เมื่อ "ลูกพิเศษ" (แบบไม่มากหรือเปล่า) แต่ได้ฝึก และเริ่มมาถูกทาง กับความคาดหวัง

สืบเนื่องจากกระทู้นี้เมื่อประมาณ 5-6 เดือนที่แล้ว
http://ppantip.com/topic/32396067

ปลายเดือน มี.ค. 58 น้องก็จะครบ 5 ขวบ และกำลังจะก้าวขึ้นสู่ อนุบาล 3

จากกระทู้ที่แล้ว ระยะเวลาผ่านไปเกือบ 6 เดือน จึงอยากมารายงานผลให้ทราบ

หลังจากการที่ต้องตัดสินใจว่าจะทานยาหรือไม่นั้น ผมครุ่นคิดอยู่นานมาก ว่าจะให้ลูกรับยาหรือไม่ สุดท้ายก็ตัดสินใจว่า “ไม่” เนื่องจาก คิดว่า “เรา” น่าจะพอรับมือได้ และต้องคิดเผื่อรวมถึงคนอื่นๆ ด้วย น่าจะรับได้ โดยต้องคิดให้ความแก่นของลูกเราให้น้อยกว่าที่เรารับมือได้ เพราะคนอื่นๆ คงไม่ทนเท่าพ่อแม่ และคิดอีกว่า ลูกเรายังไม่ถึงขนาดที่ต้องรับยา สิ่งที่หมอเห็น สิ่งที่คนอื่นเห็น เป็นเพียงด้านเดียว ระยะเวลาสั้นๆ

ในงานวันแม่ ผมก็ยังจำภาพติดตาได้ดี ลูกผมขึ้นแสดงงานวันแม่ 12 สิงหา ซึ่งก็มีประสบการณ์มาแล้ว 1 ครั้ง จากการแสดงครั้งที่แล้ว ครั้งนี้ไม่ร้องไห้แล้วที่ขึ้นแสดง เต้นตามจังหวะเพลงได้ แต่ก็เต้นออกจะแข็งๆ ไปหน่อย แต่ผมก็ปลื้ม เพราะเต้นได้ และก็ยังไป floor time ตามปกติ ตามที่ทางมหิดลนัด

แต่ผมไปค้นเจออีกทางเลือกหนึ่ง นั่นคือ การฝึกพัฒนาการ ซึ่งก็เหมือนดวงมันพาไป นะครับ พอดีพี่สาวผมค้นใน net แล้วไปเจอสถานที่ฝึกพัฒนาการ และแถมใกล้บ้านมากๆ  หลังจากที่กลับจาก floor time  ซึ่งก็เป็นเวลาเย็น ผมไม่รอช้าโทรเลยครับได้ คุยกับเจ้าของ ซึ่งก็ได้ความว่า เป็นการฝึกการพัฒนาการในอีกรูปแบบหนึ่ง + เชิงวิชาการนิดๆ จะแตกต่างจาก floor time ราคาประมาณ 650 ต่อ 1 ชั่วโมงครึ่ง และที่สำคัญมีการฝึกพูดด้วยโดยครูผู้ชำนาญการในอัตรา 550 บาท ต่อ ครึ่งชั่วโมง ซึ่งการที่จะดูว่าน้องต้องดำเนินการในขั้นไหนอย่างไร ต้องให้ครู test ก่อน ซึ่งข้อแตกต่างของที่นี่ไม่เหมือนที่อื่นๆ ก็คือ ไม่มีค่าแรกเข้า และผมก็ลองนัดทันทีว่าในตอนนั้นมีครูที่จะฝึก test พัฒนาการน้องไหม ซึ่งเจ้าของก็แจ้งว่า ต้องดูก่อนและจะแจ้งกลับ ซึ่งก็เหมือนกับจังหวะ ซักครู่ก็มีครูโทรกลับมาแจ้งว่ามีครู อยู่แถวไหน จะมาถึงได้ตอนไหน ผมก็บอกว่าไม่เกิน 15 นาทีผมก็ไปถึง ผมรีบไปทันที

