ชีวประวัติ นักบุญเดวะสาหะยัม ปิลลา (Saint Devasahayam Pillai - ദേവസഹായം പിള്ള) หรือ นักบุญมาร์ ลาซารัส ซาฮาดา (Saint Mar Lazarus Sahada)
นักบุญเดวะสาหะยัม ปิลลา ซึ่งเกิดมาในศาสนาฮินดู แต่กลับได้กลับใจมานับถือศาสนาคริสต์ในศตวรรษที่ 18 ท่านได้รับการประกาศเป็นนักบุญโดยพระสันตะปาปาฟรังซิส (Pope Francis) ในพิธีมิสซาที่มหาวิหารนักบุญเปโตร (Saint Peter's Basilica) เมื่อวันอาทิตย์ ทำให้นักบุญเดวาสาหะยัมเป็นฆราวาสชาวอินเดียคนแรกที่ได้รับการประกาศเป็นนักบุญโดยวาติกัน
“นีลาคานดาน ปิลลา (Neelakandan Pillai)” ซึ่งเป็นชื่อเดิมของท่าน ท่านเกิดในครอบครัวที่นับถือศาสนาฮินดูที่มีฐานะดีเมื่อปี ค.ศ. 1712 เมื่อครั้งยังเป็นหนุ่ม ท่านเข้ารับราชการในราชสำนักในราชอาณาจักรติรุวิตางกูร์ (Travancore) ในประเทศอินเดีย
นีลาคานดาน ปิลลา เกิดในปี ค.ศ. 1712 ที่เมืองนัตตาลัม (Nattalam) ในเขตกันยากุมารี (Kanyakumari) หรือเรียกว่า เขตกันนิยากุมริ (Kanniyakumari - கன்னியாகுமரி) ท่านกลับใจนับถือศาสนาคริสต์ในปี ค.ศ. 1745 แล้วใน 7 ปีต่อมา ท่านถูกนำเข้าไปในขบวนผูกโซ่ตรวนไว้กับควาย แล้วถูกยิงเสียชีวิตที่เมืองอารัลเวียโมซี (Aralvaimozhi) เมื่อวันที่ 14 มกราคม ค.ศ. 1752 ท่านถูกทรมานเป็นเวลา 4 ปีก่อนที่จะถูกประหารชีวิตในข้อหากบฏ
ในที่สุด เมื่อได้รับมอบหมายให้ดูแลกิจการของรัฐ นักบุญเดวะสาหะยัม ปิลลาได้รู้จักกับกัปตันยูสเตเชีย เดอ ลานนอย (Captain Eustachius De Lannoy) ผู้บัญชาการกองทัพเรือชาวดัตช์ผู้ฝึกฝนกองกำลังของกษัตริย์แห่งทราวานคอร์ (King of Travancore)
เนื่องด้วยความสัมพันธ์ของพวกเขาทำให้นักบุญเดวะสาหะยัม ปิลลาเกิดสนใจศรัทธาแบบคริสตชนของตัวกัปตันมากขึ้น เมื่อท่านรับศีลล้างบาปในปีค.ศ. 1745 นักบุญเดวะสาหะยัมได้เลือกชื่อ “ลาซารัส (Lazarus)” หรือ “เดวะสาหะยัม (Devasahayam - ദേവസഹായം)” ในภาษามาลายาลัม (Malayalam - മലയാളം) ภรรยาและสมาชิกคนอื่นๆในครอบครัวของท่านก็รับศีลล้างบาปในเวลาเดียวกัน
ไม่นานหลังจากนั้น ศัตรูของนักบุญเดวะสาหะยัมได้เป่าหูราชสำนักว่า ท่านใช้ตำแหน่งการงานของท่านเพื่อบังคับให้ผู้อื่นเปลี่ยนศาสนา จนนำไปสู่การที่ท่านถูกจำคุก
คริสตชนชาวยุโรปที่อยู่ในราชอาณาจักรติรุวิตางกูร์ ออกมาปกป้องนักบุญเดวะสาหะยัม โดยเรียกร้องให้กษัตริย์ปล่อยตัวเขา หลังจากนั้น 3 ปี กษัตริย์ก็ยอมทำตามภายใต้เงื่อนไขที่ว่า นักบุญเดวะสาหะยัมจะต้องออกไปยังดินแดนของศัตรู
แม้ว่าจะถูกทุบตีและทรมานเกือบทุกวัน แต่นักบุญเดวะสาหะยัมก็ตอบรับด้วยความเมตตาอยู่เสมอ โดยสวดภาวนาให้ผู้จับกุมเขาอย่างเปิดเผย
