วิบากกรรม ลีน่า จัง บนถนนการเมือง

กระทู้สนทนา
วิบากกรรม "ลีน่า จัง " บนถนนการเมือง



นางลีน่า จังจรรจา หรือ "ลีน่า จัง"ที่ใครๆรู้จักเธอดี ในมาดสาวมั่น นักธุรกิจเครื่องสำอาง "ไอโซลีน่า" ปรากฏเป็นกระแสข่าวบนพื้นที่สื่อได้ไม่หยุดหย่อน ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่เป็นคนตรงไปตรงมา ปะ ฉะ ดะ ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม


ทำให้เธอโด่งดังและเป็นที่รู้จักตลอดมา บุคลิกของเธอ ที่ทำเอาผู้คนให้ความสนใจเธอมากขึ้นกว่าเดิม ก็เมื่อเธอหันเหตัวเอง มาทำงานสื่อ เปิดสถานีโทรทัศน์ผ่านเดียวเทียมในชื่อช่อง "ฮ็อตทีวี" แรกๆก็เป็นทีวีทั่วไปจัดรายการสลับกับโฆษณาขายสินค้าในเครือของเธอ แต่แล้วด้วยสถานการณ์การเมือง เธอหันเหเนื้อหาของรายการมาเต็บสูบด้วย ปริมณฑลข่าวทางการเมือง และสารพัด "จอมแฉ" แหลกทั้งคนดังทางการเมือง และแวดวงบันเทิงมายา



แต่ที่เธอไม่เคยหยุดและท้อถอยที่จะก้าวเดินบนเส้นทางนี้เลย ก็คือ ถนนการเมือง "ลีน่า จัง" เปิดตัวเป็นข่าวครึกโครมด้วยการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เมื่อปี 2547 และอีกทุกครั้งในสมัยถัดๆมา และเมื่อมีการประกาศใช้กฎอัยการศึก กองอำนวยการรักษาความสงบ (กอ.รส.) และ โทรทัศน์ช่องของเธอก็ถูกปิดไปด้วย จนเธอต้องออกโรง ฉะ หน้าในตอนนั้น เพื่อทวงคืนธุรกิจ โดยอ้างว่า ตอนนี้จะไม่มีเงินกินข้าวอยู่แล้ว


ล่าสุด กกต.มีมติ ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง และสั่งดำเนินคดีอาญา กรณีที่เธอลงสมัครรับเลือกตั้ง เป็น ส.ว. กทม. โดยได้ขึ้นป้ายหาเสียง มีข้อความในลักษณะที่จูงใจว่า จะทำให้น้ำมันลดเหลือลิตรละ 20 บาท


มติชนออนไลน์ ขอนำเสนอ เส้นทางการเมือง ของ "ลี น่า จัง "ว่าจะน่าสนใจเพียงใด และเส้นทางที่ไม่ได้โดยด้วยกลีบกุหลาบของเธอ ต้องผ่านวิบากกรรมอะไรมาบ้าง


นางลีนา จังจรรจา หรือเป็นที่รู้จักในชื่อ ลีน่าจัง (เกิด 14 กันยายน 2502) เป็นนักธุรกิจชาวไทย เคยลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในปี 2547, 2551 และ 2552 นอกจากนี้ ลีนายังเปิดร้านขายเครื่องสำอาง "ไฮโซไซตี้" ที่ประตูน้ำเซ็นเตอร์ และประกอบอาชีพทนายความ



ลีนา สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เคยร่วมขับไล่พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรี โดยแต่งกายฉูดฉาด เพราะอยากเป็นจุดเด่น และยังแต่งกายลักษณะเดียวกันเข้าชมการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 ด้วย


ลีนาเปิดและเป็นประธานบริษัทขายส่งเครื่องสำอาง ตั้งร้านชื่อไฮโซไซตี้อยู่ที่ประตูน้ำเซ็นเตอร์ ลีนายังเปิดมูลนิธิลีนา เพื่อให้การช่วยเหลือด้านกฎหมายแก่ประชาชน และเคลื่อนไหวทางการเมือง ลีนาเป็นจุดเด่นเพราะมักปฏิบัติกิจกรรมโดยแต่งกายฉูดฉาด



เมื่อรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ถูกถอดออกจากช่อง 9 ลีนาก็ได้มอบดอกไม้ให้แก่นายสนธิ ลิ้มทองกุล และนางสาวสโรชา พรอุดมศักดิ์ ระหว่างดำเนินรายการนอกสถานเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2548 ด้วย


ในปี 2547 ลีนาได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้หมายเลข 6 หาเสียงโดยใช้ถ้อยคำโฆษณาว่า "ลีนา มาจ๊ะจรรจา มาจ๊ะจรรจา มาจ๊ะ เบอร์ 6" แล้วร้องรำทำเพลงเต้นเริงร่าอยู่บนหลังรถกระบะที่ใช้หาเสียงแห่ไปบริเวณสยามสแควร์ คณะกรรมการการเลือกตั้งจึงถอดถอนลีนา เพราะกฎหมายห้ามจัดมหรสพหรืองานรื่นเริงเพื่อหาเสียงเลือกตั้ง


ใน 2549 ลีนาได้ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา หมายเลข 142 กรุงเทพมหานคร แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง



