อชิตะ เกสกัมพล, เต๋า, เซน ถึง พุทธทาศ พระเกษม พระคึกฤทธิ์

กระทู้สนทนา
ก็ไม่ได้กะจะตั้งกระทู้ให้เป็นเรื่องแต่ เห็นหลายๆท่านยังจัดเชจของความต่างเรื่องราวเหล่านี้ไม่ถูกและเข้าใจว่าเป็นเรื่องเดียวกัน จึงยกมาด้วยปัญญาแบบจับแพะชนแกะของผมหวังให้มันชัดขึ้นไม่ได้เอามาทะเลาะกับใคร

อชิตะ เกสกัมพล
ไม่เชื่อโลกนี้โลกหน้า เอาวัตถุนิยมเป็นหลัก คนนิยมเรียกว่า Indian Democritus มุ่งเสพความสุขอย่างเต็มที่ และเห็นแก่ตัว เกิดร่วมยุคกับพุทธเจ้า

เต๋า
บางทีก็จัดเป็นศาสนา ค่อนข้างไปในทางเชื่อว่าไม่มีโลกหน้าเช่นกัน แต่เชื่อในการกลับคืนสู่ธรรมชาติและความสมดุล หรือเอกภาพ ทั้งๆที่ไม่เชื่อในโลกหน้าแต่จิตใจกับอ่อนโยนเพราะเป็นลักษณะการรักษา ไม่ใช่นำมาใส่ตัว การเชื่อแบบเต๋าก็จัดเป็นอนัตตาได้เหมือนกัน แต่เป็นอนัตตาในความหมายว่า "ไม่มีตัวตน" เพราะทุกสิ่งแปรเปลี่ยน และทุกสิ่งสมดุลได้ด้วย "ของคู่"

เซ็น
เป็นนิกายในพุทธศาสนา เข้าไปปรับปรุงหรือต่อยอดลัทธิเต๋า(เพราะเข้าไปทางจีนช่วงนั้น) โดยมีความใกล้เคียงเรื่องสมดุลแต่เป็น "สมดุลที่ไม่ได้เกิดจากของคู่" มาประครองกัน สมดุลแบบเซ็นคือการเห็นตามจริง และสุญญตาหรืออนัตตาแบบเซ็น มีขึ้นเพื่อปฏิเสธอัตตาเท่านั้นไม่ได้เป็นขั้วตรงข้าม ควรแปลว่า "ไม่ใช่ตัวตน" และให้สอนเรื่อง "ของคู่" ก็ได้ แต่เพื่อให้เห็นว่า "มันไม่ใช่ของคู่ๆหรือขั้วตรงข้าม" ทุกอย่างเป็นเหตุปัจจัย บุญ-บาป ไม่ใช่ของที่ควรรับเอา

พุทธทาศ
เป็นเถรวาทอย่างเต็มตัว และถึงรู้ว่าอะไรไม่น่าใช่ แต่ก็ยังคงถ่ายทอด เช่นไม่เชื่อเรื่องศีลทั้งหมดแต่ก็แปลลงไตรปิฏกจนครบ ไม่เชื่อเรื่องสวรรค์ทั้งหมดแต่ก็คงแปลจนครบ อะไรที่ทำตัวเป็นอรรถกถาจารย์ก็แสดงอย่างชัดว่านี่ตนเขียน และไม่แปลแทรกไปในไตรปิฏก ส่วนเรื่องใหนเป็นเรื่องสอนส่วนตัวก็แยกออกไปเป็นหนังสือต่างหาก เพราะคุณสมบัติของเถรวาทคือต้องทำหน้าที่สื่อสารและส่งต่อให้ครบถ้วน เช่นถ้าเป็นข่าวก็มีหน้าที่เสนอข่าวไม่ใช่เปลี่ยนเนื้อข่าว ถ้าจะวิเคราะห์จริงๆก็ค่อยเขียนแนบท้าย ไม่ใส่มั่วๆไปในเนื้อข่าว และไม่ได้ขัดแย้งมั่วๆ ถึงไม่เชื่อไม่ยอมรับก็วางอุเบกขาเสีย เหตุเพราะนั่นเป็นสิ่งที่ตนเชื่อแต่ยังไม่ได้มีการทำสังคายนาหรือเป็นมติของพระเถระจึงต้องสอนต่อไป เช่นเรื่องพุทธรูป และศีลเป็นต้น

พระเกษม
เคร่งวินัย แต่ไม่วางอุเบกขาในบางเรื่อง ยังทำเป็นเรื่องคู่ตรงข้าม แต่ก็ทำหน้าที่เป็นเถรวาทอย่างดี เพราะทำหน้าที่ส่งต่อไตรปิฏกครบถ้วน เพียงแต่แข็งกร้าวและมั่นคงเกินไป ข้อสำคัญคือ "เชื่อทุกอย่างที่ตนคิดว่าเป็นคำของพุทธองค์ แต่ก็ไม่ปฏเสธคำของสาวกที่แนบมา" (ผมเคารพท่านมากองค์หนึ่ง)

พระคึกฤทธิ์
คล้ายพระเกษมแต่ไม่เหมือน ไม่ทำตัวเป็นเถรวาทอย่างเต็มที่ ไม่รอการประชุมของบรรดาพระเถระ และการปรับแต่งไตรปิฏกจึงส่อมากที่จะกลายไปเป็นอาจาริยะวาทในภายหลัง

ปล.ข้อมูลเรื่อง เต๋า, เซ็น, อชิตะฯ รบกวนหาต่อถ้าสนใจ ไม่อาจจะเอามาแสดงได้หมด
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่