ตามคำบอกเล่าของพระศาสนจักร ท่านถูกเบียดเบียน เพราะปฏิบัติตามความเชื่อของตนและพลีชีพเป็นมรณสักขี ที่น่าสนใจ คือ ในสมัยนั้นไม่มีสัญญาณการเบียดเบียนทางศาสนาให้เห็นมากนัก คริสตชนคาทอลิกชาวซีเรียอาศัยอยู่ในภาคใต้ของรัฐเกรละ (Kerala) มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 2 ชาวคาทอคริสตชนคาทอลิกชาวซีเรียสืบเชื้อสายมาจากนักบุญโธมัส อัครสาวก (Saint Thomas the Apostle - തോമാശ്ലീഹാ) ซึ่งเป็นหนึ่งในอัครสาวก 12 คนของพระเยซู
หนึ่งในการทรมานมากมายที่ผู้รับใช้ของพระเจ้าต้องเผชิญ คือ การที่ท่านถูกพาตัวไปจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งโดยผูกโซ่ตรวนไว้กับควาย ความกระหายน้ำเป็นอีกวิธีหนึ่งในการทรมานที่พวกผู้เบียดเบียนศาสนาใช้ ผู้รับใช้ของพระเจ้าถูกนำไปยังหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งที่เรียกว่า “ปูลิยูร์คูริชิ (Puliyoorkurichy - புலியூர்க்குறிச்சி)” ท่านถูกวางไว้บนก้อนหิน แล้วท่านรู้สึกกระหายน้ำ ผู้เบียดเบียนก็จะไม่ให้น้ำ แต่กลับท่านนักบุญกลับได้ดื่มน้ำเสียแทน ท่านจึงสวดภาวนาต่อพระเจ้า โดยร้องไห้และทุบก้อนหินด้วยข้อศอกของท่าน น้ำก็ไหลออกมาอย่างน่าอัศจรรย์จนท่านสามารถดื่มได้
เมื่อท่านกลับมาโดนผูกโซ่ตรวนนั่งบนหลังควาย ท่านถูกพามายังที่แห่งนี้ เนื่องจากถูกทรมานหลายครั้ง จึงรู้สึกกระหายน้ำมาก จึงได้ขอน้ำจากบรรดาทหาร แต่ท่านก็ไม่สามารถดื่มน้ำเสียซึ่งที่บรรดาทหารให้ท่านได้ ท่านจึงคุกเข่าลงบนก้อนหินนี้ สวดภาวนาต่อพระเยซูเจ้า แล้วใช้ศอกตีก้อนหินนั้น ท่านก็เห็นน้ำพุอัศจรรย์ปรากฏขึ้นบนก้อนหิน และน้ำก็พุ่งออกมา ท่านก็ได้ดื่มน้ำและเดินทางต่อไป ทุกวันนี้ผู้คนได้ดื่มน้ำอัศจรรย์นี้และได้รับการรักษาจากพระเจ้า ก้อนหินนี้เรียกว่า “มุตติดิจัน ปาไร (Muttidichan Parai - முட்டிடிச்சான் பாறை)”
หินก้อนนี้ยังคงมีน้ำไหลลงมาจนถึงทุกวันนี้ และแม้กระทั่งในปัจจุบัน ผู้คนก็ยังมาเยี่ยมชมน้ำพุแห่งนี้เป็นจำนวนมาก
นักบุญเดวะสาหะยัม ปิลลาถูกพามายังที่แห่งนี้ เนื่องจากถูกทรมานหลายครั้ง จึงรู้สึกกระหายน้ำมาก จึงได้ขอน้ำจากบรรดาทหาร แต่ท่านก็ไม่สามารถดื่มน้ำเสียซึ่งที่บรรดาทหารให้ท่านได้ ท่านจึงคุกเข่าลงบนก้อนหินนี้ สวดภาวนาต่อพระเยซูเจ้า แล้วใช้ศอกตีก้อนหินนั้น ท่านก็เห็นน้ำพุอัศจรรย์ปรากฏขึ้นบนก้อนหิน และน้ำก็พุ่งออกมา ท่านก็ได้ดื่มน้ำและเดินทางต่อไป ทุกวันนี้ผู้คนได้ดื่มน้ำอัศจรรย์นี้และได้รับการรักษาจากพระเจ้า ก้อนหินนี้เรียกว่า “มุตติดิจัน ปาไร (Muttidichan Parai - முட்டிடிச்சான் பாறை)”
หินก้อนนี้ยังคงมีน้ำไหลลงมาจนถึงทุกวันนี้ และแม้กระทั่งในปัจจุบัน ผู้คนก็ยังมาเยี่ยมชมน้ำพุแห่งนี้เป็นจำนวนมาก
ร่างของนักบุญเดวะสาหะยัม ปิลลา ถูกทหารท้องถิ่นยิงเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1752 จากนั้นจึงนำไปฝังที่อาสนวิหารนักบุญเซเวียร์ คอตตาร์ (Saint Xavier's Cathedral Kottar - புனித சவேரியார் தேவாலயம்) ในพื้นที่คอตตาร์ (Kottar) ต่อมาเมื่อร่างของท่านถูกฝังไว้ใต้พระแท่น สถานที่นี้จึงกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับการแสวงบุญ
ร่างของนักบุญเดวะสาหะยัม ปิลลา ถูกทหารท้องถิ่นยิงเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1752 จากนั้นจึงนำไปฝังที่อาสนวิหารนักบุญเซเวียร์ คอตตาร์ (Saint Xavier's Cathedral Kottar - புனித சவேரியார் தேவாலயம்) ในพื้นที่คอตตาร์ (Kottar) ต่อมาเมื่อร่างของท่านถูกฝังไว้ใต้พระแท่น สถานที่นี้จึงกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับการแสวงบุญ
ในปีค.ศ. 2012 นักบุญเดวะสาหะยัม ปิลลา ได้กลายเป็นฆราวาสชาวอินเดียคนแรกที่ไม่ได้ร่วมองค์กรทางศาสนาใดๆ ที่ได้รับการประกาศเป็นบุญราศี (Blessed) 10 ปีต่อมา ท่านก็ได้รับการประกาศเป็นนักบุญ (Saint) ที่กรุงโรม วันฉลองของท่านจัดขึ้นในวันที่ 14 มกราคม ของทุกปี
นักบุญส่วนใหญ่จากประเทศอินเดียเป็นชาวยุโรป แม้แต่นักบุญชาวอินเดียก็ยังเป็นผู้ที่ได้ศีลบวช แต่นักบุญเดวะสาหะยัมไม่ใช่นักบวช การที่เขาได้รับการการประกาศเป็นนักบุญมีความหมายมากสำหรับผู้คนในท้องถิ่น
อัศจรรย์การช่วยชีวิตทารกในครรภ์ใน อายุครรภ์สัปดาห์ที่ 20 เชื่อกันว่า เป็นการทำอัศจรรย์ของนักบุญเดวะสาหะยัม ปิลลา ได้รับการรับรองจากพระสันตะปาปาฟรังซิสในปีค.ศ. 2014 ซึ่งเป็นการเปิดทางสู่การประกาศเป็นนักบุญในปีค.ศ. 2022 ก่อนหน้านี้ในปีค.ศ. 2016 พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงยกย่องอัศจรรย์ครั้ง 1 ที่นักบุญคุณแม่เทเรซาแห่งกัลกัตตา (Saint Mother Teresa of Calcutta) ทำอัศจรรย์เพื่อเปิดโอกาสให้ท่านได้เป็นนักบุญ
พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงยอมรับอัศจรรย์ที่เชื่อว่า เป็นการกระทำของนักบุญเดวะสาหะยัม ปิลลา ในปีค.ศ. 2014 เพื่อปูทางไปสู่การประกาศเป็นนักบุญในปีค.ศ. 2022 ในขณะที่ท่านนักบุญเทศน์สอน ท่านเน้นย้ำเป็นพิเศษถึงความเท่าเทียมกันของทุกคน แม้จะมีความแตกต่างทางวรรณะ สิ่งนี้ปลุกเร้าความเกลียดชังในคนที่มีวรรณะสูง และท่านก็ถูกจับกุมในปีค.ศ. 1749
นักบุญเดวะสาหะยัม ปิลลา เป็นพราหมณ์จากวรรณะนาอีร์ (Nair) ในประเทศอินเดีย ได้กลับใจไปนับถือศาสนาคริสต์ นิกายคาทอลิก โดยพระสงฆ์คณะเยสุอิตในปีค.ศ. 1745 และนักบุญเดวะสาหะยัม ปิลลาใช้ศาสนามว่า “ลาซารัส” ในการเทศนาของท่าน ท่านเน้นย้ำเป็นพิเศษถึงความเท่าเทียมกันของทุกคน แม้ว่าจะมีความแตกต่างกันในเรื่องวรรณะก็ตาม
เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความเกลียดชังในผสูงู้คนที่มีวรรณะสูง และท่านถูกจับกุมในปี ค.ศ. 1749 หลังจากที่ต้องทนทุกข์ทรมานมากขึ้นเรื่อยๆ ท่านก็ได้รับมงกุฎแห่งเเมื่อป็นมรณสักขีด้วยการถูกยิงในวันที่ 14 มกราคม ค.ศ. 1752 บุญราศีลาซารัสเป็นฆราวาสคนแรกจากประเทศอินเดียที่ได้รับการประกาศเป็นนักบุญ
เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงประกาศให้นักบุญเดวะสาหะยัม ปิลลา (ค.ศ. 1712 - 1752) จากรัฐทมิฬนาฑู (Tamil Nadu - தமிழ்நாடு) เป็นนักบุญในงานสำคัญที่เริ่มต้นด้วยการขับร้องเพลงทมิฬไฐวัลถุ (Tamil Thai Valthu - தமிழ்த்தாய் வாழ்த்து) ในวาติกัน นักบุญเดวะสาหะยัม ปิลลาเป็นฆราวาสชาวอินเดียคนแรกที่ได้รับการประกาศเป็นนักบุญ
พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงยอมรับอัศจรรย์ที่เชื่อว่า เป็นการกระทำของนักบุญเดวะสาหะยัม ปิลลา ในปีค.ศ. 2014 เพื่อปูทางไปสู่การประกาศเป็นนักบุญในปีค.ศ. 2022 ในขณะที่ท่านนักบุญเทศน์สอน ท่านเน้นย้ำเป็นพิเศษถึงความเท่าเทียมกันของทุกคน แม้จะมีความแตกต่างทางวรรณะ สิ่งนี้ปลุกเร้าความเกลียดชังในคนที่มีวรรณะสูง และท่านก็ถูกจับกุมในปีค.ศ. 1749
เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงประกาศให้นักบุญเดวะสาหะยัม ปิลลา (ค.ศ. 1712 - 1752) จากรัฐทมิฬนาฑู (Tamil Nadu - தமிழ்நாடு) เป็นนักบุญในงานสำคัญที่เริ่มต้นด้วยการขับร้องเพลงทมิฬไฐวัลถุ (Tamil Thai Valthu - தமிழ்த்தாய் வாழ்த்து) ในวาติกัน นักบุญเดวะสาหะยัม ปิลลาเป็นฆราวาสชาวอินเดียคนแรกที่ได้รับการประกาศเป็นนักบุญ
🇮🇳🇮🇳🇮🇳
⛪ புனித சவேரியார் தேவாலயம் (Saint Xavier's Cathedral Kottar - อาสนวิหารนักบุญเซเวียร์ คอตตาร์)
📍 Google Maps
https://maps.app.goo.gl/QG6oSttZKu5fX2fS9
🖥️ เว็บไซต์
https://stxavierscathedralkottar.com
👍 เพจ
https://www.facebook.com/stfrancisxavierkottar
📸 Instagram
https://www.instagram.com/st.xavier_cathedral_kottar?igsh=MWo3ZmlyMGswM2hzMw==
ภายนอก อาสนวิหารนักบุญเซเวียร์ คอตตาร์ (Saint Xavier's Cathedral Kottar - புனித சவேரியார் தேவாலயம்)
ภายใน อาสนวิหารนักบุญเซเวียร์ คอตตาร์ (Saint Xavier's Cathedral Kottar - புனித சவேரியார் தேவாலயம்)
⛪ Muttidichan Parai Church (วัดมุตติดิจัน ปาไร)
📍 Google Maps
https://maps.app.goo.gl/Ys6TWPF2XGbZ5LaT8
ภายนอก วัดมุตติดิจัน ปาไร (Muttidichan Parai Church)
ภายใน วัดมุตติดิจัน ปาไร (Muttidichan Parai Church)
ก้อนหินที่มีน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ไหลมาจนถึงปัจจุบัน ที่วัดมุตติดิจัน ปาไร (Muttidichan Parai Church)
ปล. หากมีการแปลผิดพลาดประการใด หรือข้อมูลผิดพลาด แอดมินก็ขออภัย ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
#คริสต์ #คาทอลิก #คริสต์ศรัทธา #ชีวประวัติ #นักบุญ #ประวัติศาสตร์ #นักบุญเดวะสาหะยัมปิลลา #นักบุญมาร์ลาซารัสซาฮาดา #มาร์ลาซารัสซาฮาดา #มรณสักขี #ลาซารัส #ประเทศอินเดีย #อินเดีย #อัศจรรย์ #น้ำพุ #catholic #india #SaintDevasahayamPillai #SaintMarLazarusSahada #MarLazarusSahada #martyr #lazarus #miracle #ദേവസഹായംപിള്ള
CR. : คริสต์ศรัทธา
