@@@ เล่าประสบการณ์ เป็น Barista ในประเทศออสเตรเลีย ระหว่างปี 2003 - 2009 @@@ ( ภาค 4 )

เล่าประสบการณ์ เป็น Barista ในประเทศออสเตรเลีย ระหว่างปี 2003 - 2009
http://ppantip.com/topic/32468932/comment9

@@@ เล่าประสบการณ์ เป็น Barista ในประเทศออสเตรเลีย ระหว่างปี 2003 - 2009 @@@ ( ภาค 2 )
http://ppantip.com/topic/32477323/comment53

@@@ เล่าประสบการณ์ เป็น Barista ในประเทศออสเตรเลีย ระหว่างปี 2003 - 2009 @@@ ( ภาค 3 )
http://ppantip.com/topic/32496374/comment60




--------------------------------------------------------
กลับไปอ่านแต่ต้นจะสนุกกว่านะ มาอ่านตอนนี้จะงง เพี้ยนลุย



เมื่อสัปดาห์ที่แล้วติดค้างเรื่องเล่าเล็กๆน้อยๆ ตามร้านต่างๆที่จขกท. เคยทำกาแฟของแต่ละร้านมา
กะว่าจะเขียนต่อวันพฤหัสที่แล้วแต่ก็มีหลายอย่างที่ต้องทำ พอมีอารมณ์จะเขียนแต่เวลาไม่เอื้ออำนวย
พอมีเวลาว่าง  อารมณ์ยังไม่มา
เพราะ จขกท. ชอบนึกอะไรได้แล้วอยากเล่าเลย จากที่ตัวองเจอมา ขับรถอยู่นึกเรื่องตลกได้
กลับมาบ้านลูกงอแง  แม่ไม่มีอารมณ์เล่าตลก เขียนไม่ออกซะงั้น 555

อย่างที่เล่าๆมาสามตอนว่าอาชีพคนทำกาแฟเป็นไง  ก็ลงในเฟสให้เพื่อนๆอ่าน  เพื่อนบอกแกเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร
รุ่นพี่ที่จบมาจากสถาบันเดียวกันก็บอกว่าประสบการณ์ชีวิตของน้องทำให้พี่ทึ่งมาก  ว่าจากเด็กเรียบร้อย เรียนดี
ตอนอยู่ ตจว.ซิตี้ด้วยกัน น้องเป็นเด็กเรียบร้อยมาก เงียบๆ แต่อ่านจากประสบการณ์ที่น้องผ่านมา  
มันคนละคนกับที่พี่เคยรู้จักเลย นี่คือตัวตนของช้อยเหรอ? ไม่นะ!!!

ถ้ารุ่นพี่ตามอ่านเรื่อยๆ จะไม่ได้มองน้องเป็นน้องน้อยอีกต่อไป  มันคือนางแม่มดดีๆนี่เอง.........


ถูกเลยหล่ะที่รุ่นพี่พูดมา  ตอนเรียนในสถาบันเดียวกันมาถึง 3 ที่ เราอยู่คณะเดียวกันมาตลอดแม้กระทั่งสถานศึกษาสองแห่งสุดท้ายในบางกอก
จขก. คิดว่าจุดที่เปลี่ยนผันจริงๆ ไม่ใช่มาทำกาแฟแล้วทำให้รู้จากต่อปากต่อคำกับเพื่อนร่วมงานหรือลูกค้าเลย


มันเริ่มมาจาก จบมาใหม่ๆในระดับปริญญาตรี สมัครเข้าทำงานบริษัทออกแบบเฟอร์นิเจอร์ สาขาออกแบบ แต่..
แต่.... ชีวิตนี้ช่างพลิกผัน
สำนักงานอยู่ในเขตกทม.  แต่ส่ง จขกท. ไปอยู่ตจว. กับเพื่อนๆที่จบมาพร้อมๆกัน ก็แยกกันเป็นดีไซน์เนอร์ประจำโรงงานแต่ละโรงงานไป

