เครียดมาก ทำใจได้ถ้า "ลูกเป็นเด็กพิเศษ" แต่ทำใจไม่ได้ถ้า "เป็นออทิสติก" และต้องรับยา risperidone

ท้าวความ ...
ผมมีลูก 2 คน คนแรก ไม่มีอะไร
คนที่สองลูกชาย ตอนเล็กๆ มีอาการ "ไม่นิ่ง ซน ไม่พูด ไม่ค่อยฟังเรา"
ตอนนี้ 4 ขวบ 4 เดือน แล้ว พูดเป็นประโยคได้แต่ไม่มาก
และบางคำพูดไม่ชัด เช่น หมา ก็จะออกเป็น หงา หรือ หมา ชัดเจน  หรือ เป็ด เป็น เก็ด แต่ก็สื่อสารกับคนอิ่นได้บ้าง อยากพูดเมื่ออยากคุย

ผมหาหมอมาตั้งแต่ลูก 2เกือบ3 ขวบ ตอนแรกไปหา หมอด้านพัฒนาการ ซักระยะ
หมอบอกว่า เป็น ออฯ ให้ยา เรสเพอร์ลาโดนมาทาน แต่ผมกัดฟันไม่ให้ลูกทาน  
เพราะกลัวผลข้างเคียงมากๆ กลัวจากร่าเริงจะกลายเป็นเงียบเหงา

ผมหาที่ใหม่ คลินิคพิเศษ หมอ บอกยังตอบไม่ได้ เพราะ ออฯสมัยนี้ พัฒนาไปมาก
ส่วนยา จะกินหรือไม่ ให้ผู้ปกครองตัดสินใจเอง เพราะ อยู่ที่ตัวผู้ปกครองเองว่าาจะปรับพฤติกรรมได้แค่ไหน
ผมก็ตัดสินใจไม่ให้กิน ผมหาหมอ คู่ขนาน ทั้ง 2 ที่ และ หานักพัฒนาการพฤติกรรมที่ มหิดล ศาลายา ที่สถาบันเด็กแห่งชาติ

พอเวลาผ่านไปซํกระยะ ผมไปตามนัดของศูนย์แพทย์ หมอบอกดีขึ้น แต่หมออึ้ง เมื่อผมมาสรุปว่าผมไม่ได้ให้ทานยา ซึ่งปัจจุบันผมไม่ได้หาหมอที่นี่แล้ว
ส่วนจุฬา หมอ ก็ นัดทุก 6 เดือน ที่นัดยาวๆ เพราะต้องการดูการปรับพฤติกรรมของเรา ไปครั้งล่าสุดหมอ test ลูกผม แล้ว
ตอนนี้ พัฒนาการอยู่ที่ 3 ขวบครึ่ง หมอบอกก็ ok ไม่ช้าไป และให้ไปฝึกพูด

ส่วน นักบำบัด-พัฒนาการ มหิดล ก็ไปให้เขาดูพฤติกรรม และเขาจะสอนวิธีการเล่นกับลูก แนวทางการแก้ไข
และติดตามพัฒนาการของน้อง ครั้งละ 600/ชม ในวันเสาร์ ซึ่งหามาตลอด ผมดูภาพรวมๆ ลูกผมดีขึ้น แม้จะไม่มาก

ในงานโรงเรียน ประมาณเดือน ก.พ. 57 ลูกผม สามารถ เต้นตามจังหวะเพลง
ในการแสดงบนเวทีของโรงเรียนในงานประจำปีได้ ซึ่ีงผมคิดมาตลอดว่า ลูกทำไม่ได้หรอก
เห็นแล้ว ดีใจมาก น้ำตาคลอเลย เต้นตามจังหวะได้ดี เปลี่ยนท่าได้ไม่มีหลุด ไม่มีคนเต้นนำ


เนื้อเรื่อง ...
เมื่อวานนี้ (30 กค 57) คิวนัดไปฝึกการพูด ปรากฎว่า เจอนักฝึกพูด มีลำดับเหตุการณ์ดังนี้

นักฝึกพูดให้ลูกผมนั่ง ลูกผมไม่นั่งเพราะในห้องมีของเล่น ก็จะไปหยิบของเล่นอย่างเดียว
นักฝึกพูดจึงเอาของมาให้เล่นก่อน แต่บอกให้นั่งรอ ซึ่งลูกผมก็ไม้นั่งรอ เขาก็เอาของเล่นมาล่อ
บอกใ้ห้นั่งกอดอก ลูกผมก็ประมาณ กวนเขา ก้นั่งกอดอกแบบเท้าโต๊ะ ท่านอนบนโต๊ะ ประมาณนั้น
เขาก็ให้ของเล่น ซึ่งของเล่นก็เกี่ยวกับพัฒนาการ ทั่วไป เช่น วางวงกลม สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม ให้ถูกรู
ก็ทำได้หมด แต่เรื่องบอกสีลูกผมทำไม่ได้ บอกสิ่งเหมือนกันทำได้ นับเลขไม่ยอมทำ วางบล๊อกเลขไม่ทำ
ดูภาพบอกว่าอะไร ทำได้ (ผมเข้าใจว่า เพราะครูขัดใจ เขาเลยกวน)

