Time Still Turns the Pages (2023) - บันทึกใจสลายจากชายตัวน้อย

Time Still Turns the Pages: บันทึกใจสลายจากชายตัวน้อย


กำกับโดย Nick Cheuk

ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้มารับชมเรื่อง "Time Still Turns the Pages" หรือ "บันทึกใจสลายจากชายตัวน้อย" หนังสัญชาติฮ่องกงที่ได้รับคำวิจารณ์ดีเยี่ยม

หลังดูจบต้องบอกว่า นี่เป็นหนังฮ่องกงที่ทำได้ยอดเยี่ยมและให้อะไรกลับมามากมายจริง ๆ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
Time Still Turns The Pages | บันทึกใจสลายจากชายตัวน้อย

ความรู้สึกหลังชม

(มีการเปิดเผยเนื้อเรื่อง)

- สิ่งแรกที่เป็นความดีงามของ "Time Still Turns the Pages" คือ การถ่ายทอดชีวิตของคนเป็น "โรคซึมเศร้า" ได้อย่างสมจริงและทรงพลัง

Time Still Turns the Pages เล่าเรื่องราวของ "เจ็ง" (Chun Yip Lo) ครูมัธยมปลายที่พบจดหมายลาตายของนักเรียน ทำให้เขาพยายามเสาะหาว่า "ใครคือนักเรียนคนนั้น" เผื่อว่าเขาจะหยุดยั้งไม่ให้เด็กคนนั้นต้องพบกับจุดจบอันแสนโศกเศร้าได้

ขณะเดียวกัน ชีวิตของเจ็งก็ไม่ได้ราบรื่น เมื่อเขากำลังเดินทางมาถึงทางแยกของชีวิต เขากำลังจะหย่ากับภรรยาที่เพิ่งแต่งงาน รวมถึงเจอกับมรสุมชีวิต เพราะ พ่อของเขากำลังป่วยหนัก

ชีวิตของเจ็งถูกเล่าตัดสลับกับชีวิตของ "เด็กชาย" (Sean Wong) อันเป็นความหลังของ "เจ็ง" ที่ต้องเผชิญกับความขมขื่นจากการเลี้ยงดูของครอบครัวที่เต็มไปด้วยความกดดัน ความรุนแรง และความคาดหวังตามค่านิยมในสังคมอันสูงลิบ


- หนังฉายให้เราเห็นถึงพัฒนาการของตัวละครอย่าง "เด็กชาย" ที่ประสบกับความกดดัน ความตึงเครียดอย่างหนักหน่วง โดยเฉพาะจากครอบครัวที่เชื่อว่า "การใช้ยาแรง" เช่น การเคี่ยวเข็ญอย่างเข้มงวดรุนแรง จะทำให้ลูกชายของเขาประสบความสำเร็จได้

เด็กคนนั้นถูกสั่งให้วิ่งอย่างยาวนานซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความทุกข์ทรมาน พลังใจถูกเผาผลาญให้เหือดแห้งไปในทุกวัน 

จนกระทั่งในวันสุดท้ายที่เขาเหนื่อยล้า เด็กคนนั้นมองไปรอบข้างและพบว่า 

"แม้แต่คนในครอบครัวที่ใกล้ชิดที่สุดก็ไม่สามารถให้ร่มเงาแก่เขาได้ ชีวิตอันเดียวดายเป็นสิ่งที่น่ากลัว ทว่าเป็นเขาเองที่ต้องเดินคนเดียวอย่างเดียวดาย การอยู่บนโลกที่เต็มไปด้วยการวิ่งแข่งสร้างความทุกข์แก่เขาจนไม่สามารถรับมันได้ไหวแล้ว"
นั่นนำไปสู่ "การตัดสินใจครั้งสุดท้าย" อันเป็นโศกนาฏกรรมสะเทือนใจ


- Time Still Turns the Pages จึงทำให้ผู้ชมเห็นว่า "โรคซึมเศร้า" ไม่ใช่แค่ "อาการหมดใจ" หรือ "โรคของคนอ่อนแอที่ไม่พยายาม" ท่ามกลางบรรยากาศในสังคมที่กดดันให้ทุกคนต้องวิ่งเพื่อความสำเร็จในชีวิต 

แต่เป็นสิ่งที่ทำให้สังคมควรตระหนักว่า 

"แท้จริงแล้ว ลิมิตของคนเราไม่เท่ากัน" 
การผ่อนสั้นผ่อนยาวเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะชีวิตไม่ใช่การวิ่งระยะสั้น แต่เป็นการวิ่งมาราธอนที่ต้องอาศัยความอดทนและมีพลังใจที่เพียงพอ

