล่อนเองก็รังเกียจ ไม่อยากจะไปนอนทับที่เดียวกับเขาหรอก

“แล้วเรื่องอาหารการกินล่ะคะ ฉันจะทานข้าวเที่ยงได้ที่ไหน อ้อ แล้วที่นี่มีกาแฟสดให้ดื่มไหมคะ พอดีฉันไม่ค่อยชอบดื่มกาแฟสำเร็จรูปสักเท่าไหร่น่ะ” ลลิตถามระหว่างเดินสำรวจไปตามแต่ละจุดของบ้าน เพชรมองตามร่างบางที่กำลังเดินสำรวจมุมนั้นมุมนี้ เขาส่ายศีรษะช้า ๆ กับคำถามของหล่อน

“ที่นี่มันสวนมะพร้าวนะครับ ถ้าจะดื่มกาแฟอย่างที่คุณว่าก็กลับไปทำงานที่โรงแรมเหมือนเดิมเถอะ”

“เอ๊ะ ! คุณนี่ ฉันถามดี ๆ นะ ถ้าไม่มีก็บอกสิว่าไม่มี ฉันจะได้เตรียมมาจากที่บ้าน..อ้อ..ฉันหมายถึงบ้านคุณน่ะ” ลลิตทำท่าไม่สบอารมณ์แล้วเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานเหมือนเดิม เพชรลอบถอนหายใจอีกครั้ง เขาเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้วว่าหล่อนจะมาช่วยให้งานของเขาดีขึ้น หรือสร้างภาระให้มากกว่าเดิม

เสียงน้ำตกตกลงกระทบโขดหินดังซู่ซ่า เจ้าปลาคาร์ฟตัวใหญ่สองสามตัวแหวกว่ายไปมาอยู่ในบ่อราวกับกำลังวิ่งเล่นไล่จับกัน ดอกกล้วยไม้สีม่วงอมขาวพวงใหญ่ห้อยระย้าลงมาจนแทบถึงพื้น บางพวงมีสีขาวนวลส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ บางพวงมีสีเหลืองสดใสทำเอาคนมองเพลิดเพลินจนแทบไม่อยากละสายตา

“นี่ผมตาฝาดไปรึเปล่า อยู่ดี ๆ ทำไมคุณลดาภรรยาของผมถึงได้มายืนชมสวนกล้วยไม้ของผมได้ เอ หรือว่าเครื่องเพชรเครื่องทองในกรุมีไม่พอให้ขัดเสียแล้ว” อรรณพกระเซ้าภรรยาเมื่อเห็นนางยืนอยู่คนเดียวในสวนหลังบ้านทั้งที่ปกตินางไม่ค่อยชอบอยู่กับธรรมชาติสักเท่าไหร่

“คุณอย่ามาทำล้อเล่นเลย เมื่อไหร่จะพาฉันไปเยี่ยมลูกสักทีล่ะคะ” คุณลดาหันมองสามีก่อนจะพากันไปนั่งที่โต๊ะรับแขกที่จัดวางไว้ในสวน

“คุณก็โทรคุยกับลูกเกือบทุกวันก็เห็นอยู่ว่าลูกสบายดีนี่” อรรณพบอกแล้วเทน้ำชาลงในถ้วยกระเบื้องสองใบสำหรับภรรยาและตัวเอง

“ฉันก็อยากไปให้เห็นกับตานี่คะว่าลูกสบายจริงหรือเปล่า คุณก็อะไรกัน ส่งลูกบังเกิดเกล้าไปทำงานไกลหูไกลตา ทีลูกเลี้ยงนี่ให้นั่งนอนห้องแอร์สบายใจเชียว” คุณลดาทำท่าฟึดฟัด ไม่ว่าเมื่อไหร่นางก็หาทางโยงบทสนทนาเข้าเรื่องนี้เสมอ
  