https://www.facebook.com/share/p/1PZK1CDue8/
ชีวประวัติ นักบุญเดวะสาหะยัม ปิลลา (Saint Devasahayam Pillai - ദേവസഹായം പിള്ള)
นักบุญเดวะสาหะยัม ปิลลา ซึ่งเกิดมาในศาสนาฮินดู แต่กลับได้กลับใจมานับถือศาสนาคริสต์ในศตวรรษที่ 18 ท่านได้รับการประกาศเป็นนักบุญโดยพระสันตะปาปาฟรังซิส (Pope Francis) ในพิธีมิสซาที่มหาวิหารนักบุญเปโตร (Saint Peter's Basilica) เมื่อวันอาทิตย์ ทำให้นักบุญเดวาสาหะยัมเป็นฆราวาสชาวอินเดียคนแรกที่ได้รับการประกาศเป็นนักบุญโดยวาติกัน
“นีลาคานดาน ปิลลา (Neelakandan Pillai)” ซึ่งเป็นชื่อเดิมของท่าน ท่านเกิดในครอบครัวที่นับถือศาสนาฮินดูที่มีฐานะดีเมื่อปี ค.ศ. 1712 เมื่อครั้งยังเป็นหนุ่ม ท่านเข้ารับราชการในราชสำนักในราชอาณาจักรติรุวิตางกูร์ (Travancore) ในประเทศอินเดีย
นีลาคานดาน ปิลลา เกิดในปี ค.ศ. 1712 ที่เมืองนัตตาลัม (Nattalam) ในเขตกันยากุมารี (Kanyakumari) หรือเรียกว่า เขตกันนิยากุมริ (Kanniyakumari - கன்னியாகுமரி) ท่านกลับใจนับถือศาสนาคริสต์ในปี ค.ศ. 1745 แล้วใน 7 ปีต่อมา ท่านถูกนำเข้าไปในขบวนผูกโซ่ตรวนไว้กับควาย แล้วถูกยิงเสียชีวิตที่เมืองอารัลเวียโมซี (Aralvaimozhi) เมื่อวันที่ 14 มกราคม ค.ศ. 1752 ท่านถูกทรมานเป็นเวลา 4 ปีก่อนที่จะถูกประหารชีวิตในข้อหากบฏ
ในที่สุด เมื่อได้รับมอบหมายให้ดูแลกิจการของรัฐ นักบุญเดวะสาหะยัม ปิลลาได้รู้จักกับกัปตันยูสเตเชีย เดอ ลานนอย (Captain Eustachius De Lannoy) ผู้บัญชาการกองทัพเรือชาวดัตช์ผู้ฝึกฝนกองกำลังของกษัตริย์แห่งทราวานคอร์ (King of Travancore)
เนื่องด้วยความสัมพันธ์ของพวกเขาทำให้นักบุญเดวะสาหะยัม ปิลลาเกิดสนใจศรัทธาแบบคริสตชนของตัวกัปตันมากขึ้น เมื่อท่านรับศีลล้างบาปในปีค.ศ. 1745 นักบุญเดวะสาหะยัมได้เลือกชื่อ “ลาซารัส (Lazarus)” หรือ “เดวะสาหะยัม (Devasahayam - ദേവസഹായം)” ในภาษามาลายาลัม (Malayalam - മലയാളം) ภรรยาและสมาชิกคนอื่นๆในครอบครัวของท่านก็รับศีลล้างบาปในเวลาเดียวกัน
ไม่นานหลังจากนั้น ศัตรูของนักบุญเดวะสาหะยัมได้เป่าหูราชสำนักว่า ท่านใช้ตำแหน่งการงานของท่านเพื่อบังคับให้ผู้อื่นเปลี่ยนศาสนา จนนำไปสู่การที่ท่านถูกจำคุก
คริสตชนชาวยุโรปที่อยู่ในราชอาณาจักรติรุวิตางกูร์ ออกมาปกป้องนักบุญเดวะสาหะยัม โดยเรียกร้องให้กษัตริย์ปล่อยตัวเขา หลังจากนั้น 3 ปี กษัตริย์ก็ยอมทำตามภายใต้เงื่อนไขที่ว่า นักบุญเดวะสาหะยัมจะต้องออกไปยังดินแดนของศัตรู
แม้ว่าจะถูกทุบตีและทรมานเกือบทุกวัน แต่นักบุญเดวะสาหะยัมก็ตอบรับด้วยความเมตตาอยู่เสมอ โดยสวดภาวนาให้ผู้จับกุมเขาอย่างเปิดเผย
ตามคำบอกเล่าของพระศาสนจักร ท่านถูกเบียดเบียน เพราะปฏิบัติตามความเชื่อของตนและพลีชีพเป็นมรณสักขี ที่น่าสนใจ คือ ในสมัยนั้นไม่มีสัญญาณการเบียดเบียนทางศาสนาให้เห็นมากนัก คริสตชนคาทอลิกชาวซีเรียอาศัยอยู่ในภาคใต้ของรัฐเกรละ (Kerala) มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 2 ชาวคาทอคริสตชนคาทอลิกชาวซีเรียสืบเชื้อสายมาจากนักบุญโธมัส อัครสาวก (Saint Thomas the Apostle - തോമാശ്ലീഹാ) ซึ่งเป็นหนึ่งในอัครสาวก 12 คนของพระเยซู
