*** ขอโทษทีค่ะ ขอแก้เป็นโลตัสบางสะพาน เพราะบางสะพานน้อยไม่มีโลตัส***
ซื้อของราคาไม่เคยตรงกับป้าย แพงกว่าป้ายทุกครั้ง แล้วติดป้ายไว้เพื่อ??? ยกตัวอย่างเมื่อหลายเดือนก่อนซื้อปลั๊กพ่วง ติดป้ายลดราคาเหลือ 99 บาท (ราคาเต็มร้อยกว่าบาทนิดๆ จำไม่ได้แล้วว่าร้อยเท่าไหร่) ซื้อเสร็จไม่ได้ตรวจสอบบิล กลับมาถึงบ้านพบว่าคิดเงินเกินและปลั๊กใช้การไม่ได้เพราะไฟไม่เข้า วันรุ่งขึ้นจึงต้องขับรถไป 20 กว่ากิโล เพื่อสอบถามและเปลี่ยนสินค้า
คำตอบของพนักงานคือ โปรแกรมในคอมฯ มีปัญหาราคาสินค้าเปลี่ยนตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เราเลยถามกลับว่าแล้วอย่างนี้ลูกค้าจะรู้ไหม ในเมื่อคุณไม่เปลี่ยนป้ายราคา ถ้าราคาร้อยกว่าบาทซื้อเซเว่นแถวบ้านก็ได้ แถมยังเสียต้องขับรถไปเปลี่ยนอีก ไม่คุ้มค่าน้ำมันเอาเสียเลย (สองประโยคหลังสุดไม่ได้พูด แค่คิด) พนักงานถามว่าถ้าราคาร้อยกว่าบาทพี่จะคืนไหม เราบอกคืน พนักงานคีย์หน้าจออยู่พักนึงเพื่อจะทำเรื่องคืนสินค้าให้เรา คีย์ไปคีย์มาในจอราคากลายเป็น 99 บาทอีก (เราได้ยินพนักงานพูดกับผู้จัดการสาขาที่ยืนจ้ำจี้จ้ำไชอยู่ข้างๆ) ผู้จัดการเลยถามเราว่าถ้าราคา 99 พี่เอาไหม เราบอกถ้าราคาตามป้ายลดเราก็เอา เรื่องนั้นเป็นอันจบไป
ครั้งต่อมาเป็นข้าวหอมมะลิของโลตัสเอง ติดป้ายลดราคาเหลือ 169 (จำไม่ได้แน่ชัดแต่ประมาณนี้) เราเลยหยิบมา 3 ถุง แต่พอคิดเงินกลายเป็นถุงละ 189 บาท เราก็ไม่ทันดูบิลเพราะต้องเก็บกระเป๋าตัง เข็นรถเข็นออกมาที่รถมือไม่ว่าง จนมาถึงรถเลยเพิ่งรู้ว่าคิดราคาเกินป้ายอีกแล้ว เราข้องใจเลยเดินกลับไปถามพนักงานว่าทำไมราคาไม่ตรงกับป้าย พนักงานคีย์ดู เดินไปดูที่เชลฟ์ มันก็จริงอย่างที่เราพูด เช็คไปเช็คมาพนักงานบอกว่าราคาเปลี่ยนแล้วแต่ยังไม่เปลี่ยนป้าย อ้อ .... มีงี้ด้วย แล้วลูกค้าจะรู้กับคุณไหม เราย้อนถาม
พนักงานตอบอย่างซื่อๆ ว่าก่อนหน้าพี่ก็มีคนซื้อไปแล้วบอกว่าคิดราคาเกินจากป้ายจึงขอคืนสินค้า พี่จะคืนไหมคะ? นั่นมันไม่ใช่การแก้ปัญหา เราเอาของใส่รถไปแล้วเราต้องเอามาคืนอีกอย่างนั้นหรือ??? ปัญหาคือเมื่อไหร่สินค้าของคุณถึงจะราคาตรงกับป้ายสักที วิธีไหนก็ได้ที่ทำให้มันตรงกัน อย่าเอาเปรียบผู้บริโภคด้วยวิธีนี้
อีกอย่าง การกระทำเช่นนี้มันลิดรอนสิทธิ์ของสินค้าชนิดเดียวกันที่เป็นของยี่ห้ออื่นที่เขาไม่ได้ติดป้ายลดราคาเหมือนคุณ บางทีลูกค้าอาจอยากซื้อยี่ห้ออื่นก็ได้ แต่หันมาเห็นสินค้าคุณลดราคา ถูกกว่าเป็นยี่สิบบาท แล้วคุณภาพก็พอกัน ลูกค้าจึงเลือกซื้อยี่ห้อของคุณ แล้วคุณกระทำกับลูกค้าเยี่ยงนี้หรือ???
