10,000 ก้าว..เดินเท้าสำรวจรอยอารยธรรม " นครสาบสูญแห่งอินคา " ..มาชู ปิกชู.. สู่วิหารสุริยัน Temple of the Sun (พ่ะน่ะ)

**แท็กบลูแพลนเน็ต - บันทึกนักเดินทาง , ท่องเที่ยวต่างประเทศ
**แท็กหว้ากอ - วิศวกรรมศาสตร์ /การก่อสร้างเมือง , ดาราศาสตร์ / Solar Clock
**แท็กห้องสมุด - ประวัติศสาตร์อาณาจักรอินคา

-------------------------------------------------------------------------------------------------------




10,000 ก้าว....เดินเท้าตามรอยอารยธรรม สำรวจ มาชู ปิกชู  " นครสาบสูญแห่งอินคา "



** คำแนะนำก่อนอ่านกระทู้ **
- เนื่องจากยังไม่มีรีวิวแนวเจาะลึกมาชูปิกชูให้เห็นสักเท่าไหร่ หมูน่อยเลยขอเจาะแบบไม่ค่อยลึกเด้อจ้า อิๆๆ
- ภาพถ่ายจากสถานที่จริง เขตหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ จากเมืองคุซโค่ถึงมาชูปิกชู ประเทศเปรู
- กล้องที่ใช้ถ่ายทำ คือกล้องฮ้างโลโซของหมูน้อยมีอันเดียวทุกงาน อิๆๆ และกล้องโกโปรฮีโร่3+ บางภาพแค๊บฯจากวิดีโอที่บันทึกด้วยโกโปร ไม่เน้นถ่ายภาพสวยงามเด้อ เน้นถ่ายเอาเนื้อหาและเนื่องจากถ่ายได้แค่นี้ (คาแต่ฟังไกด์บรรยาย พ่ะน่ะ ยิ่งฟังไกด์ไม่ค่อยออกอยู่ด้วย อิๆ เหอๆๆ)
- ในกระทุ้นี้จะกล่าวเรื่องการล่มสลายของอาณาจักรอินคาเพียงคร่าวๆ ท่านที่สนใจสามารถหาอ่านเกี่ยวกับการล่มสลายของอาณาจักรอินคาอย่างละเอียดเพิ่มเติมได้ตามเว็บทั่วไป
- สำหรับท่านที่มีข้อมูลต่างๆ สามารถเสริมและเพิ่มเติมข้อมูลเพื่อประโยชน์ส่วนรวม จักเป็นพระคุณอย่างสูงหลายๆ
ขอบคุณทุกท่านหลายๆเด้อที่ติดตามชม ถ้าพร้อมแล้ว..ไปไขปริศนาอันลี้ลับของอาณาจักรอินคาด้วยกันโลดดดดด.....ซวดๆๆๆ

..................................................................................................................



มาชู ปิกชู......นครสาบสูญแห่งอินคา



การเดินทางมาที่นี่ คือมาอเมริกาใต้ ประเทศเปรู แวะที่เมืองลิม่าก่อน, แล้วต่อไปที่เมืองคุซโค่ แล้วก็เดินทางโดยรถไฟไปที่มาชูพิกชู
รถไฟจะสุดทางที่สถานีมาชู ปิกชู เมืองอะกัวร์ คาเลียนเตส, จากนั้นก็ต่อรถบัสขึ้นเขามาชู ปิกชู ( คร่าวๆจะเป็นแนวๆนี้เด้อ)


เบื้องล่างคือแนวเทือกเขาแอนดิส ทอดยาวทางตะวันตกของทวีปอเมริกาใต้ มีความยาวกว่า 7,200 กิโลเมตร
เมื่อถึงลิม่า บางคนอาจจะเที่ยวในลิม่าก่อน ส่วนหมูน่อยต่อเครื่องไปคุซโค่ทันที


เมืองคุซโค่ เป็นเมืองหลวงของจักวรรดิ์อินคาในศตวรรษที่ 15 หลังจากนั้นชาวสเปนบุกเข้ามายึดอำนาจ จักรวรรดิ์อินคาจึงล่มสลาย
คุซโค่อยู่บนเขาที่ความสูง 12000 ฟุต จากระดับน้ำทะเล หมูน่อยมีอาการ altitude sickness หายใจไม่ออก มึนหัว
ใครที่จะไปอย่าลืมเตรียมยากันเมาความสูงไปด้วย (บางคนมีอาการ บางคนไม่มีอาการ)
ตำแนะนำคือให้หยุดพักที่ลิม่า ค่อยๆปรับระดับขึ้นไป แต่หมูน่อยบินไปรวดเดียว เมาความสูงจ้อย เมาจริงๆนะ ไปถึงนอนเมาอยู่วันเต็มๆ



ระหว่างทางไปมาชู ปิกชู เราจะแวะชมศาสนสถานและพื้นที่ที่ชาวอินคาเคยอาศัยอยู่มาก่อนเด้อพี่น้อง แบบคร่าวๆเนาะ
**เมืองคุซโค่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 12,000 ฟุต ส่วนมาชูปิกชูสูง 9,000 ฟุต การเดินทางจากคุซโค่ไปมาชูปิกชู จึงเป็นแบบลดระดับความสูงเด้อจ้า คนส่วนมากคิดว่ามาชูปิกชูอยู่สูงกว่าเมืองคุซโค่ อิๆๆ



