รังนกแท้ แต่คุณค่าแค่ไหน

รังนกแท้ แต่คุณค่าแค่ไหน

รังนกแท้ แค่ 1%
               หลังจากมีป้าย "ส่วนประกอบของรังนกสำเร็จรูปชื่อดัง ใส่รังนกแท้แค่ 1%" ถูกนำมาติดไว้บริเวณก่อนจ่ายค่าผ่านทางด่วนประมาณ 80 จุด สร้างความสนใจและข้องใจแก่ผู้สัญจรผ่านไปมา จนมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคได้ออกมาตรวจสอบและระบุว่าส่วนประกอบของรังนกนั้นมีราว 1% ตามป้าย
               ที่จริงแล้วฉลากของผลิตภัณฑ์รังนกก็ได้ระบุด้วยตัวอักษรเล็กๆ ไว้แล้วว่า ใส่รังนก 1% แต่ประเด็นมันอยู่ที่ รังนกบางยี่ห้อใส่ข้อความสะดุดตากว่าไว้บนฉลากว่า "รังนกแท้ 100%" จนทำให้ผู้บริโภคส่วนหนึ่งสับสนและเข้าใจผิด

ขอบคุณภาพจาก tomorrow night จากห้องหว้ากอ ppantip.com

             “รังนกแท้ 100%” หมายถึง ผลิตภัณฑ์นี้ใส่รังนกของจริง เป็นรังนกที่นกสร้างจริงๆ ไม่ได้ปลอมปนวุ้นเส้น หรือองค์ประกอบอื่นๆ ให้ดูเหมือนรังนก สรุปคือ ไม่ได้ใส่รังนกปลอมนั่นเอง แต่ใส่แค่ 1% นะ
              ดังนั้นเพื่อไม่ให้ผู้บริโภคสับสน อย. จะดำเนินการพิจารณาทบทวนข้อความการโฆษณาอีกครั้ง

              นั่นก็เป็นเรื่องของการโฆษณาที่ต้องพิจารณาความเหมาะสมกันต่อไป สิ่งสำคัญกว่าคือ คุณค่าของรังนกนั้นมีมากแค่ไหน ถึงแม้จะใส่เพียง 1% แต่ถ้ามันมีคุณประโยชน์กับร่างกายดังคำร่ำลือ จะใส่น้อยหรือมาก ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร

              ตามความเชื่อที่สืบต่อกันมานับพันปีของจีน ถือว่า "รังนก" เป็นสุดยอดอาหารบำรุงร่างกาย มีสรรพคุณสารพัด ทั้งป้องกันโรค บำรุงปอดและทางเดินหายใจ บรรเทาอาการภูมิแพ้ ฯลฯ เป็นของหายากและมีราคาแพง ชนชั้นสูงเท่านั้นที่จะมีโอกาสได้ลิ้มรส จนรังนกถูกขนานนามว่า ทองคำขาวแห่งท้องทะเล หรือ คาร์เวียแห่งตะวันออก

แต่ใช่ว่าภูมิปัญญาเก่าแก่จะถูกต้องเสมอไป ตำราเล่นแร่แปลธาตุของจีนในสมัยจิ๋นก็มีบันทึกว่า ปรอทและสารหนูทำให้มีชีวิตอมตะ เป็นส่วนประกอบของน้ำอมฤต ซึ่งปัจจุบันรู้กันดีว่าทั้งปรอทและสารหนูมีพิษร้ายแรงมาก ดังนั้นเราจึงไม่ควรเชื่อเพราะคนเขาบอกต่อกันมา ทำต่อกันมา  หรืออ้างตำราเก่าแก่ แต่ต้องไตร่ตรองด้วยปัญญา พิจารณาให้เห็นจริงถึงคุณโทษก่อนจะเชื่อ

