A Sun: ชีวิตกร้านตะวัน
" หนังที่เล่าปัญหาคนชายขอบในไต้หวันอย่างหนักหน่วง พร้อมทำให้เราเสียน้ำตาได้ง่าย ๆ "
กำกับโดย - Chung Mong-hong
หลังจากดู
Blue Gate Crossing (2002) บน
Netflix ไปเมื่อเช้า เห็นหนังไต้หวันเรื่อง
A Sun (2019) โผล่มาต่อ ก็เลยต้องกดดู ดูจบนี่แบบโอ้โห... อะไรจะทำได้ดีขนาดนี้ แต่ก็ดาร์กกับจิตใจเหลือเกิน
ดีกรีหนังก็กวาดรางวัลเพียบจาก
Golden Horse Film Festival (เทศกาลหนังไต้หวัน) รวมไปถึงได้รับเลือกเป็น
Official Selection จาก
Toronto International Film Festival
เกริ่นมาขนาดนี้ ขอเข้ารีวิวเลยละกัน !
เรื่องย่อ
A Sun Trailer | SGIFF 2019
อาเหอ (Chien-Ho Wu) เด็กหนุ่มวัยคึกคะนองพลาดท่าไปทำร้ายคนอื่นจนต้องเข้าสถานพินิจ ส่งผลให้ครอบครัวต้องเผชิญกับปัญหาหลายอย่าง ซึ่งหลาย ๆ ครั้งก็ทำให้จิตใจของคนในครอบครัวต้องแหลกสลาย
ความรู้สึกหลังชม
- ตั้งแต่ดูหนังที่ใช้ภาษาจีนยุคหลัง ๆ มา นอกจากเรื่อง Us and Them (2018) ที่ประทับใจ ก็มีเรื่องนี้แหละที่เข้าขั้นยกให้เป็น The Best ในยุคหลัง ๆ
- ความประทับใจแรก ขอยกให้
"ความยอดเยี่ยมของบทภาพยนตร์" บทหนังแข็งแกร่ง ชนิดที่ดูจบ แล้วตั้งคำถามกับหนังได้ยาก เพราะเหตุผลและประเด็นทุกอย่างในเรื่อง ถูกร้อยเรียงไว้ในหนังหมดแล้ว จนไม่รู้ว่าจะหักคะแนนหนังตรงไหน แถมยังมีจุด Twist เซอร์ไพร์สคนดูอีกด้วย
- สำหรับประเด็นที่สำคัญที่สุดในเรื่องนี้ หนังพยายามจะพูดถึง
"ปัญหาของคนชายขอบในสังคมไต้หวัน" ซึ่งยอมรับว่า ไม่ค่อยจะได้เห็นไต้หวันในมุมที่ค่อนข้างดาร์กแบบนี้ ไม่ว่าจะปัญหาเด็กเกเร การใช้ความรุนแรง มาเฟีย ปัญหาเครียดจากความคาดหวังในครอบครัว และอื่น ๆ อีกมากมาย
เรียกว่า หนังแสดงภาพไต้หวันในมุมที่ต่างจากที่เราคิดไว้ พร้อมกับพยายามกระตุ้นให้เราหาทางแก้ไขถึงปัญหาที่เกิดในสังคม
พ่อ (Yi-wen Chen) และ อาเหอ (Chien-Ho Wu)
- ในแง่อารมณ์ความรู้สึก บอกเลยว่าจุก หนังทำให้เราต้องเสียน้ำตาหลายครั้งกับปัญหาที่แต่ละตัวละครกำลังเผชิญ และท้ายที่สุด หนังให้บทสรุปที่ว่า
"ไม่ว่าปัญหาจะหนักแค่ไหน ฟ้าหลังฝนยังมีแสงส่องลงมาถึงเราเสมอ"
ตราบใดที่เราอดทนและสู้กับมันอย่างกล้าหาญ... สักวันชีวิตต้องเป็นของเรา
- ชอบคำพูดหลายอย่างในเรื่องที่ให้ข้อคิดกับเรา
--
"ฉกฉวยวันเวลาและเลือกเส้นทางตัวเอง": คำพูดที่พ่อคอยพร่ำสอนอาเหอและอาห่าว (พี่ชายของอาเหอ) แม้ว่าอาห่าวจะไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองต้องการ แต่บทสรุปของหนัง ยังมีกล่าวถึงคำพูดนี้ และหวังว่าทุกคนจะสามารถเลือกเส้นทางชีวิตอย่างที่ตัวเองต้องการได้
อาห่าว (Greg Han Hsu) พี่ชายของอาเหอ