“ยัยลิลก็ลูก ตอนคุณไม่สบายเมื่อวันก่อนก็เห็นแต่ยัยลิลไม่ใช่เหรอที่คอยพาคุณไปหาหมอ คอยป้อนข้าวป้อนยาอยู่น่ะ” อรรณพหมายถึงช่วงแรกที่ลลิตถูกส่งไปทำงานที่ใต้ ตอนนั้นนางลดาเป็นห่วงลูกสาวถึงขนาดกินไม่ได้นอนไม่หลับจนเป็นลมต้องหามส่งโรงพยาบาลและนอนรักษาตัวอยู่หลายวัน

“มันเป็นหน้าที่ เรามีบุญคุณเขาก็ต้องตอบแทน” คุณหญิงลดายกแก้วชาขึ้นจิบบ้าง อรรณพได้แต่บอกกับตัวเองว่าสักวันหนึ่งความดีของลลิลจะต้องเอาชนะใจภรรยาได้อย่างแน่นอน


หลังจากแนะนำตัวกับคนงานบางส่วน เพชรก็พาลลิตเดินดูการทำงานเริ่มตั้งแต่การเก็บลูกมะพร้าวโดยอาศัยทั้งแรงคนและแรงลิง จากนั้นลูกมะพร้าวแต่ละลูกจะถูกนำมาปอกเปลือกด้วยเครื่องปอกมะพร้าวเสร็จแล้วก็จะถูกนำไปเก็บในโกดังเพื่อรอเรือมารับไปขายต่อ ส่วนของเปลือกมะพร้าวก็ยังสามารถนำไปขายต่อได้โดยมีพ่อค้าบางรายมารับซื้อไปทำเป็นกระถางต้นไม้ บางรายก็นำกาบมะพร้าวไปย่อยทำเป็นปุ๋ยและของใช้อีกสารพัด สรุปคือแทบทุกส่วนของมะพร้าวสามารถทำรายได้ให้กับเขาได้แทบทั้งหมด

“น่าจะเหนื่อยแย่เลยนะคะ ดูสิ ลุงคนนั้นแกเหงื่อท่วมตัวเลย เอ...พี่ผู้หญิงคนนั้น ทำไมถึงได้ปอกมะพร้าวเก่งขนาดนี้ ดูสิคุณ ดูเด็กสาวคนนั้นสิ เข็นมะพร้าวทีนึงกองเบ้อเริ่ม สมัยฉันอายุเท่านี้ยังนั่งเล่นเกมส์อยู่เลยนะ” ลลิตบอกพลางตายังคงจับจ้องอยู่ที่คนงานไม่กะพริบ

“คุณก็เลยทำอะไรไม่เป็นมาจนทุกวันนี้ล่ะสินะ” เพชรก้มลงกระซิบที่ข้างหูหญิงสาวก่อนจะเดินนำไปอีกทาง ลลิตมองตามร่างสูงใบหน้าหงิกงอ เขากำลังต่อว่าเธอว่าไม่เอาไหน ใช่สิ บิดาก็ชอบว่าเธอแบบนี้แหละ หรือเธอคงจะไม่เอาไหนจริง ๆ สินะ

“ที่นี่เป็นโรงครัว พวกเราทุกคนบนเกาะจะทานอาหารกันที่นี่ ส่วนนี่ก็ป้าชื่นเป็นผู้ดูแลโรงครัวแห่งนี้” เพชรแนะนำให้ลลิตรู้จักกับป้าชื่น หญิงสาวส่งยิ้มให้หญิงสูงวัยแล้วยกมือไหว้ ไม่ทันได้สังเกตด้วยซ้ำว่ามีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องมาที่หล่อนไม่กะพริบ

