โอกาสที่หาได้ยากมาถึงคุณแล้วอย่าปล่อยให้ผ่านเลยไป

กระทู้สนทนา
เรางมงายว่ามีตัวเราอยู่จริงๆ ทั้งที่มันไม่เคยมี กาย ใจ จิต ทั้งกระบิไม่ใช่ตัวตน ( ไม่ใช่ปฎิเสธการมีอยู่ของร่างกาย จิตใจ แต่ความรู้สึกเข้าไปยึดถือว่าเป็นตัวเราของเรามันไม่มี ) มันเป็นแค่รูปธรรม นามธรรม ที่รวมตัวกันชั่วคราว เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่ปฎิบัติ เจริญสติ แยกธาตุ แยกขันธ์ ไม่มีทางที่จะหลุดพ้น จากความเห็นผิดนี้ได้ จึงต้องเวียนเกิดเวียนตายไม่รู้จักจบสิ้น ปฎิบัติจนรู้แจ้งเห็นจริง พ้นจากความยึดมั่นถือมั่นในรูปธรรม นามธรรม ก็พ้นไป เพราะคิดและเชื่อว่ามีตัวตน เรื่องทุกอย่างจึงต้องดำเนินต่อไป เค้าล้อเล่น  รู้ว่าไม่ใช่ เรื่องนี้ก็จะจบใครจะแสดงความคิดเห็นอย่างไร จะเชื่อ อย่างไร จะเถียงอย่างไร ความจริงก็คือความจริง การรู้ว่าไม่ใช่ตัวตน ต้องปฏิบัติ เอง เห็น เอง รู้เอง ไม่มีใครสามารถทำให้ใครรู้และเห็นได้
( รูปธรรม นามธรรม ที่คุณได้มาในปัจจุบัน เป็นผลมาจากอุปาทานคือ ความยึดมั่นถือมั่นว่ามีตัวตน )
เพราะฉะนั้นถ้าคุณไม่ปฏิบัติ สติปัฏฐาน 4 คุณจะไม่สามารถหลุดพ้นจากความเห็นผิดนี้ได้เลย เมื่อคุณยังไม่รู้แจ้งในกระบวนการแห่งธรรมชาติคือปฏิจจสมุปบาท กระบวนการเหล่านี้ก็จะยังคงดำเนินต่อไปตามเหตุตามปัจจัยไม่มีวันจบสิ้น

ปฏิจจสมุปบาท
อธิบายถึง การเกิดขึ้นพร้อมแห่งธรรมทั้งหลายเพราะอาศัยกัน, การที่สิ่งทั้งหลายอาศัยกันจึงเกิดมีขึ้น เช่น ทุกข์เกิดขึ้นเพราะมีปัจจัย 12 เรื่องเกิดขึ้นสืบ ๆ เนื่องกันมาตามลำดับดังนี้ คือ

เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี
เพราะสังขารเป็นปัจจัย วิญญาณจึงมี
เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย นามรูปจึงมี
เพราะนามรูปเป็นปัจจัย สฬายตนะจึงมี
เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย ผัสสะจึงมี
เพราะผัสสะเป็นปัจจัย เวทนาจึงมี
เพราะเวทนาเป็นปัจจัย ตัณหาจึงมี
เพราะตัณหาเป็นปัจจัย อุปทานจึงมี
เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ภพจึงมี
เพราะภพเป็นปัจจัย ชาติจึงมี
เพราะชาติเป็นปัจจัย ชรามรณะจึงมี
ความโศก ความคร่ำครวญ ทุกข์ โทมนัส และความคับแค้นใจ ก็มีพร้อม ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งปวงนี้ จึงมี
การเทศนาปฏิจจสมุปบาท ดังแสดงไปแล้วข้างต้น เรียกว่า อนุโลมเทศนา

หากแสดงย้อนกลับจากปลายมาหาต้น จากผลไปหาเหตุปัจจัย เช่น ชรามรณะเป็นต้น มีเพราะชาติเป็นปัจจัย ชาติมีเพราะภพเป็นปัจจัย ฯลฯ สังขารมีเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย ดังนี้ เรียกว่า ปฏิโลมเทศนา


ฝึกปฎิบัติเจริญสติ จนมีกำลังมากพอ เฝ้าตามรู้ ตามดู รูป นาม ขันธ์ห้า ทำงานไป เพียรไปอย่าหยุด จนวันนึงท่านจะรู้แจ้ง หายสงสัยด้วยตัวเอง
ไม่มีใครทำแทนใครได้ และไม่มีใครรู้แทนใครได้ แล้วคุณจะรักพระพุทธเจ้าอย่างสุดหัวใจที่ทิ้งหนทางแห่งการหลุดพ้นจากสังสารวัฎนี้ไว้ให้ด้วยความเมตตาอย่างหาที่สุดมิได้




http://youtu.be/Am-6k28GNt0            สอนปฏิบัติอย่างง่ายๆ
http://youtu.be/pkMN7fCJuNo            ปฎิบัติธรรมจำเป็นไหม
http://youtu.be/BnvfAhczpgQ             สมาธิกับผลทางกาย
http://youtu.be/lRbdHZGtKi4              สติ ฝึกไปทำไม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่