ล่าสุดเจออีกคือวันนี้ ซื้ออาหารสุนัขสมาร์ทฮาร์ท 3 กก. ติดป้ายสีเหลืองลดราคา (หลอกกันอีกแล้ว) ราคาเดิม 232 บาท ราคาลด 205 บาท (ต่างกันเท่าไหร่คิดเอา) ราคานี้ลดถึง 13 สค.57 เขียนกำหนดเวลาไว้อย่างดี เราคิดว่าเราไม่พลาดหรอกเพราะวันนี้มันเพิ่ง 6 สค. แต่พอคิดเงิน อีหรอบเดิม คิดราคาเต็มคือ 232 เราทนไม่ได้อีก ถามพนักงานว่าทำไมเป็นแบบนี้ (อีกแล้วๆๆๆๆ) พนักงานทำหน้างงๆ เราเลยเดินไปหยิบป้ายเหลืองมาให้ดู หมดเขต 13 นะน้อง ทำไมคิดราคาเต็ม แล้วก็คำตอบเดิมๆๆๆๆ ราคาในคอมฯ มัน 232 ค่ะพี่ ถ้าพี่ไม่เอาคืนสินค้าได้นะคะ ประเด็นมันไม่เกี่ยวกับคืนไม่คืน (เบื่อมากคำนี้ เบื่อจนต้องมาโพสนี่แหละ) แต่มันอยู่ที่ว่าเมื่อไหร่ราคาสินค้าจะตรงกับป้ายสักที แล้วแถวนี้ก็ไม่มีห้างอื่น ไม่งั้นเลิกเข้าตั้งแต่เจอเรื่องปลั๊กแล้ว
ทีแรกคิดว่าจะถ่ายป้ายเหลืองมาด้วยเพื่อประกอบ แต่เมื่อส่งให้พนักงานไปดูวันที่ พนักงานบอกว่าจะเอาไปเปลี่ยนราคา ซึ่งไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า พนักงานรีบงุบงิบเดินหายไปทางด้านหลัง และเรา.....ขี้เกียจรอ ไม่ว่างพอที่จะรอ
เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นเรื่อยๆ ไปทีไรได้ยินลูกค้าท้วงเรื่องคิดราคาผิดกับพนักงานทุกทีไป อยากรู้ว่าผู้บริหารโลตัสเคยรู้เรื่องพวกนี้บ้างไหม? อยากให้รับรู้หัวอกของลูกค้าที่เข้าไปใช้บริการร้านค้าของคุณบ้าง เพราะเหลืออดแล้วจริงๆ ถึงต้องเอามาบอกเล่า ณ ที่นี้
อยากบอกว่าที่พูดมาทั้งหมดไม่ใช่ไม่มีเงินจ่ายในราคาเต็ม-ราคาเดิมที่คุณขีดฆ่ามันออกเพื่อลวงผู้บริโภค/ลิดรอนสิทธิ์ของสินค้ายี่ห้ออื่นที่ลูกค้าอาจเลือกซื้อแทนยี่ห้อที่ทำทีเอามาลดราคา แต่การที่คุณทำอย่างนี้มันไม่มีความซื่อสัตย์ต่อลูกค้าของคุณเลย คุณเอาเปรียบผู้บริโภคอย่างน่าละอายที่สุด
และเราคงหมดความอดทนกับคุณแล้วจริงๆ เรายินดีเข้าร้านโชว์ห่วยที่ถึงแม้จะแพงกว่านิดหน่อยแต่เขาไม่เคยเอาเปรียบผู้บริโภคอย่างที่โลตัสทำกับลูกค้าในกรณีดังที่กล่าวมา
เบื่อเหลือเกินแล้วกับโลตัสบางสะพานน้อย
ซื้อของราคาไม่เคยตรงกับป้าย แพงกว่าป้ายทุกครั้ง แล้วติดป้ายไว้เพื่อ??? ยกตัวอย่างเมื่อหลายเดือนก่อนซื้อปลั๊กพ่วง ติดป้ายลดราคาเหลือ 99 บาท (ราคาเต็มร้อยกว่าบาทนิดๆ จำไม่ได้แล้วว่าร้อยเท่าไหร่) ซื้อเสร็จไม่ได้ตรวจสอบบิล กลับมาถึงบ้านพบว่าคิดเงินเกินและปลั๊กใช้การไม่ได้เพราะไฟไม่เข้า วันรุ่งขึ้นจึงต้องขับรถไป 20 กว่ากิโล เพื่อสอบถามและเปลี่ยนสินค้า
