6 สิงหาคม 2557
MARKET ON THE MOVE ( ข่าวเด่นประเด็นร้อน )
.
ข่าว: TT&T แจ้งตลาดว่าวันที่ 2 มิ.ย. 57 ยื่นฟ้อง อคิวเม้น ให้ขายหุ้น 70% ใน TTTBB ให้ ผถห ของ TT&T และ วันที่ 17 มิ.ย. 57 ร้องศาลคุ้มครองชั่วคราว ทรัพย์สินทั้งหมดของ TTTBB และ วางหุ้น 70% ใน TTTBB ที่อคิวเม้นไว้ต่อศาลจนกว่าคดีจะถึงที่สุด
ความเดิม: TT&T ได้ทำ MOU กับอคิวเม้นว่าให้ อคิวเม้น ถือหุ้นชั่วคราวใน TTTBB ซึ่งจะนำ TTTBB จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ให้ได้ภายใน 3 ปี (12 ก.ย. 52) หากทำไม่สำเร็จใน 3ปี อคิวเม้นจะดำเนินการขายหุ้นเพิ่มทุน และ/หรือหุ้นที่อคิวเม้นถืออยู่ของ TTTBB ให้กับผู้ถือหุ้นของ TT&T
มุมมองของ JAS: มองว่า MOU ได้หมดอายุไปแล้วเมื่อครบกำหนด 3 ปี จึงไม่น่ามีผลต่อบริษัท
มุมมอง TT&T: มองว่า MOU หมดอายุแล้วจริง แต่ตามสัญญา อคิวเม้น ต้องขายหุ้นเพิ่มทุนของ TTTBB ให้ ผถห ของ TT&T
ปัจจุบัน JAS ถือหุ้นในอคิวเม้น 100% และ อคิวเม้นถือหุ้นใน TTBB อยู่ 99.2% ทำให้ JAS ถือหุ้นใน TTTBB อยู่ 99% ผ่าน อคิวเม้น
Scenario
1. หากศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราว = เชื่อว่าเป็นประเด็นลบต่อ JAS แน่นอน เพราะกองทุนจะออกไม่ได้จนกว่าศาลจะตัดสิน
1.1 หากคุ้มครองและ JAS ไม่สามารถรับรู้รายได้ที่เกิดจากการทำธุรกิจ Broadband ได้เลย ซึ่งรายได้ของ JAS กว่า 80% มาจากธุรกิจนี้ กรณีนี้เชื่อว่าจะกระทบ JAS อย่างมาก ถึงมากที่สุด ขณะที่คู่แข่งอย่าง TRUE จะได้ประโยชน์ หากเป็นกรณีนี้ไม่ควรซื้อในทุกระดับราคา
1.2 หากคุ้มครองและ JAS รับรู้รายได้ที่เกิดจากการทำธุรกิจ Broadband ได้เพียง 30% ในส่วนที่ไม่เป็นกรณีพิพาท ทำให้กำไรปี 58 จากที่คาด 4,155 ลบ. จะเหลือ 1,247 ลบ. = EPS 0.18 บาท = ในกรณีนี้ราคาที่ควรกลับเข้าซื้อ คือ 1.8 บาท
1.3 หากคุ้มครองชั่วคราวแต่ดำเนินธุรกิจต่อได้ แต่ห้ามจำหน่ายหรือลงมติอื่นที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ของ TTTBB ผลกระทบคือ JAS จะออก IFF ไม่ได้ไปจนกว่าผลพิพากษาจะถึงที่สุด ไม่กระทบพื้นฐาน แต่จะกระทบจิตวิทยาในช่วงสั้น แต่ระยะยาวหากศาลเห็นว่า อคิวเม้นต้องขายหุ้นออก 70% จะทำให้ JAS ถือราว 29-30% ผลประกอบการก็จะได้รับผลกระทบหนักเช่นกัน = กรณีนี้ราคาที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับความเสี่ยงคืนที่ระดับ PER 10 เท่า ที่ 5.90 บาท (อิง EPS ปี 58)
2. หากศาลไม่คุ้มครองชั่วคราว = JAS ยังเดินหน้าออก IFF ได้ และทุกอย่างกับมาเป็นปกติ = คาดว่าราคาหุ้นจะฟื้นตัวได้แรงเช่นกัน และราคาควรกลับไปที่ระดับ 8 บาท
ในความเห็นของเรา: เป็นประเด็นลบค่อนข้างมากต่อ JAS ประเด็นการฟ้องร้องของ TT&T อาจไม่ใช่ประเด็นใหม่ แต่รายละเอียดของการฟ้องร้องที่ TT&T ประกาศเป็นเรื่องใหม่ที่ตลาดไม่รู้มาก่อน และความไม่แน่นอนจะทำให้ราคาหุ้นอย่างดีก็ทรงตัวกรอบแคบ แต่ในกรณีเลวร้าย อาจกระทบราคาหุ้นปรับตัวลงต่อเนื่องได้ เพราะร้ายแรงที่สุดคือประกอบธุรกิจบนสินทรัพย์ของ TTTBB ไม่ได้ แต่เราเชื่อว่าจะใช้เวลาอีกนานกว่าคดีจะถึงที่สุด
ช่วงสั้นคงต้องรอคำสั่งศาลคุ้มครองชั่วคราวหรือไม่ คาดว่าจะเป็นภายในปีนี้ เพราะไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนของประเทศทำให้การพิจารณาของศาลอาจต้องใช้เวลา
นักลงทุนที่มีสถานะเมื่อมีความไม่แน่นอน แนะนำ ขาย ออกไปก่อน และไม่ซื้อคืน หรือ Short against port แต่หากไม่มีสถานะไม่แนะนำให้เข้าลงทุนเลย
JAS TTTBB
MARKET ON THE MOVE ( ข่าวเด่นประเด็นร้อน )
.