เมื่อไปถึงก็ได้ถามรายละเอียดในเบื้องต้น เราก็แจ้งว่า ลูกเราไม่นิ่ง พูดไม่ชัด พูดรัว ไม่ค่อยมอง เมื่อถามรายละเอียดเบื้องต้นก็ได้รับการ test ผลสรุปออกมาจากครูผู้ฝึกก็บอกว่า ลูกเราไม่ถึงกับไม่นิ่ง ยังพอนิ่งได้แต่วอกแวก ส่วนการพูดต้องเน้นให้ช้า ก็พูดได้พอฟังได้ อ่านออกเขียนได้ ระดับหนึ่ง ถือว่าไม่เลวร้าย ซึ่งมีรายละเอียดที่เขาบอกมาเยอะมาก สรุป ก็คือเขาขอให้มาฝึก 3 วัน แต่เนื่องจากไม่สะดวก เลยต่อรองเหลือ 2 วัน และฝึกพูดด้วย สัปดาห์ละ 1 วัน (ก็ยังดีกว้าไม่ได้ฝึกเลย) ก็ไปฝึกเรื่อย จนมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ครู จะขอลดวันแล้ว ให้เหลือ 1 วัน เพราะน้องดีขึ้นมาก แต่อาจยังติดเรื่อง visual perception เนื่องจากมีอักษรบางตัว เขายังงง อยู่ เช่น ด ต ถ ภ ค คอคน ก็แนะนำให้เราไปลองทำการต่อตามแบบ หรือซื้อ lego ที่มีแบบมาต่อให้เขาต่อ เพื่อพัฒนา

และอ้อ การมาฝึกที่นี่ ทำให้ผมได้รับรู้อีกว่า มีคนแย่กว่าเราอีกมาก และหนักกว่าเราอีกหลายโข แต่เขาก็ยังสู้ และมีโอกาสได่แลกเปลี่ยนกับพ่อแม่ที่พาลูกมาฝึกและมานั่งรอถึงแนวทางของแต่ละท่าน ถือเป็นสังคมๆ หนึ่ง ที่มีการแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน และมี case ที่ ให้เราต้องช่วยกันคบคิดเสมอถ้าเจอลูกมีพฤติกรรมแปลกๆ จากการปรึกษากัน

ผมถือว่า พอใจมาก 5-6 เดือนที่ผ่านมาเหมือนฝัน เด็ก 4 ขวบหน่อยซึ่งต้องตอบได้หมดแล้วว่า สีอะไร แต่น้องทำไม่ได้ จากที่บอกสีไม่ได้เลย ตอนนี้ตอบไม่ผิด ลูกพูดแม้ไม่ชัดแต่ก็เข้าใจมากขึ้น นิ่งมากขึ้น รอได้ เข้าใจอะไรมากขึ้น พัฒนาการดีขึ้น ซึ่งลองเอาไปที่ทำงานดู หลายๆ คนที่เขาเคยเจอยังถามว่า ทำอย่างไรถึงเรียบร้อย สื่อสารได้เข้าใจมากขึ้น โต้ตอบได้ในบางครั้ง แม้ไม่ยาวมาก แต่ก็รู้เรื่องเข้าสังคมได้