ตอนไปใหม่ๆนี่แบบ แต่งตัวเรียบร้อย  นุ่งกระโปรงใส่ชุดทำงานแบบสาวออฟฟิต  แต่เข้าไปแรกๆก็เจอดีเหมือนเป็นการรับน้องไปในตัว
พวกทำงานในโรงงาน เค้าไม่ได้จบปริญญามาก็จริง  แต่เค้าอยู่กับเครื่องจักรมาทุกวัน  ทำจนคุ้นจนชิน แต่เราจบใหม่ๆไป  การเรียนในห้อง
มันช่างแตกต่างกับงานระบบอุตสาหกรรมเสียนี่กระไร  นึกแล้วก็ขำกับเรื่องที่ผ่านๆมาในชีวิตการทำงาน
พวกสังคมคนงาน  คือถ้าเค้ายอมรับเราเค้าก็ยอมรับไปเลย  แต่ถ้าไม่ นี่ถูกดูถูกว่า  อิพวกจบปริญญา พูดลอยๆ  ขำๆโห่ฮิ้วให้เราได้อาย
แต่เราไม่อาย เรามึนเข้าไว้ 555

ระบบอุตสาหกรรมใช้เครื่องจักรในการตัดไม้  เพราะบริษัทที่ทำเป็นเฟอร์นิเจอถอดประกอบ  
เพราะฉะนั้น เวลาตัดไม้แต่ละทีตัดกันเป็นร้อยๆแผ่นๆไม่ใช่มานั่งเรื่อยไม้แกร่กๆที่ละชิ้นทีละอัน

หลายคนคงจะงง  ตรูจะฟังเรื่องกาแฟ มาเล่าเรื่องตัดไม้ทำไม ไม่ได้อยากรู้ 555
ไม่อยากรู้ แต่อยากเล่า ( มีไรป่ะ.... รู้เปล่าช้อยลูกใคร? )


นั่นหล่ะ งานที่แรกสอนให้จขกท.ได้คิดว่า  ถ้าเมิงไม่แน่อย่าซ่าส์นะนังช้อย  เพราะว่า.....
สั่งตัดไม้ผิดไปพันกว่าแผ่นคร่า!!!!!!  บอกแล้วว่าไม้มันตัดด้วยเครื่อง  ไม่รู้ดี อยากโชว์เก๋า หน้าแหกสุดๆ

เหตุการณ์นั้น ผจก. โรงงานไม่ได้หักเงิน  แต่เรียกไปสอน เรื่องการทำงานในระบบอุตสาหกรรม  ตอนแรกก็มีแซวๆสถาบันที่เราจบมานะ
ว่าแหม่ สถาบันออกจะมีชื่อเสียง ทำงานแบบนี้ได้อย่างไร  ไม่ด้าย!!!!ช้อยไม่ยอม มาดูถูกกันได้อย่างไร
ก็เลยตั้งใจที่จะเรียนรู้กับพวกบรรดา ช่างเครื่อง ช่างฝ่ายเทคนิคต่างๆนั่นแหล่ะ
จากที่ไม่เคยรู้อะไร ทำงานครั้งแรก  ก็ได้เรียนรู้ทุกอย่างในการใช้ชีวิตกับคนงานที่ขยันและตั้งใจ  ถ้าเรายอมอ่อนให้เค้าๆ ก็พร้อมที่จะสอนในสิ่งที่เราไม่รู้  ถือว่าเเลกเปลี่ยนกัน
หลังๆจะซี้กับพวกพนง.ในไลน์การผลิต  ผจก. เคยถามว่า เราใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไร หลอกให้พวกคนงานทำงานให้ถึงตีสอง ตีสาม  เพราะจะมี พรีเซนต์งานออกแบบชุดใหม่ให้ทางฝ่ายการตลาดในวันรุ่งขึ้น

แหม่ๆๆๆ  ใช้ใจซิคะ ท่านผจก. ถามได้
เล่าเรื่องทำงานในโรงงาน จบเท่านี้ก่อน เดี๋ยวคนอ่านลาจาก  เพราะอยากฟังเรื่องกาแฟเน๊อะ  มาแพล่มอะไร เรื่องชีวิตสาวโรงงานให้ฟังเนี่ยะ?