                    รังนกที่นำมารับประทานนั้นเป็นน้ำลายนกนางแอ่นที่คายออกมาสร้างรังเพื่อวางไข่ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยเคยวิเคราะห์ส่วนประกอบของตัวรังนกแล้วพบว่าประกอบด้วย โปรตีน 60.9% แคลเซียม 0.58% โปแตสเซียม 0.03% น้ำ 5.11% ดังนั้นสารอาหารหลักที่ได้จากการบริโภครังนกก็คือโปรตีน

   ส่วนรังนกสำเร็จรูปที่ใส่รังนก 1% นั้น สถาบันวิจัยโภชนาการมหาวิทยาลัยมหิดลวิเคราะห์ได้องค์ประกอบดังตาราง

จะเห็นว่ารังนกสำเร็จรูป 1 ขวด มีสารอาหารน้อยกว่าไข่ไก่ 1 ฟอง มีโปรตีนเพียง 0.25 กรัม หากต้องการโปรตีนให้ได้เท่ากับไข่ไก่ต้องกินรังนกสำเร็จรูปถึง 26 ขวด หรือหากเทียบเป็นปริมาณ ถั่วลิสงเพียง 2 เมล็ด ก็มีโปรตีน 0.25 กรัม เท่ากับรังนกแล้ว ทั้งที่เป็นโปรตีนเหมือนกัน คุณภาพของโปรตีนแทบไม่ต่างกัน (คุณภาพโปรตีนพิจารณาจากสัดส่วนกรดอะมิโนที่จำเป็น) แต่ราคารังนกกลับสูงลิ่ว

                 ในแง่โภชนาการ สิ่งที่บำรุงร่างกายได้ดีที่สุดคือ อาหารที่มีสารอาหารครบ 5 หมู่ ในรังนกมีโปรตีนเป็นส่วนใหญ่ สารอาหารอื่นมีเพียงเล็กน้อย ยังห่างไกลจากการเป็นอาหารที่มีประโยชน์ และสารอาหารแทบทั้งหมดสามารถหาได้จากอาหารอื่นที่ราคาถูกกว่าด้วย

หน้าที่ 2 - สรรพคุณรังนก
               หลายคนอาจคิดว่า การเปรียบเทียบรังนกกับไข่ไก่ไม่ถูกต้องนัก เพราะการบริโภครังนกไม่ได้ต้องการสารอาหารแบบเดียวกับที่บริโภคไข่หรืออาหาร อย่างอื่น แต่บริโภครังนกในฐานะสมุนไพรชนิดหนึ่ง แม้จะให้โปรตีนนิดหน่อย ให้พลังงานไม่มาก ก็ไม่เห็นเป็นไร ที่กินเพราะหวังสรรพคุณทางยาต่างหาก

               ที่จริงแล้วความเชื่อนับพันปีเกี่ยวกับรังนก ทำให้มีผู้วิจัยมากมายพยายามทดสอบสรรพคุณ และสารออกฤทธิ์ที่คาดว่ามีอยู่ในรังนกเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ แต่จนบัดนี้ยังไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนไหนออกมายืนยันหรือแสดงให้เห็นคุณประโยชน์อย่างประจักษ์ชัดว่าบำรุงร่างกายอย่างไร หรือสารใดในรังนกที่มีสรรพคุณดังที่ร่ำลือมานับพันปี

                งานวิจัยที่ใกล้เคียงที่สุดเห็นจะเป็น ผลการศึกษาที่พบว่า ในรังนกมีสารประเภทไกลโคโปรตีนชื่อ N-acetylmuraminic acid หรือ NANA ซึ่งมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (influenza) และแบคทีเรียหลายชนิด

    ผลการค้นพบเรื่องนี้ถูกนำไปใช้โฆษณาเสริมสรรพคุณของรังนกทำนองว่า มีผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์มายืนยันถึงประโยชน์ของนังนกแล้วนะ แต่สิ่งที่หยิบยกมาโฆษณานั้นเป็นเพียงความจริงส่วนเดียวของงานวิจัยเท่านั้น