มาต่อ ข้าม step ไป ในระยะเวลาที่ผ่านมา พาไปหลายที่หลายงาน  ผลสรุป แม้อาจรอได้มั่งไม่ได้มั่ง แต่สรุปว่า รอได้นานขึ้น เข้าใจโลกมากขึ้น เวลาถ่ายรูป มีแอคชั่น เล่นกับกล้อง ทะเล้น หุหุ และสิ่งที่ผมไม่เชื่ออีกอย่างหนึ่ง คือ พาไปงานเกี่ยวกับสัตว์ ให้อาหารสัตว์ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ ให้นมแพะ ให้อาหารช้าง ให้อาหารยีราฬ แต่ที่ทำผม งง คือ ให้น้ำแอปเปิ้ล กับนกแก้ว โดยให้นกมาเกาะแขน ซึ่งเขาอยากทำ และก็ทำได้ไม่กลัว ทั้งที่สมัยก่อนไม่ได้แน่ๆ กลัวจะกรี๊ดลั่นแล้วนกจะจิกเอา มีงานวันเด็ก งานอะไร เข้ร่วมกิจกรรมได้ ให้ความร่วมมือได้ระดับหนึ่ง ถามในครูในโรงเรียน บอกพูดมาก แต่ก็ไม่เป็นปัญหา ทุกวันนี้แม้จะพูดไม่ชัด (ผมขอให้พูดเหอะ) พอเจออะไรก็ถามนี่อะไร โน่นอะไร ทำไมต้องแบบนี้ และบางทีก็ฟ้องว่า โดนเพื่อนแกล้งที่ โรงเรียน หรือ บอกความต้องการของตนเองได้ อยากได้อะไร ของเล่น แบบไหน อะไร

และหลังจากฝึกพัฒนาการแบบนี้ไม่นาน ผมก็ยกเลิกการฝึก floor time เนื่องจาก ผมว่ามันตัน และไปเพื่อระเบิดพลังเล่นอย่างเดียว .ซึ่งผมมองว่ามันเหมาะกับเด็กที่มีกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือ เด็กที่เงียบๆ แต่กับลูกเราไม่ใช่ เพราะลูกเรา alert อยู่ตลอดเวลา ตอนนี้ก็ฝึกแบบพัฒนาการอย่างเดียว และก่อนปีใหม่ได้ไป พบครูฝึกพูดของ รพ.รัฐ ซึ่งเขาจะดูรวมๆ ทั้งด้านสมาธิและสติปัญญาพร้อมกับ ดูการพูด ก็สรุปว่า ดีขึ้นมาก พูดได้ชัดมากขึ้น ถ้าเทียบกับแต่ก่อน และนิ่งมากขึ้น  และเขาวาดรูปให้ครูดูด้วย ในสัปดาห์หน้าก็จะครบนัด follow การพูดอีกครั้ง ก็จะดูว่ามีอะไรที่ต้องแก้ไข ส่วนหมอพัฒนาการประมาณ เมษายน เนื่องจากนัดยาว 6 เดือน เพราะหมอต้องการดู พัฒนาการที่เปลี่ยนแปลงไป ว่าเป็นอย่างไร

และเหตุการณ์เมื่อเช้านี้ ทำให้ผมยิ่งปลื้มใจ ว่าอย่างน้อย ผมก็ตัดสินใจไม่ผิด หรืออาจะผิดแต่น้อยสุด
ก็คือ เจอพระ ถามจะใส่บาตรไหม ลูกก็คง งง คือไร เลยบอก หาพระไหม ก็จอดรถในซอย และลงจากรถ และหยิบเงิน 20 บาท ส่งให้เขา บอกใส่ในบาตรลูก เขาก็ใส่ และบอกนั่งยองๆ ลงมา เขาก็ดูเราแล้วก็พนมมือเหมือนเรารับพรจากพระ ซึ่งปกติ เขาจะไม่เลย ไม่แม้กระทั่งจะใส่ จะหนีหรือไม่หลังใส่แล้วก็ไม่รอ แต่วันนี้ เขาพนมมือนั่งยองๆ รับพรจนเสร็จ

ผมบอกตรง ว่า ผมพูดไม่ออก มันแน่นในใจยังไงไม่รู้ ดีใจบอกไม่ถูก เป็นความรู้สึกที่บรรยายไม่ได้เหมือนกัน

ผมอยากถ่ายถอดแต่อาจเรียบเรียงคำพูดไม่ดี ต้องขออภัย

และไม่ได้หายไปไหน ขอบคุณทุกท่านที่อ่านครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่