พระอาทิตย์ดวงกลมโตเคลื่อนมาอยู่เหนือศีรษะ ไอแดดร้อนระอุดูเหมือนจะทวีความแรงขึ้นเรื่อย ๆ ลลิตหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับเม็ดเหงื่อที่เกาะพราวอยู่ตามใบหน้าและลำคอ เมื่อเหลือบแลไปยังบุรุษที่มาด้วยกันก็เห็นเขากำลังใช้ผ้าขาวม้าซับเม็ดเหงื่อตามใบหน้าและเนื้อตัวอยู่เช่นเดียวกัน

เที่ยงแล้ว คนงานหลายคนเริ่มทยอยเข้ามาที่โรงครัว ใครมาถึงก่อนก็ได้อยู่แถวหน้าสุด คนมาทีหลังก็เข้าแถวต่อกันไปเรื่อย ๆ เพื่อรับอาหารที่มีป้าชื่นและหญิงสาวอีกคนคอยบริการอยู่ เพชรบอกให้ลลิตมานั่งด้วยกันกับเขาที่โต๊ะตัวหนึ่งซึ่งบนนั้นมีอาหารวางรออยู่แล้ว หญิงสาวเดินตามไปนั่งอย่างว่าง่ายพลางไล่สายตามองอาหารแต่ละจาน เธอยอมรับว่าไม่รู้จักอาหารที่วางอยู่ตรงหน้าสักอย่าง และสีสันของมันก็ดูจัดจ้านจนเธอเองก็เริ่มไม่มั่นใจว่าจะกินอาหารพวกนี้ได้

“อาหารรสจัดทั้งนั้น ฉันกินไม่ได้หรอก” ลลิตบอกพลางทำหน้าเหยเก พอดีกับที่ชาญเดินถือจานข้าวเดินเข้ามาเพชรจึงเรียกเขามานั่งร่วมโต๊ะ ชาญวางจานข้าวของตัวเองลงบนโต๊ะข้างกันกับเพชรพลางส่งยิ้มให้หญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามอย่างมีมิตรไมตรี

“อาหารใต้รสจัดแต่อร่อยทุกอย่างครับคุณลลิต เชิญทานได้เลยครับ” ชาญบอกใบหน้ายิ้มแย้ม ทว่าลลิตได้แต่ยิ้มฝืน ๆ เขี่ยข้าวในจานไปมา

“ลิตไม่เคยทานอาหารพวกนี้มาก่อนเลยค่ะ ไม่รู้จักเลยสักอย่าง” หล่อนบอกพลางยิ้ม ชาญเลยได้ทีแนะนำเมนูอาหารให้เธอฟังอย่างละเอียดราวกับพ่อครัวมืออาชีพ

“ถ้วยนี้แกงไตปลาครับ ฝีมือแม่ชื่นรสเผ็ดเข้มข้นถึงใจ ส่วนจานนี้ก็ผัดสะตอกุ้งสดใส่เคย…เอ้อ…ผมหมายถึงกะปิน่ะครับ แล้วก็ถ้วยนี้กระผมขอนำเสนอเลยครับ น้ำบูดูของดีจากใต้สุดแดนสยาม กินทีไรข้าวหม้อเดียวไม่เคยพอครับ” ชาญพูดจบทำหน้าภูมิอกภูมิใจ เพชรได้แต่อมยิ้มกับท่าทีของลูกน้อง หากแต่หญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้ากลับไม่ได้รู้สึกสนุกด้วยเลยสักนิด

“ฉันทานอาหารพวกนี้ไม่ได้หรอกคุณ ให้ป้าชื่นทำอย่างอื่นให้หน่อยได้ไหมคะ…อ้อ...ขอแบบไม่เผ็ดนะคะคือฉันทานเผ็ดไม่ได้” ลลิตบอกกับเพชร ขณะที่ชาญทำหน้าผิดหวังที่อุตส่าห์บรรยายเสียยืดยาวแต่สาวเจ้ากลับไม่สนใจทานอาหารตามคำแนะนำสักอย่าง