-- " สิ่งที่ยุติธรรมที่สุดในโลกคือดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์สาดแสง รุนแรงจนพวกสัตว์ทนไม่ไหว
ฉันก็หวังให้ตัวเองทำได้อย่างสัตว์เหล่านั้น ให้ตัวเองหลบใต้ร่มเงาได้
แต่ฉันทำไม่ได้ ฉันไม่มีโอ่งน้ำ ไม่มีที่ซ่อน... "
: คำพูดอันทรงพลังที่อาห่าวฝากไว้ให้กับครอบครัว ซึ่งสะท้อนความในใจของอาห่าว เมื่อเขาหาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้ ทำให้เขาต้องเผชิญกับโศกนาฏกรรม
จุดนี้เหมือนหนังพยายามบอกเราว่า
"เราไม่จำเป็นต้องแข็งแกร่งตลอดเวลาก็ได้" ในวันที่เราเหนื่อย ก็ขอให้เราพัก และเมื่อเรามีแรง เราค่อยสู้กับมันใหม่ ชีวิตคือ การวิ่งมาราธอน เราไม่อาจวิ่งเต็มสปีดตลอดเวลาได้ ต้องรู้จักแบ่งพลังงานให้ดี เพื่อให้เราวิ่งได้ตลอดทาง
A Sun (2019) - "Fairest Thing in the World" Movie Clip - HD
- ในหนังมีฉากที่ใช้สัญญะช่วยเล่าเรื่องอย่างคมคาย เช่น ฉากที่อาห่าวพูดถึงแสงอาทิตย์ (คำพูดด้านบน) และซือหม่ากวง ขุนนางจีนยุคโบราณ
สัญญะเรื่องแสงอาทิตย์ ยังมีอีกในหลายฉาก เช่น แสงอาทิตย์ที่สาดลงมาทั่วเมืองจนไม่มีที่หลบ ฉากท้ายเรื่อง ทั้งตอนที่อาเหอวิ่งบนทางด่วน หรือฉากที่พ่อแม่ของอาเหอปรับทุกข์กันบนเขา ก็มีแสงอาทิตย์สาดเข้ามา แต่เป็นแสงอาทิตย์ที่สะท้อนถึงชีวิตที่กำลังจะเริ่มใหม่
ดังนั้นขอชมเลยว่า หนังใช้ Symbol ได้สวยงามมาก ช่วยให้หนังเฉียบคมเป็นอย่างยิ่ง
พ่อและแม่ของอาเหอกำลังกอดกันในฉากสุดท้าย
- หนังมีชื่อไทยที่เพราะมาก ชื่อว่า
"ชีวิตกร้านตะวัน" ซึ่งโคตรเข้ากับนัยยะเรื่อง
- หนังแสดงความเป็นเอเชียและค่านิยมผ่านวัฒนธรรมครอบครัว ซึ่งเชื่อว่าเราอินตามได้ไม่ยาก ยิ่งถ้าเป็นลูกหลานคนไทยเชื้อสายจีน อินง่ายแน่นอน
- ดนตรีประกอบหนังได้รับการประพันธ์โดย
Lin Sheng Hsiang
-- ในหนังมีดนตรีประกอบหลายฉากที่น่าสนใจ ทั้งเพลงธีมที่เล่นในต้นเรื่องและท้ายเรื่อง หรือเสียงดนตรีกีตาร์โปร่งที่สะท้อนความดราม่าชีวิต
他坐在哪裡
-- อีกซีนที่ประทับใจไม่แพ้กัน คือ ซีนที่เพื่อนของอาเหอร้องเพลงให้กับเขาตอนได้ปล่อยตัวจากสถานพินิจ เพลงนั้นก็คือ เพลง "花心 (ฮว๋า ซิน)" หรือ "หัวใจดอกไม้ (The Flowery Heart)" ที่มีทำนองเดียวกับเพลงดอกไม้ให้คุณที่คนไทยรู้จักกัน
陽光普照】花心。菜頭還是沒有在車里抽煙
-- ใครสนใจ Soundtrack รวม ฟังได้ที่ Playlist นี้
สรุป
A Sun (2019): ยกให้เป็นหนังไต้หวันท็อปฟอร์มอีกเรื่องที่ไม่อยากให้พลาด แม้ตัวหนังมีความยาว 2 ชั่วโมง 36 นาที และต้องใช้พลังในการดูเยอะหน่อย แต่ก็เป็นหนังที่ให้อะไรกับเราเยอะ โดยเฉพาะการพูดถึงความหมายชีวิตที่ลึกซึ้ง ทั้งยังทำให้เราได้เห็นไต้หวันในอีกมุมที่มีปัญหาไม่ต่างกับที่สังคมไทยเจอ
ดังนั้นขอแนะนำครับ... ใครสนใจดูได้บน Netflix !