                งานวิจัยเกี่ยวกับสรรพคุณของ NANA ในรังนกนั้น ใช้วิธีนำสกัดสาร (ที่ไม่ใช่โปรตีน) ออกมา ได้เป็นสารละลายที่เช้มข้นระดับหนึ่ง ซึ่งมี NANA เป็นส่วนประกอบ จากนั้นจึงนำไปทดสอบฤทธิ์ในการต้านเชื้อโรค

                วิธีการทดสอบสรรพคุณของสารสกัดจากรังนกก็ไม่ใช่ให้คนลองกิน หรือ ฉีดใส่หนูทดลอง แต่เป็นการทดสอบกับเซลล์ที่เลี้ยงไว้ในขวดทดลอง (cell culture) คือ นำเซลล์มาเลี้ยงให้โตอยู่บนพื้นผิวด้วยอาหารเหลวสังเคราะห์ แล้วทำให้เซลล์ติดเชื้อไวรัส จากนั้นจึงเติมสารสกัดจากรังนกที่ความเข้มข้นต่างๆ ลงไป ปรากฏว่าเชื้อไวรัสถูกยับยั้งการเจริญเติบโต

ผู้วิจัยสรุปว่า "สารสกัดจากรังนกสามามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้ในหลอดทดลอง ส่วนผลในมนุษย์นั้นยังต้องศึกษาต่อไป"

"the results suggested that EBN is a safe and valid natural source for the prevention of influenza viruses in vitro, however, the detailed in vivo effect of the inhibition of the influenza viruses by EBN should be evaluated."


หรือพูดง่ายๆ ก็คือ การทดลองนี้เป็นงานขั้นพื้นฐานที่ทดสอบกับเซลล์เท่านั้น ส่วนผลจากการกินรังนกในมนุษย์นั้นยังไม่มีข้อสรุป งานวิจัยดังกล่าวเผยแพร่ในปี 2549 จนบัดนี้ผ่านมา 5 ปี แล้วยังไม่มีผลยืนยันถึงผลของสารสกัดรังนกในมนุษย์ออกมาเลย

                  การที่มีผลยับยั้งไวรัสในหลอดทดลอง (in vitro) ไม่ได้เเปลว่าจะใช้ได้ผลในมนุษย์หรือในสิ่งมีชีวิต (in vivo) สมุนไพรหลายชนิดมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อโรค หรือแม้แต่ยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ในหลอดทดลอง แต่กลับไม่มีผลเช่นเดียวกันในมนุษย์หรือสัตว์ทดลองเลย

                  ทั้งนี้เพราะสารที่เข้าไปในร่างกายจะต้องผ่านด่านภูมิคุ้มกัน ระบบย่อย ทำให้ปริมาณลดลง และยังไม่แน่ว่าจะเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่มีเชื้อโรคอยู่หรือไม่ ในการทดลองใช้สารสกัดที่เข้มข้นใส่ไปที่เซลล์และไวรัสโดยตรงจึงเห็นผลชัดเจน แต่ผลิตภัณฑ์รังนกนั้น นอกจากจะใช้ปริมาณเพียงเล็กน้อย แค่ 1 % ในขวด ผ่านกระบวนการต้มและเติมสารอื่นๆ กว่าจะผ่านระบบย่อย ดูดซึม จะเหลือไปถึงเชื้อโรค หรือเหลือไปบำรุงร่างกายมากแค่ไหน?

                  นอกจากนี้ ในการทดลองรังนกที่มาจากธรรมชาติเท่านั้นที่มีสรรพคุณยับยั้งเชื้อไวรัส รังนกที่ได้มาจากการเลี้ยงมีสรรพคุณนี้ต่ำมาก แล้วคิดว่ารังนกที่นำมาบรรจุขวดนั้นทำมาจากรังนกแบบไหน?