เราเรียนมาในระบบอุตสาหกรรม  เพราะฉะนั้น การทำงานที่ไหนก็แล้วแต่ มันช่วยได้เยอะ
อย่างทำกาแฟก็เหมือนกัน  อย่างที่เคยเล่าๆมา ถ้าใครสนใจจะทำกาแฟ  อยากเป็น barista เรื่องศิลปบนถ้วย  art latte ยังไม่ต้องไปสนใจมันหรอก
เอารสชาติที่เราทำให้มันได้ก่อน  เมล็ดกาแฟก็เลือกใช้รสชาติที่เราชอบสำหรับเปิดร้านของตัวเอง  แต่ถ้าเราทำกับพวกบริษัทกาแฟ เค้าเลือกเมล็ดกาแฟที่จะใช้ได้ดีอยู่แล้ว
ไม่ต้องมานั่งท่องเมล็ดกาแฟผลิตมาจากที่ใดในมุมโลก  รู้แค่ว่าเราเลือกใช้ของแบรนด์อะไร และข้อดีข้อเสียของมันคืออะไรก็พอแล้ว
ส่วนความคงเส้นคงวาในการชงกาแฟ เป็นส่วนสำคัญที่สุด  ถ้ารสชาติได้แล้ว  ริอยากจะทำลวดลาย  ลายอะไรก็ได้ ที่ง่ายและเร็ว  ไม่ใช้เวลาเยอะ  กาแฟยังสดอยู่เมื่อไปเสริฟ
เพียงระยะเวลาไม่กี่วินาที  อุณหภูมิของกาแฟก็สามารถเปลียนได้ ทำให้รสชาติเปลี่ยน

เอ.....แต่ที่บ่านเราชอบกาแฟเย็นกันนี่นะ  น้อยคนที่จะดื่มกาแฟร้อน แล้วเรามาเพ้ออะไรในนี่........หืมมม......



ตอนที่จขกท. ทำที่ร้านสตีฟ  มีอยู่ครั้งหนึ่ง จขกท. เกิดการทะลาะวิวาทกับพนง. เสริฟ
ผญ. คนนี้เป็นเด็กสาวมาจากโปแลนด์  สวยมากๆ สตีฟให้ลองมาเสริฟแล้วสตีฟถามว่า ช้อยว่าไง  เราบอกสวยดีรับเลยสตีฟ
สวยดีคือจริงๆแล้วต้องบอกว่าสวยมาก  มากกว่า แต่หารู้ไม่คนสวยทำพิษ 555