_________________________________
ป.ล. หนังค่อนข้างหดหู่ ไม่แนะนำให้คนที่เครียดหรือเป็นซึมเศร้าดูนะครับ
ป.ล.2 อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากพูดคุยติดต่อนะครับ
IG: benjireview
A Sun (2019) - แด่แสงอาทิตย์ที่สาดส่อง ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามเสมอ
ดีกรีหนังก็กวาดรางวัลเพียบจาก Golden Horse Film Festival (เทศกาลหนังไต้หวัน) รวมไปถึงได้รับเลือกเป็น Official Selection จาก Toronto International Film Festival
เกริ่นมาขนาดนี้ ขอเข้ารีวิวเลยละกัน !
เรื่องย่อ
ความรู้สึกหลังชม
- สำหรับประเด็นที่สำคัญที่สุดในเรื่องนี้ หนังพยายามจะพูดถึง "ปัญหาของคนชายขอบในสังคมไต้หวัน" ซึ่งยอมรับว่า ไม่ค่อยจะได้เห็นไต้หวันในมุมที่ค่อนข้างดาร์กแบบนี้ ไม่ว่าจะปัญหาเด็กเกเร การใช้ความรุนแรง มาเฟีย ปัญหาเครียดจากความคาดหวังในครอบครัว และอื่น ๆ อีกมากมาย
เรียกว่า หนังแสดงภาพไต้หวันในมุมที่ต่างจากที่เราคิดไว้ พร้อมกับพยายามกระตุ้นให้เราหาทางแก้ไขถึงปัญหาที่เกิดในสังคม
- ชอบคำพูดหลายอย่างในเรื่องที่ให้ข้อคิดกับเรา
-- "ฉกฉวยวันเวลาและเลือกเส้นทางตัวเอง": คำพูดที่พ่อคอยพร่ำสอนอาเหอและอาห่าว (พี่ชายของอาเหอ) แม้ว่าอาห่าวจะไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองต้องการ แต่บทสรุปของหนัง ยังมีกล่าวถึงคำพูดนี้ และหวังว่าทุกคนจะสามารถเลือกเส้นทางชีวิตอย่างที่ตัวเองต้องการได้
แต่ฉันทำไม่ได้ ฉันไม่มีโอ่งน้ำ ไม่มีที่ซ่อน... "
: คำพูดอันทรงพลังที่อาห่าวฝากไว้ให้กับครอบครัว ซึ่งสะท้อนความในใจของอาห่าว เมื่อเขาหาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้ ทำให้เขาต้องเผชิญกับโศกนาฏกรรม
จุดนี้เหมือนหนังพยายามบอกเราว่า "เราไม่จำเป็นต้องแข็งแกร่งตลอดเวลาก็ได้" ในวันที่เราเหนื่อย ก็ขอให้เราพัก และเมื่อเรามีแรง เราค่อยสู้กับมันใหม่ ชีวิตคือ การวิ่งมาราธอน เราไม่อาจวิ่งเต็มสปีดตลอดเวลาได้ ต้องรู้จักแบ่งพลังงานให้ดี เพื่อให้เราวิ่งได้ตลอดทาง
สัญญะเรื่องแสงอาทิตย์ ยังมีอีกในหลายฉาก เช่น แสงอาทิตย์ที่สาดลงมาทั่วเมืองจนไม่มีที่หลบ ฉากท้ายเรื่อง ทั้งตอนที่อาเหอวิ่งบนทางด่วน หรือฉากที่พ่อแม่ของอาเหอปรับทุกข์กันบนเขา ก็มีแสงอาทิตย์สาดเข้ามา แต่เป็นแสงอาทิตย์ที่สะท้อนถึงชีวิตที่กำลังจะเริ่มใหม่
ดังนั้นขอชมเลยว่า หนังใช้ Symbol ได้สวยงามมาก ช่วยให้หนังเฉียบคมเป็นอย่างยิ่ง
- หนังแสดงความเป็นเอเชียและค่านิยมผ่านวัฒนธรรมครอบครัว ซึ่งเชื่อว่าเราอินตามได้ไม่ยาก ยิ่งถ้าเป็นลูกหลานคนไทยเชื้อสายจีน อินง่ายแน่นอน
- ดนตรีประกอบหนังได้รับการประพันธ์โดย Lin Sheng Hsiang