หน้าที่ 3 - รังนกก็มีอันตราย
                      อีกประเด็นหนึ่งที่มีงานวิจัยออกมา แต่ไม่ค่อยมีใครนำมากล่าวถึงเพราะไม่เป็นผลดีกับการค้า คือ รังนกก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้  

                      หลายคนคงคุ้นเคยกับอาการแพ้อาหารทะเล เช่น กุ้งหรือปู เพราะมีคนเป็นภูมิแพ้ลักษณะนี้ค่อนข้างมาก แต่ทราบหรือไม่ว่า มีจำนวนผู้แพ้รังนกมากกว่าแพ้อาหารทะเลเสียอีก!  มากกว่าผู้แพ้ไข่และนมถึง 3 เท่า แถมยังเป็นอาการแพ้แบบรุนแรง  (Angioedema) ซึ่งจะทำให้ร่างกายบวม หลอดและปอดบวมจนหายใจไม่ออก เป็นอันตรายถึงชีวิต เพราะฉะนั้นที่บอกว่ารังนกมีสรรพคุณรักษาโรคภูมิแพ้ได้ก็ไม่น่าจะเป็นความจริง

ที่กล่าวมาทั้งหมดไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อต่อต้านการบริโภครังนกแต่อย่างใด ไม่ได้เป้าหมายที่จะโจมตีผลิตภัณฑ์รังนกเหมือนกลุ่มที่คัดค้านธุรกิจนี้ ซึ่งได้นำเสนอข้อมูลในทำนองว่า การกินรังนกเป็นการกระทำที่โหดร้าย เป็นการพรากบ้านของนกไปจากแม่นก โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความสะเทือนใจเป็นหลัก เช่น บอกว่ารังนกสีแดงมาจากนกกระอักเลือดออกมาเพราะสร้างรังหลายครั้ง (ซึ่งไม่เป็นความจริง สีแดงของรังนกเป็นแร่ธาตุที่มาจากผนังถ้ำ) เพราะที่จริงแล้วการที่เราบริโภคสัตว์หรือสิ่งมีชีวิตใดๆ ก็เป็นการเบียดเบียนชีวิตอื่นๆ ไม่ต่างกัน

บทความนี้เพียงแต่นำเสนอข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับรังนก ทั้งส่วนที่มีผู้กล่าวอ้าง (บางส่วน) บ่อยๆ และส่วนที่จงใจไม่กล่าวถึง เพื่อให้ผู้บริโภคได้ทราบถึงคุณประโยชน์ก่อนตัดสินใจ หากทราบข้อมูลในหลากหลายแง่มุมแล้ว ยังเห็นว่ารังนกคุ้มค่าที่จะจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อบริโภคก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล ในฐานะผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อเพียงพอ

                     รังนกมีราคาแพงเพราะกว่าจะได้มานั้นยากลำบาก ซึ่งอาจขายในฐานะอาหารหรูหราเช่นเดียวกับ อาหารราคาแพงอื่นๆ เช่น คาร์เวีย (ไข่ปลา) ฟัวกรา (ตับห่าน) หรือ ลอบสเตอร์ (กุ้ง) ซึ่งผู้บริโภคก็ยินดีจ่ายด้วยราคาสูงลิ่วโดยไม่จำเป็นต้องอ้างสรรพคุณใดๆ เลย

                     หากชื่นชอบในรสชาติ ผู้คนย่อมยินดีจะซื้อหาบริโภค แต่การอ้างสรรพคุณที่ยังไม่มีการยืนยัน สร้างภาพลักษณ์ว่าเป็นยาบำรุง เป็นการสร้างความหวังและความเข้าใจผิดให้ผู้บริโภค ซึ่งก็คือการโกหกแบบสวยหรูนั่นเอง

อ้างอิง

ข่างรังนก http://www.komchadluek.net/detail/20110801/104528/1เต็มร้อยรังนกแท้ฉลากสับสนจี้ควบคุม.html
สารสกัดรังนกมีฤทธิ์ต้านเชื้อโรค http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/16581142
ภูมิแพ้ต่อรังนก http://onlinelibrary.wiley.com/doi/10.1034/j.1398-9995.1999.00925.x/full
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่