ตอนนี้มาที่ระดับความสูง 11,000 ฟุต มองลงไปจะเห็นเมือง pisac ปิแซค ทุกวันนี้มีประชาชนอาศัยอยู่ที่ลุ่มเชิงเขาทำการเกษตรกรรม
เนื่องจากอยู่ในเขตภูเขาจึงมีภูมิอากาศดี พื้นดินอุดมสมบูรณ์ และมีน้ำไหลจากภูเขาลงมาใช้ในการเกษตรกรรม ปลูกผักต่างๆได้ตลอดปี
* ที่ระดับตวามสูง 17,000 จะเริ่มมีน้ำแข็งปกคลุมยอดเขาเป็นเกรเซอร์


ระหว่างทางจะผ่านพื้นที่ที่ชาวอินคาเคยอยู่อาศัย การก่อสร้างเทอเรสเป็นขั้นบันไดมีให้เห็นตลอดเส้นทาง


ในเขตหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ Sacred Valley ที่ Pisac ก่อสร้างขึ้นเพื่อใช้ประกอบพิธีกรรมต่างๆ ราวๆศตวรรษที่ 14 ใช้หินก้อนใหญ่วางเป็นฐานรากแล้วก่อสร้างเพิ่มเติมสูงขึ้นไปด้วยหินก้อนเล็ก พื้นที่ในปิแซคแบ่งเป็นส่วนศาสนาสถานและส่วนเกษตรกรรม
อาคารบางส่วนในปิแซคใช้ในการเก็บผลิตผลทางการเกษตรของชาวอินคา
*หุบเขาศักดิ์สิทธิ์มียาวกว่า 100 กิโลเมตร ตั้งแต่คุซโค่ไปจนถึงมาชูปิกชู ( มีสถานที่สำคัญๆของชาวอินคาอยู่เป็นระยะๆ )

การสร้างเทอเรสตามแนวเขา ชาวอินคาก่อสร้างเพื่อป้องกันดินทรุดหรือภูเขาถล่มลงมา และใช้เทอเรสในการเพาะปลูกพืชต่างๆด้วย

วิธีก่อสร้างเทอเรส ขออธิบายตอนถึงมาชูปิกชู


ตามหน้าผาเขตหุบเขาศักดิ์สิทธิ์จะเป็นช่องเก็บมัมมี่อินคา แต่ละรูแต่ละช่องจะใช้เป็นที่เก็บศพของชาวอินคา

ผู้มีอันจะกินหรือบุคคลสำคัญจะมีการสร้างช่องเก็บมัมมี่เป็นพิเศษ
*การขุดพบมัมมี่อินคาพบว่าชาวอินคาบางส่วนมีปัญหาทางสุขภาพ การแบ่งชนชั้นวรรณะในสมัยนั้นมีผลต่อความเป็นอยู่
การกินอยู่ของอินคา (ทำนองคนรวยกินเนื้อกินผักครบทุกหมู่ คนจนกินไม่ครบหมู่ ขาดสารอาหารหลัก แถมทำงานหนัก สุขภาพแย่)
*หลังจากการบุกรุกของชาวสเปนได้เข้ามาขุดรื้อเอาเครื่องประดับเงินทองของมีค่าจากที่เก็บศพไปจนหมด ทำลายศาสนสถานพังหมด


ออกจากปิแซคแล้วก็มาถึงครึ่งทางที่เมือง  Ollantaytambo โอยานเททัมโบ
เป็นเมืองในสมัยอินคารุ่งเรือง ปกครองโดยจักรพรรดิ์ Pachacuti  ตั้งอยู่บนความสูง 9160 ฟุต ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองคุซโค่
เคยเป็นสนามรบสำคัญของชาวอินคาครั้งที่ต่อสู้กับสเปน แต่อินคาสู้ไม่ได้เลยถอยไปตั้งหลักที่เมืองใหม่อีกที่ คือเมืองวิลคาบัมบ้า
แต่สุดท้ายวิจักรวรรดิ์อินคาก็ล่มสลสลายลง ถูกสเปนยึดครองทั้งหมด



โอยานเททัมโบ เป็นเมืองเดียวที่ยังมีผนังกำแพงอินคาและถนนที่ปูด้วยหินแบบอินคา ยังคงต้นแบบดั้งเดิม(ออริจินัล)เหลืออยู่ให้เห็น