มาทำงานแต่ละวันเหมือนไม่ได้เอาวิญญาณมาด้วย ต่อหน้าสตีฟ จะขยัน  พอสตีฟไปเข้าห้องนำ้รึทำอะไรหลังร้าน  เธอจะยืนเฉยๆ  ไม่หยิบจานเข้าครัว
ยืนมองผู้คนผ่านไปมา  ทำตาเหม่อลอย พอถามก็บอกชั้นเหนื่อย  ตอนเเรกๆจขกท.ก็เฉยๆนะ ทนได้ก็ทนไปก่อนเค้ายังมาใหม่  คงไม่คุ้นกับงานหนัก
อาจจะเป็นฮิโซอยู่บ้านเกิดเมืองนอนของตัวอง  หลังๆเริ่มไม่ไหว ทำงานด้วยประสาทจะกินเอา  คือพอสตีฟไปนับเงินหรือเชคบัญชี ถ้าเธอนั่งได้เธอคงนั่งไปแล้ว
แรกๆเราก็คิดว่าอาจจะไม่สบาย  แต่ก็ไม่ใช่ เป็นแบบนี้ทุกครั้งเลยที่มาทำงาน  ที่สำคัญ เข้าไปหัวร่อต่อกระซิกกับอิเชฟชาวอังกฤษ  เราเรียกให้ออกมาเสริฟก็จะปรายตาแบบเหยียดๆ
เอ๊ะ!!! ยังไงเนี่ย ตอนนั้นโกรธตัวเอง  ไม่น่าบอกสตีฟให้รับสาวสวยเลยตรู
จุดขาดผึงเริ่มขึ้น  เมื่อเราบอกให้เอากาแฟออกไปเสริฟเธอหันมาค่ะ  เธอปรายตามองกาแฟ  แล้วยักไหล่เดินออกไปมองนอกร้านอีกมุม  
ปรี๊ด!!!!ค่ะ นังช้อยปรี๊ดดดด!!!!!!
อดใจไว้เดี๋ยวก่อนเถอะนังหัวทอง  เดี๋ยวเจอนังช้อยแน่!!!!(  ตบอกผาง!!!! ใจนี่เดือดปุดๆ ประมาณนำ้ร้อนในกา ฟี่!ฟี่!!!!! ) เพี้ยนต้มน้ำรอ

มันจะมีช่วงว่างที่ไม่มีลูกค้าใหม่เข้ามาเลยก่อนเที่ยง ประมาณ 15 นาที รึครึ่งชม. ลูกค้าส่วนใหญ่นั่งหน้าร้านรึไม่ก็หลังร้านไปเลย
ตรงที่ จขกท. ยืนทำกาแฟมันจะเป็นคอกกั้น  
บทสนทนาเริ่มขึ้น!!!!!

ช้อย :  หัวทอง เห็นแก้วจานตามโต๊ะมั้ย?
สาวสวย : ปรายตามองมา เบ้ปากใส่ช้อย  ( เบ้ปากจริงนะ ไม่ใช่มุข )
ช้อย :  เธอได้ยินรึเปล่า?
สาวสวย  : ได้ยินแต่ไม่ทำ มีไรป่ะ?
ช้อย :  มี!!!  you know what?  you don't need to act like bitch!!!
สาวสวย:  why you called me a bitch? why ?  หน้าแดงแปร๊ด!!!!! เดินรี่เข้ามาหาช้อย.... ( มาเลยคนสวยเดินเข้ามาให้ไว )
ช้อย : well, I think you misunderstanding, I said you don't need to act like bitch, I didn't call you a bitch.
สาวสวย  : ยืนด่าเราเป็น ภาษาโปแลนด์ แล้วปรายตาจิกแบบนางร้าย
ช้อย : I think if you not alright to work you should go home.
สาวสวย : I'm not going home, who are you?  Oh I know asian people are crazy พูดพร้อมยิ้มเยาะ สายตายังไม่เลิกจิกชั้นอีกนะนังคนสวย!!!
ช้อย: if you think Asian people are crazy"  LET ME SHOW YOU THEN !!!!!!
ถังไวน์ค่ะ ยกขึ้นมาเลย อิช้อยปรอทแตก  เป็นจังหวะเดียวกับ Barista อีกคนเดินเข้ามาพอดี  ยึดมือเราไว้และไล่สาวสวยออกไป.