“คนงานทุกคนก็ต้องทานเหมือนกันหมด คุณก็เป็นคนงานคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นไม่มีสิทธิพิเศษเหนือใคร ผมซึ่งเป็นหัวหน้ายังทานได้ ฉะนั้นคุณก็ต้องทานได้” เพชรบอกเสียงจริงจังแล้วลงมือทานอาหารโดยไม่สนใจคนที่กำลังนั่งทำท่าฟึดฟัดสีหน้าโมโห

“งั้นฉันไม่กินก็ได้” ลลิตผลักจานข้าวออกจากตัวแล้วทำท่าจะลุกออกไป ดูเหมือนเพชรไม่ได้สนใจจะรั้งเธอสักนิด กลับเป็นชาญเสียอีกที่ร้องห้ามบอกให้เธอนั่งลงที่เดิม

“รอไอ้ชาญสักครู่นะครับคุณลลิต เดี๋ยวไอ้ชาญคนนี้นี่แหละจะไปทำไข่เจียวสูตรพิเศษมาให้เองฮะ นายหัวน่ะเห็นหล่อ ๆ แบบนี้แต่จิตใจโหดร้าย สู้ผู้ชายซื่อ ๆ หน้าตาบ้าน ๆ แต่จริงใจแบบไอ้ชาญไม่ได้หรอกฮะ” ชาญบอกพลางยิ้มหวานให้หญิงสาว เพชรลุกขึ้นเท้าสะเอวทำหน้าดุใส่ลูกน้อง เพียงแค่นั้นชาญก็สวมวิญญาณม้าแข่งวิ่งหายลับเข้าไปในโรงครัวโดยไม่รอให้คนเป็นนายหัวทำอะไรตัวเองได้

เพชรนั่งลงที่เดิมเมื่อชาญวิ่งหายเข้าไปในโรงครัวแล้ว เขาก้มหน้าทานอาหารต่อโดยไม่ได้สนใจคนที่กำลังนั่งอยู่ข้างหน้า ลลิตมองบุรุษที่กำลังทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างอย่างนึกหมั่นไส้ เขาเป็นผู้ชายใจร้ายที่สุดเท่าที่หล่อนเคยเจอ มีอย่างที่ไหนตัวเองทานข้าวเอร็ดอร่อยแต่กลับปล่อยให้หล่อนหิวโซแบบนี้ หญิงสาวนึกขุ่นเคืองไปถึงบิดา เขาจะรู้บ้างไหมนะว่าลูกสาวคนนี้ต้องพบเจอกับอะไรบ้าง ป่านนี้ลูกสาวสุดที่รักอย่างลลิลคงกำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องแอร์เย็นฉ่ำ แล้วดูตัวหล่อนสิ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองต้องทำงานที่นี่อีกนานแค่ไหน หากบิดายังไม่พอใจและยังเห็นว่าเธอไม่ได้เรื่องอยู่แบบนี้เธอมิต้องทำงานที่นี่ไปตลอดชีวิตอย่างนั้นหรือ หญิงสาวคิดพลางทำหน้าเศร้า ไม่นานกลิ่นไข่เจียวหอมฉุยก็โชยเข้าจมูก ลลิตหันมองคนที่กำลังถือจานไข่เจียวเดินเข้ามา หญิงสาวยิ้ม ยื่นมือไปรับไข่เจียวจากชาญแล้วทานอย่างเอร็ดอร่อย หล่อนรู้สึกว่ามันเป็นไข่เจียวที่อร่อยที่สุดที่เคยทานมาในชีวิตเชียวล่ะ

เชอรี่นั่งมองคนสามคนที่กำลังทานอาหารอยู่บนโต๊ะใกล้ ๆ หล่อนกำลังสนใจสตรีหน้าสวยผิวพรรณดีที่ดูอย่างไรก็ไม่น่าใช่คนในละแวกนี้ และที่สำคัญที่สุดคือหล่อนรู้สึกไม่ถูกชะตากับผู้หญิงคนนี้เอาเสียเลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่