คำตอบของพนักงานคือ โปรแกรมในคอมฯ มีปัญหาราคาสินค้าเปลี่ยนตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เราเลยถามกลับว่าแล้วอย่างนี้ลูกค้าจะรู้ไหม ในเมื่อคุณไม่เปลี่ยนป้ายราคา ถ้าราคาร้อยกว่าบาทซื้อเซเว่นแถวบ้านก็ได้ แถมยังเสียต้องขับรถไปเปลี่ยนอีก ไม่คุ้มค่าน้ำมันเอาเสียเลย (สองประโยคหลังสุดไม่ได้พูด แค่คิด) พนักงานถามว่าถ้าราคาร้อยกว่าบาทพี่จะคืนไหม เราบอกคืน พนักงานคีย์หน้าจออยู่พักนึงเพื่อจะทำเรื่องคืนสินค้าให้เรา คีย์ไปคีย์มาในจอราคากลายเป็น 99 บาทอีก (เราได้ยินพนักงานพูดกับผู้จัดการสาขาที่ยืนจ้ำจี้จ้ำไชอยู่ข้างๆ) ผู้จัดการเลยถามเราว่าถ้าราคา 99 พี่เอาไหม เราบอกถ้าราคาตามป้ายลดเราก็เอา เรื่องนั้นเป็นอันจบไป
ครั้งต่อมาเป็นข้าวหอมมะลิของโลตัสเอง ติดป้ายลดราคาเหลือ 169 (จำไม่ได้แน่ชัดแต่ประมาณนี้) เราเลยหยิบมา 3 ถุง แต่พอคิดเงินกลายเป็นถุงละ 189 บาท เราก็ไม่ทันดูบิลเพราะต้องเก็บกระเป๋าตัง เข็นรถเข็นออกมาที่รถมือไม่ว่าง จนมาถึงรถเลยเพิ่งรู้ว่าคิดราคาเกินป้ายอีกแล้ว เราข้องใจเลยเดินกลับไปถามพนักงานว่าทำไมราคาไม่ตรงกับป้าย พนักงานคีย์ดู เดินไปดูที่เชลฟ์ มันก็จริงอย่างที่เราพูด เช็คไปเช็คมาพนักงานบอกว่าราคาเปลี่ยนแล้วแต่ยังไม่เปลี่ยนป้าย อ้อ .... มีงี้ด้วย แล้วลูกค้าจะรู้กับคุณไหม เราย้อนถาม
พนักงานตอบอย่างซื่อๆ ว่าก่อนหน้าพี่ก็มีคนซื้อไปแล้วบอกว่าคิดราคาเกินจากป้ายจึงขอคืนสินค้า พี่จะคืนไหมคะ? นั่นมันไม่ใช่การแก้ปัญหา เราเอาของใส่รถไปแล้วเราต้องเอามาคืนอีกอย่างนั้นหรือ??? ปัญหาคือเมื่อไหร่สินค้าของคุณถึงจะราคาตรงกับป้ายสักที วิธีไหนก็ได้ที่ทำให้มันตรงกัน อย่าเอาเปรียบผู้บริโภคด้วยวิธีนี้
อีกอย่าง การกระทำเช่นนี้มันลิดรอนสิทธิ์ของสินค้าชนิดเดียวกันที่เป็นของยี่ห้ออื่นที่เขาไม่ได้ติดป้ายลดราคาเหมือนคุณ บางทีลูกค้าอาจอยากซื้อยี่ห้ออื่นก็ได้ แต่หันมาเห็นสินค้าคุณลดราคา ถูกกว่าเป็นยี่สิบบาท แล้วคุณภาพก็พอกัน ลูกค้าจึงเลือกซื้อยี่ห้อของคุณ แล้วคุณกระทำกับลูกค้าเยี่ยงนี้หรือ???