ใน 2551 ลีนาได้ลงสมัครเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครอีกครั้ง ได้หมายเลข 7 ใช้ถ้อยคำโฆษณาว่า "ผู้หญิงมีต่อมความชั่วน้อยกว่าผู้ชาย" นำเสนอนโยบายจัดให้มีตั๋วอัจฉริยะอันเป็นตั๋วใช้โดยสารยวดยานสาธารณะทุกประเภท ทั้งรถประจำทาง รถไฟฟ้ามหานคร รถไฟฟ้าบีทีเอส และเรือด่วนเจ้าพระยา ขณะเดินหาเสียง ลีนาตกคลองแสนแสบพร้อมผู้ช่วยขณะพากันตรวจพิสูจน์น้ำคลอง โดยผู้ช่วยคนดังกล่าวถึงแก่ความตายด้วย มีการวิจารณ์กันว่าเป็นการสร้างภาพ


ต่อมาในปี 2552 ลีนาลงเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครอีก หลังการลาออกของนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ลีนา ได้หมายเลข 3 แต่ก็ไม่ได้รับเลือกตั้ง



ต่อมา ลีนาได้เข้าเป็นสมาชิกพรรคมัชฌิมาธิปไตย เพื่อลงเลือกตั้งในปลายปี 2550 แต่พรรคไม่สนับสนุน ลีนาจึงฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายหนึ่งพันล้านบาทจากนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ หัวหน้าพรรค ทว่า ศาลยกฟ้อง ลีนาจึงย้ายไปพรรคพลังแผ่นดินไทย แต่ที่สุดก็ไม่ได้รับการเลือกตั้ง



ในวันที่ 16 มกราคม 2551 สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสเปิดรับสมัครพนักงานเป็นวันแรก ลีนาได้ไปสมัครเป็นผู้ประกาศข่าวด้วย แต่ไม่ได้รับเลือก


ในหนังสือ "ปรากฏการณ์ยิ่งลักษณ์" ของสำนักพิมพ์วัฏฏะ คลาสสิฟายด์ส ลีนากล่าวตอนหนึ่งว่า บางครั้งคนกรุงเทพมหานครก็โง่เลือกคุณอภิสิทธิ์ เพราะรูปหล่อ และกล่าวโจมตีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะว่าไม่มีความจริงใจ


เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2553 ลีนาเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ว่า "ดิฉันขอเรียกร้องให้ผู้ประกอบการย่านราชประสงค์เปิดโอกาสให้คนเสื้อแดงได้ชุมนุมเพื่อเรียกร้องสิทธิด้วย"และว่าตนเองได้รับผลกระทบเช่นกันจากการเป็นนักธุรกิจย่านท่าประตูน้ำแต่ก็ยินดีที่จะเสียสละ




ในวันที่ 21 พฤษภาคม 2557 หลังสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมฮอตทีวีของลีนาถูกสั่งปิดโดยประกาศกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.) ตามการประกาศกฎอัยการศึก ลีนาได้เข้าขอความเป็นธรรมกับพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะ ผอ.รส. ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต



วันที่ 9 สิงหาคม 2557 เธอได้เดินทางไปยังงานเริ่มต้นสภาปฏิรูปแห่งชาติ ณ สโมสรทหารบก ถนนวิถาวดีรังสิต โดยนางลีน่าจังได้เดินทางมาในช่วงเช้าเพื่อขอเข้าร่วมงานและเสนอชื่อในฐานะตัวแทนพรรคการเมือง เข้าเป็นสภาปฏิรูปแห่งชาติ แต่ได้ถูกสารวัตรทหาร ควบคุมตัวไว้ และขอให้ไปอยู่ในพื้นที่ที่จัดให้ และไม่อนุญาตให้เข้าร่วมงาน


เมื่อวันที่ 14 ส.ค.57 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ลีน่าจัง ในฐานะหัวหน้าพรรคมหาประชาชน ได้เดินทางมาสมัครขอเข้ารับการคัดเลือกเสนอชื่อเป็นสมาชิกสภาปฎิรูปแห่งชาติ



วิบากกรรม! ล่าสุดของเธอ ในวันนี้ 15 สิงหาคม คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ได้มีมติสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง และดำเนินคดีทางอาญา ฐานหลอกลวงหรือจูงใจให้เข้าใจผิด กรณีป้ายหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาที่มีข้อความว่า


"ยกเลิกกองทุนน้ำมันเบนซิน ลิตรละ 20 บาท ลีน่า จังจรรจา (ลีน่าจัง) เบอร์ 3 ส.ว.กทม."


"ทวงคืน ป.ต.ท.ให้เป็นของคนไทย ใช้น้ำมันเบนซิน ลิตรละ 20 บาท ลีน่า จังจรรจา (ลีน่าจัง) เบอร์ 3 ส.ว.กทม."


ซึ่งข้อความดังกล่าวมิได้เป็นอำนาจหน้าที่ของ ส.ว.ตามที่กฎหมายกำหนดให้ ส.ว.กระทำได้ โดยจะส่งเรื่องไปศาลฎีกาให้พิจารณาอีกครั้ง ซึ่งในทางกฎหมายจะยังไม่เพิกถอนสิทธิการลงสมัครสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ โดยจะต้องรอคำตัดสินของศาลฎีกา


จึงต้องติดตามกันต่อไปว่า ถนนการเมือง วิบากรรมของ ลีน่า จัง จะสดใสโชติช่วงชัชวาล หรือไม่ อย่างไร


งานนี้ คงต้องฝากเอาไว้...ให้ประชาชน เป็นคนตัดสิน

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1408097212
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่