เมืองนี้มีศาสนสถานที่ใช้ประกอบพิธีทางศาสนาต่างๆ ปราการทางทหาร การเกษตรกรรมและการบริหารจัดการต่างๆของชาวอินคา
ด้านบนมีวิหารสุริยัน การก่อสร้างใช้หินสีชมพูจากภูเขาลูกข้างๆในบริเวณนี้ แล้วขนย้ายขึ้นไปด้านบนวิหาร แต่ก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ
เนื่องจากต้องขนหินข้ามแม่น้ำจากเขาอีกลูกไปยังเขาอีกลูก ระดับน้ำในแม่น้ำสูงมากในหน้าฝน จึง(น่าจะ)มีเวลาก่อสร้างเพียงครึ่งปี ประมาณ 6 เดือนในแต่ละปี และชาวสเปนบุกเข้ามาพอดี การก่อสร้างจึงหยุดลง
* ศาสนสถานด้านบนอยุ่ในช่วง พรี-อินคา pre-inca sites ราวๆศตวรรษที่ 8
* ไม่มีใครทราบวิธีที่แน่ชัดในการขนย้ายหินขนาดมหึมาจากภูเขาด้านข้าง ขนย้ายข้ามแม่น้ำและนำขึ้นไปสร้างวิหารบนเขาอีกลูก



หินบางส่วนที่ใช้สร้างวิหารต้านบน ชาวสเปนสั่งให้รื้อถอนอาคารวิหารต่างๆ จากข้างบนและขนหินลงมากองไว้ด้านล่าง
* เทคนิคการขนย้ายหิน การตัดหิน การก่อสร้างต่างๆ วิทยาการเหลือเชื่อสุดคำบรรยายจริงๆ โฮ้วววววววว !!!!



เมืองนี้อยู่ในเขตหุบเขาสามแห่งล้อมรอบ ด้านหลังเป็นภูเขา หน้าผามีหินรูปหน้าสลักของผู้ให้กำเนิดสรรพสิ่ง Viracocha
* ชาวอินคามีความเชื่อเรื่องการเกิดขึ้นและดับไปคล้ายทฤษฎีบิ๊กแบง มีพ่อคือผู้ให้กำเนิดคือจักรวาล มีแม่คือพระธรณีตือผืนโลกใบนี้
Viracocha คือผู้ให้กำเนิดสรรพสิ่ง จักรวาล โลก ดวงดาว ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ สายน้ำ กาลเวลา

( ขอบคุณรูปจากกูเกิ้ล )
Viracocha บูชาสักการะพระอาทิตย์และพระพาย มีมงกุฎคือพระอาทิตย์ สองมือถือสายฟ้า  หยาดน้ำตาคือสายฝน


วิหารวารี Temple of the Water ในวันเหมายัน แสงแดดจะส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาตกกระทบกับน้ำตกจากแท่นหิน
ถือเป็นการให้พรแก่ชีวิต การให้ชีวิตใหม่และการเริ่มต้น

บริเวณนี้มีน้ำตกเล็กๆหลายอัน ชาวอินคาสร้างขึ้นเพื่อเป็นศาสนสถาน น้ำตกอันนี้สร้างเป็นสามระดับลดหลั่นกันลงมา
หมายถึงจักรวาลที่แบ่งเป็นสามระดับ เบื้องบน (นกแร้ง) หมายถึง อนาคต การเริ่มต้น, เบื้องปัจจุบัน (เสือพูม่า) หมายถึง ปัจจุบัน พละกำลัง, เบื้องล่าง (งู) หมายถึง ความรู้ ความปราดเปรื่อง มีสะพานเชื่อมทั้งสามเบื้องเข้าด้วยกัน
*ชาวอินคาไม่มีความเชื่อเรื่องสวรรค์หรือนรก มีเพียงเบื้องบนและเบื้องล่างประกอบเข้าด้วยกัน แต่เมื่อชาวสเปนเข้ามายึดครองอาณาจักร ความเชื่อเรื่องนรกสวรรค์จึงเกิดขึ้นมา งูซึ่งเป็นสัญญลักษณ์ของความรู้ ความปราดเปรื่อง กลับกลายเป็นสัญญลักษณ์ของปีศาจ ความเลวร้ายในยุคที่สเปนเข้ายึดครอง


พักโรงแรมในสถานีรถไฟที่โอยานฯ ในตัวสถานีรถไฟเลย

แนวเทือกเขาที่ต่อเนื่องมาจากเทือกเขาแอนดิส อากาศที่เมืองนี้หนาวประมาณ 1-2 องศา ลมแรงเพราะอยู่ในหุบเขา

ตอนเช้าออกเดินทางต่อไปยังมาชูปิกชูด้วยรถไฟเปรูเรล ( โอยานเททัมโบอยู่ครึ่งทางระหว่างคุซโค่กับมาชูปิกชู )

ทางรถไฟเลียบเชิงเขา ขนานไปกับแม่น้ำอูรูบัมบ้า ลัดเลาะตามแนวเขา แม่น้ำนี้จะไหลไปรวมกับแม่น้ำอะเมซอนอีกที


สุดปลายทางที่สถานีมาชู ปิกชู คือเมือง Aguas Calientes แล้วก็ต่อรถบัสขนาดกลางขึ้นเขา...มาชู ปิกชู...
* ขอพักให้น้ำนิดนึงก่อนเนาะ ใครจะไปดื่มน้ำปัสสาวะ(ฮ่าๆ เอิ๊กๆ) ไปจัดการให้เรียบร้อยเด้อ แล้วเรามาขึ้นเขาด้วยกัน....สนุกดีนะ

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่