ล่าสุดเจออีกคือวันนี้ ซื้ออาหารสุนัขสมาร์ทฮาร์ท 3 กก. ติดป้ายสีเหลืองลดราคา (หลอกกันอีกแล้ว) ราคาเดิม 232 บาท ราคาลด 205 บาท (ต่างกันเท่าไหร่คิดเอา) ราคานี้ลดถึง 13 สค.57 เขียนกำหนดเวลาไว้อย่างดี เราคิดว่าเราไม่พลาดหรอกเพราะวันนี้มันเพิ่ง 6 สค. แต่พอคิดเงิน อีหรอบเดิม คิดราคาเต็มคือ 232 เราทนไม่ได้อีก ถามพนักงานว่าทำไมเป็นแบบนี้ (อีกแล้วๆๆๆๆ) พนักงานทำหน้างงๆ เราเลยเดินไปหยิบป้ายเหลืองมาให้ดู หมดเขต 13 นะน้อง ทำไมคิดราคาเต็ม แล้วก็คำตอบเดิมๆๆๆๆ ราคาในคอมฯ มัน 232 ค่ะพี่ ถ้าพี่ไม่เอาคืนสินค้าได้นะคะ ประเด็นมันไม่เกี่ยวกับคืนไม่คืน (เบื่อมากคำนี้ เบื่อจนต้องมาโพสนี่แหละ) แต่มันอยู่ที่ว่าเมื่อไหร่ราคาสินค้าจะตรงกับป้ายสักที แล้วแถวนี้ก็ไม่มีห้างอื่น ไม่งั้นเลิกเข้าตั้งแต่เจอเรื่องปลั๊กแล้ว
ทีแรกคิดว่าจะถ่ายป้ายเหลืองมาด้วยเพื่อประกอบ แต่เมื่อส่งให้พนักงานไปดูวันที่ พนักงานบอกว่าจะเอาไปเปลี่ยนราคา ซึ่งไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า พนักงานรีบงุบงิบเดินหายไปทางด้านหลัง และเรา.....ขี้เกียจรอ ไม่ว่างพอที่จะรอ
เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นเรื่อยๆ ไปทีไรได้ยินลูกค้าท้วงเรื่องคิดราคาผิดกับพนักงานทุกทีไป อยากรู้ว่าผู้บริหารโลตัสเคยรู้เรื่องพวกนี้บ้างไหม? อยากให้รับรู้หัวอกของลูกค้าที่เข้าไปใช้บริการร้านค้าของคุณบ้าง เพราะเหลืออดแล้วจริงๆ ถึงต้องเอามาบอกเล่า ณ ที่นี้
อยากบอกว่าที่พูดมาทั้งหมดไม่ใช่ไม่มีเงินจ่ายในราคาเต็ม-ราคาเดิมที่คุณขีดฆ่ามันออกเพื่อลวงผู้บริโภค/ลิดรอนสิทธิ์ของสินค้ายี่ห้ออื่นที่ลูกค้าอาจเลือกซื้อแทนยี่ห้อที่ทำทีเอามาลดราคา แต่การที่คุณทำอย่างนี้มันไม่มีความซื่อสัตย์ต่อลูกค้าของคุณเลย คุณเอาเปรียบผู้บริโภคอย่างน่าละอายที่สุด
และเราคงหมดความอดทนกับคุณแล้วจริงๆ เรายินดีเข้าร้านโชว์ห่วยที่ถึงแม้จะแพงกว่านิดหน่อยแต่เขาไม่เคยเอาเปรียบผู้บริโภคอย่างที่โลตัสทำกับลูกค้าในกรณีดังที่กล่าวมา