หนึ่งในการทรมานมากมายที่ผู้รับใช้ของพระเจ้าต้องเผชิญ คือ การที่ท่านถูกพาตัวไปจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งโดยผูกโซ่ตรวนไว้กับควาย ความกระหายน้ำเป็นอีกวิธีหนึ่งในการทรมานที่พวกผู้เบียดเบียนศาสนาใช้ ผู้รับใช้ของพระเจ้าถูกนำไปยังหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งที่เรียกว่า “ปูลิยูร์คูริชิ (Puliyoorkurichy - புலியூர்க்குறிச்சி)” ท่านถูกวางไว้บนก้อนหิน แล้วท่านรู้สึกกระหายน้ำ ผู้เบียดเบียนก็จะไม่ให้น้ำ แต่กลับท่านนักบุญกลับได้ดื่มน้ำเสียแทน ท่านจึงสวดภาวนาต่อพระเจ้า โดยร้องไห้และทุบก้อนหินด้วยข้อศอกของท่าน น้ำก็ไหลออกมาอย่างน่าอัศจรรย์จนท่านสามารถดื่มได้
เมื่อท่านกลับมาโดนผูกโซ่ตรวนนั่งบนหลังควาย ท่านถูกพามายังที่แห่งนี้ เนื่องจากถูกทรมานหลายครั้ง จึงรู้สึกกระหายน้ำมาก จึงได้ขอน้ำจากบรรดาทหาร แต่ท่านก็ไม่สามารถดื่มน้ำเสียซึ่งที่บรรดาทหารให้ท่านได้ ท่านจึงคุกเข่าลงบนก้อนหินนี้ สวดภาวนาต่อพระเยซูเจ้า แล้วใช้ศอกตีก้อนหินนั้น ท่านก็เห็นน้ำพุอัศจรรย์ปรากฏขึ้นบนก้อนหิน และน้ำก็พุ่งออกมา ท่านก็ได้ดื่มน้ำและเดินทางต่อไป ทุกวันนี้ผู้คนได้ดื่มน้ำอัศจรรย์นี้และได้รับการรักษาจากพระเจ้า ก้อนหินนี้เรียกว่า “มุตติดิจัน ปาไร (Muttidichan Parai - முட்டிடிச்சான் பாறை)”
หินก้อนนี้ยังคงมีน้ำไหลลงมาจนถึงทุกวันนี้ และแม้กระทั่งในปัจจุบัน ผู้คนก็ยังมาเยี่ยมชมน้ำพุแห่งนี้เป็นจำนวนมาก
นักบุญเดวะสาหะยัม ปิลลาถูกพามายังที่แห่งนี้ เนื่องจากถูกทรมานหลายครั้ง จึงรู้สึกกระหายน้ำมาก จึงได้ขอน้ำจากบรรดาทหาร แต่ท่านก็ไม่สามารถดื่มน้ำเสียซึ่งที่บรรดาทหารให้ท่านได้ ท่านจึงคุกเข่าลงบนก้อนหินนี้ สวดภาวนาต่อพระเยซูเจ้า แล้วใช้ศอกตีก้อนหินนั้น ท่านก็เห็นน้ำพุอัศจรรย์ปรากฏขึ้นบนก้อนหิน และน้ำก็พุ่งออกมา ท่านก็ได้ดื่มน้ำและเดินทางต่อไป ทุกวันนี้ผู้คนได้ดื่มน้ำอัศจรรย์นี้และได้รับการรักษาจากพระเจ้า ก้อนหินนี้เรียกว่า “มุตติดิจัน ปาไร (Muttidichan Parai - முட்டிடிச்சான் பாறை)”
หินก้อนนี้ยังคงมีน้ำไหลลงมาจนถึงทุกวันนี้ และแม้กระทั่งในปัจจุบัน ผู้คนก็ยังมาเยี่ยมชมน้ำพุแห่งนี้เป็นจำนวนมาก
ร่างของนักบุญเดวะสาหะยัม ปิลลา ถูกทหารท้องถิ่นยิงเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1752 จากนั้นจึงนำไปฝังที่อาสนวิหารนักบุญเซเวียร์ คอตตาร์ (Saint Xavier's Cathedral Kottar - புனித சவேரியார் தேவாலயம்) ในพื้นที่คอตตาร์ (Kottar) ต่อมาเมื่อร่างของท่านถูกฝังไว้ใต้พระแท่น สถานที่นี้จึงกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับการแสวงบุญ
ร่างของนักบุญเดวะสาหะยัม ปิลลา ถูกทหารท้องถิ่นยิงเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1752 จากนั้นจึงนำไปฝังที่อาสนวิหารนักบุญเซเวียร์ คอตตาร์ (Saint Xavier's Cathedral Kottar - புனித சவேரியார் தேவாலயம்) ในพื้นที่คอตตาร์ (Kottar) ต่อมาเมื่อร่างของท่านถูกฝังไว้ใต้พระแท่น สถานที่นี้จึงกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับการแสวงบุญ
ในปีค.ศ. 2012 นักบุญเดวะสาหะยัม ปิลลา ได้กลายเป็นฆราวาสชาวอินเดียคนแรกที่ไม่ได้ร่วมองค์กรทางศาสนาใดๆ ที่ได้รับการประกาศเป็นบุญราศี (Blessed) 10 ปีต่อมา ท่านก็ได้รับการประกาศเป็นนักบุญ (Saint) ที่กรุงโรม วันฉลองของท่านจัดขึ้นในวันที่ 14 มกราคม ของทุกปี
นักบุญส่วนใหญ่จากประเทศอินเดียเป็นชาวยุโรป แม้แต่นักบุญชาวอินเดียก็ยังเป็นผู้ที่ได้ศีลบวช แต่นักบุญเดวะสาหะยัมไม่ใช่นักบวช การที่เขาได้รับการการประกาศเป็นนักบุญมีความหมายมากสำหรับผู้คนในท้องถิ่น
อัศจรรย์การช่วยชีวิตทารกในครรภ์ใน อายุครรภ์สัปดาห์ที่ 20 เชื่อกันว่า เป็นการทำอัศจรรย์ของนักบุญเดวะสาหะยัม ปิลลา ได้รับการรับรองจากพระสันตะปาปาฟรังซิสในปีค.ศ. 2014 ซึ่งเป็นการเปิดทางสู่การประกาศเป็นนักบุญในปีค.ศ. 2022 ก่อนหน้านี้ในปีค.ศ. 2016 พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงยกย่องอัศจรรย์ครั้ง 1 ที่นักบุญคุณแม่เทเรซาแห่งกัลกัตตา (Saint Mother Teresa of Calcutta) ทำอัศจรรย์เพื่อเปิดโอกาสให้ท่านได้เป็นนักบุญ
พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงยอมรับอัศจรรย์ที่เชื่อว่า เป็นการกระทำของนักบุญเดวะสาหะยัม ปิลลา ในปีค.ศ. 2014 เพื่อปูทางไปสู่การประกาศเป็นนักบุญในปีค.ศ. 2022 ในขณะที่ท่านนักบุญเทศน์สอน ท่านเน้นย้ำเป็นพิเศษถึงความเท่าเทียมกันของทุกคน แม้จะมีความแตกต่างทางวรรณะ สิ่งนี้ปลุกเร้าความเกลียดชังในคนที่มีวรรณะสูง และท่านก็ถูกจับกุมในปีค.ศ. 1749
นักบุญเดวะสาหะยัม ปิลลา เป็นพราหมณ์จากวรรณะนาอีร์ (Nair) ในประเทศอินเดีย ได้กลับใจไปนับถือศาสนาคริสต์ นิกายคาทอลิก โดยพระสงฆ์คณะเยสุอิตในปีค.ศ. 1745 และนักบุญเดวะสาหะยัม ปิลลาใช้ศาสนามว่า “ลาซารัส” ในการเทศนาของท่าน ท่านเน้นย้ำเป็นพิเศษถึงความเท่าเทียมกันของทุกคน แม้ว่าจะมีความแตกต่างกันในเรื่องวรรณะก็ตาม
เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความเกลียดชังในผสูงู้คนที่มีวรรณะสูง และท่านถูกจับกุมในปี ค.ศ. 1749 หลังจากที่ต้องทนทุกข์ทรมานมากขึ้นเรื่อยๆ ท่านก็ได้รับมงกุฎแห่งเเมื่อป็นมรณสักขีด้วยการถูกยิงในวันที่ 14 มกราคม ค.ศ. 1752 บุญราศีลาซารัสเป็นฆราวาสคนแรกจากประเทศอินเดียที่ได้รับการประกาศเป็นนักบุญ
เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงประกาศให้นักบุญเดวะสาหะยัม ปิลลา (ค.ศ. 1712 - 1752) จากรัฐทมิฬนาฑู (Tamil Nadu - தமிழ்நாடு) เป็นนักบุญในงานสำคัญที่เริ่มต้นด้วยการขับร้องเพลงทมิฬไฐวัลถุ (Tamil Thai Valthu - தமிழ்த்தாய் வாழ்த்து) ในวาติกัน นักบุญเดวะสาหะยัม ปิลลาเป็นฆราวาสชาวอินเดียคนแรกที่ได้รับการประกาศเป็นนักบุญ
พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงยอมรับอัศจรรย์ที่เชื่อว่า เป็นการกระทำของนักบุญเดวะสาหะยัม ปิลลา ในปีค.ศ. 2014 เพื่อปูทางไปสู่การประกาศเป็นนักบุญในปีค.ศ. 2022 ในขณะที่ท่านนักบุญเทศน์สอน ท่านเน้นย้ำเป็นพิเศษถึงความเท่าเทียมกันของทุกคน แม้จะมีความแตกต่างทางวรรณะ สิ่งนี้ปลุกเร้าความเกลียดชังในคนที่มีวรรณะสูง และท่านก็ถูกจับกุมในปีค.ศ. 1749
เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงประกาศให้นักบุญเดวะสาหะยัม ปิลลา (ค.ศ. 1712 - 1752) จากรัฐทมิฬนาฑู (Tamil Nadu - தமிழ்நாடு) เป็นนักบุญในงานสำคัญที่เริ่มต้นด้วยการขับร้องเพลงทมิฬไฐวัลถุ (Tamil Thai Valthu - தமிழ்த்தாய் வாழ்த்து) ในวาติกัน นักบุญเดวะสาหะยัม ปิลลาเป็นฆราวาสชาวอินเดียคนแรกที่ได้รับการประกาศเป็นนักบุญ
🇮🇳🇮🇳🇮🇳
⛪ புனித சவேரியார் தேவாலயம் (Saint Xavier's Cathedral Kottar - อาสนวิหารนักบุญเซเวียร์ คอตตาร์)
📍 Google Maps
https://maps.app.goo.gl/QG6oSttZKu5fX2fS9
🖥️ เว็บไซต์
https://stxavierscathedralkottar.com
👍 เพจ
https://www.facebook.com/stfrancisxavierkottar
📸 Instagram
https://www.instagram.com/st.xavier_cathedral_kottar?igsh=MWo3ZmlyMGswM2hzMw==
ภายนอก อาสนวิหารนักบุญเซเวียร์ คอตตาร์ (Saint Xavier's Cathedral Kottar - புனித சவேரியார் தேவாலயம்)
ภายใน อาสนวิหารนักบุญเซเวียร์ คอตตาร์ (Saint Xavier's Cathedral Kottar - புனித சவேரியார் தேவாலயம்)
⛪ Muttidichan Parai Church (วัดมุตติดิจัน ปาไร)
📍 Google Maps
https://maps.app.goo.gl/Ys6TWPF2XGbZ5LaT8
ภายนอก วัดมุตติดิจัน ปาไร (Muttidichan Parai Church)
ภายใน วัดมุตติดิจัน ปาไร (Muttidichan Parai Church)
ก้อนหินที่มีน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ไหลมาจนถึงปัจจุบัน ที่วัดมุตติดิจัน ปาไร (Muttidichan Parai Church)
ปล. หากมีการแปลผิดพลาดประการใด หรือข้อมูลผิดพลาด แอดมินก็ขออภัย ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
#คริสต์ #คาทอลิก #คริสต์ศรัทธา #ชีวประวัติ #นักบุญ #ประวัติศาสตร์ #นักบุญเดวะสาหะยัมปิลลา #นักบุญมาร์ลาซารัสซาฮาดา #มาร์ลาซารัสซาฮาดา #มรณสักขี #ลาซารัส #ประเทศอินเดีย #อินเดีย #อัศจรรย์ #น้ำพุ #catholic #india #SaintDevasahayamPillai #SaintMarLazarusSahada #MarLazarusSahada #martyr #lazarus #miracle #ദേവസഹായംപിള്ള
CR. : คริสต์ศรัทธา
https://www.facebook.com/share/p/1PZK1CDue8/