ยังไม่จบค่ะ สาวสวยไปร้องไห้ในครัวอ้อนเชฟ  บอกโดนช้อยตบ  อิเชฟไปบอกสตีฟหลังร้านให้มาจัดการนังช้อยด่วน  
มันบ้าไปแล้ว  ตบตีสาวน้อยผู้น่าสงสาร
( เมิงไอ้เชฟเดี๋ยวโดน ครั้งที่ยังแล้วไม่เข็ด ขอชั้นชำระคุณสาวสวยก่อน เดี๋ยวตาเมิง )

สตีฟวิ่งมาตาแหก  เกิดอะไรขึ้น  แหม่...สตีฟก็ไม่ดูกล้องหลังร้านล่ะคะว่าเกิดอะไร มาถามช้อยได้  ช้อยตอบแบบมะนาวขาดนำ้   สตีฟรู้มั้ยชั้นทำงานที่นี่เพราะอะไร?
( สตีฟคงนึกเพราะเงินน่ะซิ  ช้อยถามได้ 555 )

ชั้นมาทำงานกับสตีฟด้วยใจ  มาเพราะอยากมา  อยากให้ร้านสตีฟ มีธุรกิจที่ก้าวหน้า มีกาแฟดีๆมีลูกค้าประจำเยอะๆ  วันนี้ชั้นเหนื่อยกับคนสวยเหลือเกิน
แมร่งเป็นแบบนี้มานาน ชั้นไม่พูดเพราะผิดเองที่บอกให้สตีฟรับคนสวยเข้ามา  แต่วันนี้  ถ้าสตีฟอยากมีชั้นอยู่ในร้าน วันต่อไปคนสวยต้องไม่มายืนเสนอหน้าอยู่ในร้านเน๊!!!!
สตีฟบอกใจๆเย็นๆๆ แล้วก็ให้สาวสวยกลับบ้านไปก่อน  แล้วก็สอบถามbarista อีกคนว่า เราได้ทุ่มถังไวน์ใส่หัวสาวสวยจริงมั้ย  basrita บอกว่าทุ่มจริงแต่ไม่โดน
แล้วคนสวยก็เป็นแบบนั้นจริงๆ  พอสตีฟไม่อยู่ ชอบเข้าไปคุยกับเชฟและไม่ทำงานหน้าที่ของตน

สตีฟเดินเข้ามาหาเราหลังร้าน  บอกขอโทษไม่ใช่ไม่เชื่อใจเรา  แต่อยากฟังจากปากคนอื่นด้วย เพราะเชฟบอกว่าเราตบหน้าสาวสวย  ( อิเชฟเดี๋ยวโดนตบจริงๆนะเมิง )

หลังจากนั้นเหตุการณ์เหมือนจะดี แต่ไม่ดี สาวสวยมาหาสตีฟที่เคาท์เตอร์สองสามวันต่อมา  พร้อมกับรอยตามตัว บอกว่าจะมาบอกให้สตีฟรู้ว่าจะแจ้งตำรวจ
เพราะโดนนังช้อยตบ!!!
สตีฟบอก เธอบ้าเปล่า  วันนั้นไม่มีร่องรอยอะไร หายไปสามวันร่องรอยมาเพียบ!!! เธอโดนผัวตบมาเปล่า  มาโทษนังช้อยของชั้น  ถ้าเธอมามุขนี้  ที่นี่ออสเตรเลียนะไม่ใช่บ้านเธอ  เค้าต้องมีการสอบสวนเป็นขั้นเป็นตอน
ถ้าจะมาไฝว้กับช้อย  เจอดีกับชั้นก่อนแน่!!!!!

แล้วสตีฟก็ไล่ออกจากร้านไป........



หมอบกราบ สตีฟหนึ่งครั้ง.......


----------------------------------------------

.....ตอนเริ่มจะตีกันถังไวน์ทุ่มไม่โดนจริงๆ   แต่ทะเลาะกันแบบชุลมุนถึงเนื้อถึงตัวได้ตบไปรึเปล่าไม่รู้
จำไม่ได้เพราะมันเร็วมาก ..... แต่วันนั้นที่ทะเลาะกันร่องรอยมันไม่มีจริงๆนี่นา!!!   อมยิ้ม21




ขออภัยที่ใช้รูปกาแฟเก่า จขก. ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปกาแฟตอนทำงาน

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่