ซึ่งทุกกิจกรรมลูกผมไม่นิ่ง จะปีนป่าย จะเอาของเล่นชิ้นอื่นๆ ตลอด จะฝึกก็ทำไม่ได้เลย
ครูก็ประมาณว่า หากจะฝึกได้ เ้ด็กจะต้องให้ความร่วมมือหากไม่ได้ให้ความร่วมมือก็จะฝึกไม่ได้

ดังนั้น ความเห็นของนักฝึกพูด เห็นควร ... ทานยา เพื่อให้นิ่ง
และบอกต่อว่า เป็น น้องเป็น "ออทิสติก" ถ้าปรับพฤติกรรมเป็๋นเรื่องยาก เพราะไม่นิ่ง ต้องทานยา เพื่อใ้ห้นิ่งขึ้น ให้ความร่วมมือมากขึ่น

ทางแฟนผม จึงเอา คลิป ที่ถ่ายตอนทำกิจกรรม floor time ให้ดู เขา่ก็ดู เขาก็บอกว่า floor time พอฝึกไปสักระยะจะไม่มีประโยชน์
เพราะให้เด็กไปเล่นไปปรับพฤติกรรมปลดปล่อยทางอารมรณ์ แต่ไม่ได้ช่วยให้เด็กนิ่งขึ้น
การที่จะมีฝึกพูด เด็กต้องให้ความร่วมมือ คือ นิ่ง ถ้าไม่นิ่งจะไม่มีประโยชน์เลย
แนะนำให้ทำให้นิ่งให้เร็ว เพราะหาก ...

******* "ระยะเวลายิ่งเนินนานออกไป ยิ่งเกิน 6 ขวบ โอกาสที่เขาจะพูดชัด จะไม่มีเลย "  ********

********** และหากไม่ฝึกเขาให้นิ่ง คุณพ่อคุณแม่ต้องดูแลเขาไปตลอดชีวิต (ปวดใจตรงนี้หละ) ***********

และระหว่างนั้น ลูกอยากกินนม ก็เลยเอานมกล่องให้ลูก ลูกไม่เอา
ก็เลยชง นมขวดให้ลูกมาทาน พอนักฝึกพูดเห็น ก็บอก ว่าถ้าเขายิ่งทานนมขวดอยู่ก็ยิ่งไม่ดีใหญ้
เขาจะสบายกล้ามเนื้อปากจะไมไ่ด้ออกแรง จะทำให้เขาพูดไม่ชัด ต้องให้เขาพยายามให้เคี่ยว ดื่มน้ำจากแก้ว
เพื่อให้เขาใช้กล้ามเนื้อ รับรู้ปริมาณในการกลืน การแบ่ง

เขาบอกว่า น้องเขาออทิสติกแต่ก็ดูเป็นเด็กฉลาด เรื่องทางสายตา เขาก็ดี มองดี เรียกหัน ปฏิบัติตามคำสั่งบางครั้ง
เหมือนจะไม่ใช่แต่ก็น่าจะใช่

เขาพูดบอกให้ เราไปฝึกเองโดยบอกวิธีและตารางการฝึก และตัวที่ยากที่สุด คือตัว ส. และนัด follow อีก 2 เดือน

พอนักฝึกพูดลุกออกไปทางหลังห้อง แฟนผมเดืนออกไป
ส่วนผมยังนั่งอยู่ในห้อง เครียดมากมาย ฟังแล้วมึนตึ้บๆๆๆๆ
และลูกผมก็เรียกผม "... (ชื่อผม) (ลูกผมยังไม่เรียกป๊า แต่เรียกชื่อผม) ออกมาได้แล้ว และดึงมือผมไป"
และก็นับลอยๆ ขึ้นมา  1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 แล้วก็ดึงมือผมออกไป ผมก็ลุกออกไป

พอลุกออกมา ลูกก็มาเล่นของเล่นหน้าที่รอ ระหว่างนั้น จังหวะดี เจอหมอที่ตรวจ หมอจำได้ ก็ถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง
แฟนบอกว่า เขาไม้ให้ความร่วมมือเลย หมอก็รับฟัง แต่ก็บอกให้ปรับพฤติกรรม
ผมจึงถามเรื่องยา หมอก็บอกว่า ถ้าจะรับ ก็ควรรับ ที่ 0.4 ml ในน้ำหนักตัว 18 กก (แต่หมอไม่ได้บังคับว่า ต้องทานนะครับ)
สักพักลูกผมก็มาขอนมกล่อง ในกระเป๋า

กลับมาบ้านนั่งอ่านเอกสารกำกับยา อย่างละเอียด หลังจากที่เคยอ่านมาแล้ว แต่ก็ยัง ...
ทำใจไม่ได้ ทำใจไม่ได้จริงๆ ที่จะให้ลูกทาน
ทำใจไม่ได้ ทำใจไม่ได้จริงๆ ที่จะให้ลูกทาน
ทำใจไม่ได้ ทำใจไม่ได้จริงๆ ที่จะให้ลูกทาน

เครียดจัง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่