ข่าว: TT&T แจ้งตลาดว่าวันที่ 2 มิ.ย. 57 ยื่นฟ้อง อคิวเม้น ให้ขายหุ้น 70% ใน TTTBB ให้ ผถห ของ TT&T และ วันที่ 17 มิ.ย. 57 ร้องศาลคุ้มครองชั่วคราว ทรัพย์สินทั้งหมดของ TTTBB และ วางหุ้น 70% ใน TTTBB ที่อคิวเม้นไว้ต่อศาลจนกว่าคดีจะถึงที่สุด
ความเดิม: TT&T ได้ทำ MOU กับอคิวเม้นว่าให้ อคิวเม้น ถือหุ้นชั่วคราวใน TTTBB ซึ่งจะนำ TTTBB จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ให้ได้ภายใน 3 ปี (12 ก.ย. 52) หากทำไม่สำเร็จใน 3ปี อคิวเม้นจะดำเนินการขายหุ้นเพิ่มทุน และ/หรือหุ้นที่อคิวเม้นถืออยู่ของ TTTBB ให้กับผู้ถือหุ้นของ TT&T
มุมมองของ JAS: มองว่า MOU ได้หมดอายุไปแล้วเมื่อครบกำหนด 3 ปี จึงไม่น่ามีผลต่อบริษัท
มุมมอง TT&T: มองว่า MOU หมดอายุแล้วจริง แต่ตามสัญญา อคิวเม้น ต้องขายหุ้นเพิ่มทุนของ TTTBB ให้ ผถห ของ TT&T
ปัจจุบัน JAS ถือหุ้นในอคิวเม้น 100% และ อคิวเม้นถือหุ้นใน TTBB อยู่ 99.2% ทำให้ JAS ถือหุ้นใน TTTBB อยู่ 99% ผ่าน อคิวเม้น
Scenario
1. หากศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราว = เชื่อว่าเป็นประเด็นลบต่อ JAS แน่นอน เพราะกองทุนจะออกไม่ได้จนกว่าศาลจะตัดสิน
1.1 หากคุ้มครองและ JAS ไม่สามารถรับรู้รายได้ที่เกิดจากการทำธุรกิจ Broadband ได้เลย ซึ่งรายได้ของ JAS กว่า 80% มาจากธุรกิจนี้ กรณีนี้เชื่อว่าจะกระทบ JAS อย่างมาก ถึงมากที่สุด ขณะที่คู่แข่งอย่าง TRUE จะได้ประโยชน์ หากเป็นกรณีนี้ไม่ควรซื้อในทุกระดับราคา
1.2 หากคุ้มครองและ JAS รับรู้รายได้ที่เกิดจากการทำธุรกิจ Broadband ได้เพียง 30% ในส่วนที่ไม่เป็นกรณีพิพาท ทำให้กำไรปี 58 จากที่คาด 4,155 ลบ. จะเหลือ 1,247 ลบ. = EPS 0.18 บาท = ในกรณีนี้ราคาที่ควรกลับเข้าซื้อ คือ 1.8 บาท
1.3 หากคุ้มครองชั่วคราวแต่ดำเนินธุรกิจต่อได้ แต่ห้ามจำหน่ายหรือลงมติอื่นที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ของ TTTBB ผลกระทบคือ JAS จะออก IFF ไม่ได้ไปจนกว่าผลพิพากษาจะถึงที่สุด ไม่กระทบพื้นฐาน แต่จะกระทบจิตวิทยาในช่วงสั้น แต่ระยะยาวหากศาลเห็นว่า อคิวเม้นต้องขายหุ้นออก 70% จะทำให้ JAS ถือราว 29-30% ผลประกอบการก็จะได้รับผลกระทบหนักเช่นกัน = กรณีนี้ราคาที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับความเสี่ยงคืนที่ระดับ PER 10 เท่า ที่ 5.90 บาท (อิง EPS ปี 58)
2. หากศาลไม่คุ้มครองชั่วคราว = JAS ยังเดินหน้าออก IFF ได้ และทุกอย่างกับมาเป็นปกติ = คาดว่าราคาหุ้นจะฟื้นตัวได้แรงเช่นกัน และราคาควรกลับไปที่ระดับ 8 บาท
ในความเห็นของเรา: เป็นประเด็นลบค่อนข้างมากต่อ JAS ประเด็นการฟ้องร้องของ TT&T อาจไม่ใช่ประเด็นใหม่ แต่รายละเอียดของการฟ้องร้องที่ TT&T ประกาศเป็นเรื่องใหม่ที่ตลาดไม่รู้มาก่อน และความไม่แน่นอนจะทำให้ราคาหุ้นอย่างดีก็ทรงตัวกรอบแคบ แต่ในกรณีเลวร้าย อาจกระทบราคาหุ้นปรับตัวลงต่อเนื่องได้ เพราะร้ายแรงที่สุดคือประกอบธุรกิจบนสินทรัพย์ของ TTTBB ไม่ได้ แต่เราเชื่อว่าจะใช้เวลาอีกนานกว่าคดีจะถึงที่สุด
ช่วงสั้นคงต้องรอคำสั่งศาลคุ้มครองชั่วคราวหรือไม่ คาดว่าจะเป็นภายในปีนี้ เพราะไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนของประเทศทำให้การพิจารณาของศาลอาจต้องใช้เวลา
นักลงทุนที่มีสถานะเมื่อมีความไม่แน่นอน แนะนำ ขาย ออกไปก่อน และไม่ซื้อคืน หรือ Short against port แต่หากไม่มีสถานะไม่แนะนำให้เข้าลงทุนเลย