นอกจากนี้ อีกสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เราผ่านพ้นวิกฤติไปได้ คือ "การเข้าใจในตนเองและมีคนรับฟังอยู่เคียงข้าง" 

การรู้จักตัวเองช่วยให้เรารู้ลิมิตที่เรารับไหว ขณะที่การมีคนที่เป็นพื้นที่ให้เราได้ระบายความในใจสนับสนุนเราในวันที่ยากลำบาก ก็เป็นเหมือนการเติมพลังหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณให้เราสู้กับปัญหาต่อไป

อย่างน้อยที่สุด นั่นก็ทำให้เรารับรู้ว่า "แม้ฟ้าหลังฝนจะยังไม่มาถึง แต่เราไม่ได้เดินอย่างเดียวดาย เรามีคนรอบข้างที่พร้อมจะเดินเคียงข้างไปกับเราเสมอ"


- จุดถัดมา "บทที่ยอดเยี่ยมและคมคาย"

ได้ยินมาว่า Time Still Turns the Pages ได้รับแรงบันดาลใจจากประสบการณ์ส่วนตัวของผู้กำกับ สิ่งนี้ทำให้หนังสำรวจความคิดและพฤติกรรมของอาการซึมเศร้าได้อย่างเฉียบคมสมจริง แถมมีบทและประเด็นในเรื่องที่เยี่ยม

การดำเนินเรื่องด้วยวิธีสลับเล่าสองเส้นเรื่องทำได้ชัดเจนไม่สับสนวุ่นวาย ขณะที่องค์ประกอบความอ้างว้างถูกถ่ายทอดได้อย่างยอดเยี่ยมงดงามผ่าน Space และการลำดับภาพในเรื่อง เช่น มุมกล้องและที่ว่างในภาพ เสียงเปียโนนิ่ง ๆ พร้อมกับบรรยากาศความเก่า / คับแคบของพื้นที่


- หนังเรื่องนี้เปรียบเสมือน "ไดอารี่บอกเล่าความเหนื่อยล้าของหนุ่มสาวในฮ่องกง" 

Time Still Turns the Pages เปรียบเสมือนความเรียงหรือบทกวีที่เล่าความยากลำบากของชาวฮ่องกงในยุคสมัยใหม่ ซึ่งแสดงมุมไม่น่ารับชมของฮ่องกง ทั้งยังฉายภาพปัญหาใหญ่ที่กำลังสะสมรอรับการแก้ไขก่อนที่จะระเบิดแหลกสลายไปมากกว่านี้

หลังจากดูจบก็นึกถึงเรื่อง A Sun (2019) หนังที่กล่าวถึงปัญหาสังคมในไต้หวัน ซึ่งมีภาพบางภาพซ้อนทับกับฮ่องกงเช่นกัน โดยเฉพาะความเจ็บปวดของหนุ่มสาวนยุคสมัยใหม่

ขณะที่อีกมุมหนึ่งนึกถึงเรื่อง Tokyo Sonata (2008) หนังญี่ปุ่นที่บรรยายความเจ็บปวดของหัวหน้าครอบครัวในวิกฤติวัยกลางคนและจบเรื่องราวลงดั่งโศกนาฏกรรมของครอบครัวที่แหลกสลายไม่เหลือชิ้นดี


- นักแสดงทุกคนแสดงได้ดีเยี่ยม

- ชอบชื่อภาษาไทยของหนังเรื่องนี้อย่าง "บันทึกใจสลายจากชายตัวน้อย" รู้สึกว่าคำนี้สื่อถึงแก่นประเด็นของหนังได้สวยมาก

- ไม่แนะนำให้ผู้เป็นซึมเศร้ารับชม เพราะอาจทำให้ดิ่งได้ // หนังเป็นสไตล์นอกกระแส Slow-burn อาจไม่เหมาะกับผู้ชมที่ต้องการความฉับไว

สรุป

ยกให้เป็นหนังที่เกี่ยวกับ "โรคซึมเศร้า" ที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งเท่าที่เคยดูมา คมทั้งบท ประเด็น และองค์ประกอบโดยรวมของภาพยนตร์

น่าเสียดายที่หนังเรื่องนี้ไม่ได้ฉายในโรงใหญ่ ทำให้หลายท่านอาจไม่มีโอกาสได้รับชม ต้องรอลุ้นอีกทีว่าจะมีสตรีมมิ่งเจ้าไหนนำเข้ามาให้ได้รับชมบ้าง

ใครสนใจแนะนำเลย เป็นหนังที่ดี แถมให้อะไรกับคนดูมากมาย ดูได้ที่ House Samyan!

____________________________________

ป.ล. อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากพูดคุยติดต่อ

   
Lemon8: BENJI Review
IG: benjireview
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่