สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ในความคิดของผม ผู้ชายเองก็ไม่ได้เริ่มจาก 100 เสมอไป และผู้หญิงก็ไม่ได้เริ่มจาก 0 เสมอไปหรอกครับ
ผู้ชาย ในตอนแรกพบเจอผู้หญิงที่ถูกใจ วางหวังไว้ว่าเป็นคนที่ใช่ พยายามเอาอกเอาใจเพื่อที่ผู้หลิงคนนั้นจะหันมามองบ้าง แต่ผู้หญิงบางคนก็เลือกที่จะหักหาญน้ำใจ ทำร้ายจิตใจต่างๆนานา รักเผื่อเลือก เก็บไว้เป็นตัวสำรอง จาก 100 มันก็ลดลงไปบ้างเป็นธรรมดาครับ (ผู้ชายรับรู้ได้ครับ เพียงแต่คำว่ารักมันสั่งให้ผู้ชายยังคงพยายามจีบต่อไป)
อย่างไรก็ตาม คนที่ผู้ชายรักและจริงใจ เป็นคนที่ใช่จริงๆ ผู้หญิงคนนั้นจะดูแล เข้าอกเข้าใจ ช่วยเหลือกัน ฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกัน ผ็หญิงเหล่านี้ นอกจากจะทำให้ความรักของผู้ชายไม่ลดลง ยังทำให้เพิ่มเกินร้อย เป็นพัน เป้นหมื่น ก็มี
คำถามที่ผมอยากถามจากใจก็คือ คุณผู้หญิงที่บอกว่ารักและทุ่มเทให้กัน ได้แสดงออกว่ารักแฟนของเขาหรือไม่ และแสดงออกอย่างไร?
ใครหลายๆคนชอบบอกว่า เพราะรักจึงโทรตามทุก 30 นาที เพราะรักจึงอยากให้ผู้ชายมาพบกันทุกวันทุกเวลาที่ตนสะดวก เพราะหวงจึงไม่อยากให้ผู้ชายไปเที่ยวกับเพื่อน เถียงโดยใช้ความรู้สึกไม่ใช้เหตุผล ผมมองว่าผู้หญิงเหล่านี้ไม่เข้าใจธรรมชาติของคู่ชีวิต เอาความรู้สึกอยู่เหนือเหตุผล มันบั่นทอนความรักให้ลดลงจริงๆครับ
ปล. ขออภัยที่ยาว และอาจไม่ถูกใจใครๆ เพราะมันคือประสบการณ์จริงของผมครับ
ผู้ชาย ในตอนแรกพบเจอผู้หญิงที่ถูกใจ วางหวังไว้ว่าเป็นคนที่ใช่ พยายามเอาอกเอาใจเพื่อที่ผู้หลิงคนนั้นจะหันมามองบ้าง แต่ผู้หญิงบางคนก็เลือกที่จะหักหาญน้ำใจ ทำร้ายจิตใจต่างๆนานา รักเผื่อเลือก เก็บไว้เป็นตัวสำรอง จาก 100 มันก็ลดลงไปบ้างเป็นธรรมดาครับ (ผู้ชายรับรู้ได้ครับ เพียงแต่คำว่ารักมันสั่งให้ผู้ชายยังคงพยายามจีบต่อไป)
อย่างไรก็ตาม คนที่ผู้ชายรักและจริงใจ เป็นคนที่ใช่จริงๆ ผู้หญิงคนนั้นจะดูแล เข้าอกเข้าใจ ช่วยเหลือกัน ฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกัน ผ็หญิงเหล่านี้ นอกจากจะทำให้ความรักของผู้ชายไม่ลดลง ยังทำให้เพิ่มเกินร้อย เป็นพัน เป้นหมื่น ก็มี
คำถามที่ผมอยากถามจากใจก็คือ คุณผู้หญิงที่บอกว่ารักและทุ่มเทให้กัน ได้แสดงออกว่ารักแฟนของเขาหรือไม่ และแสดงออกอย่างไร?
ใครหลายๆคนชอบบอกว่า เพราะรักจึงโทรตามทุก 30 นาที เพราะรักจึงอยากให้ผู้ชายมาพบกันทุกวันทุกเวลาที่ตนสะดวก เพราะหวงจึงไม่อยากให้ผู้ชายไปเที่ยวกับเพื่อน เถียงโดยใช้ความรู้สึกไม่ใช้เหตุผล ผมมองว่าผู้หญิงเหล่านี้ไม่เข้าใจธรรมชาติของคู่ชีวิต เอาความรู้สึกอยู่เหนือเหตุผล มันบั่นทอนความรักให้ลดลงจริงๆครับ
ปล. ขออภัยที่ยาว และอาจไม่ถูกใจใครๆ เพราะมันคือประสบการณ์จริงของผมครับ
สมาชิกหมายเลข 6137837 ถูกใจ, TheGoodmorning ถูกใจ, Sani-b ถูกใจ, เส้นหมี่สีดำ ถูกใจ, นางมารร้ายใส่โมโนโบ้ ถูกใจ, แสงใต้น้ำ ถูกใจ, f_ball ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 824099 หลงรัก, สมาชิกหมายเลข 1377841 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1198879 ถูกใจรวมถึงอีก 120 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
ความคิดเห็นที่ 38
สิ่งที่คุณถามมีคำตอบครับ
ตามความเป็นจริงแล้ว ความรู้สึกดังกล่าวมันเป็นสิ่งที่ธรรมชาติกำหนดมา เป็นสิ่งที่ฝังมาอยู่ในสายเลือดของสัตว์เพศผู้และสัตว์เพศเมีย แต่สิ่งที่ทำให้ "มนุษย์" สองคนอยู่กันได้ยืดยาวกว่านั้น เกิดจากมนุษย์มีความซับซ้อนทางวัฒนธรรม มีศีลธรรม, ไม่ใช่ดำเนินชีวิตเพียงใช้สัญชาติญาณเหมือนสัตว์ ที่คิดเพียงสืบพันธุ์ครับ
ในจุดเริ่มต้น...
สัตว์เพศผู้ มีเป้าหมายที่ฝังมาใน DNA ที่ชัดเจนคือต้องการสืบพันธุ์และขยายพันธุ์ให้ได้มากที่สุด, เพศผู้สามารถผลิตสเปิร์มได้เกือบชั่วอายุขัย โดยการสืบพันธุ์ของเพศผู้คือการปล่อยสเปิร์ม ที่ผลิตได้ง่ายและเร็ว ไปปฏิสนธิในตัวเพศเมีย จากนั้นไม่ต้องรับภาระการตั้งครรภ์อันใด แต่หน้าที่สำคัญก่อนและหลังการผสมพันธุ์ คือป้องกันตัวผู้ตัวอื่นมาเข้าใกล้ (ในสัตว์บางชนิด ตัวผู้จะแอบเข้าไปตัดหน้าเพื่อการผสมพันธุ์ - เหตุผลทางธรรมชาติไม่ต้องลำบากหาเลี้ยงตัวเมีย, มีตัวผู้ตัวอื่นที่โดนสวมเขา เลี้ยงทายาทของมันให้)
สรุป สำหรับเพศผู้ 1.ขยายพันธุ์ให้ได้มากที่สุด 2.ทำทุกอย่างทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ผสมพันธุ์กับเพศเมียให้ได้ 3.ภาระหลังจากผสมพันธุ์คือไม่ต้องตั้งท้อง หรือแบกรับหน้าที่ในการเลี้ยงดูทางกายภาพแก่ทารกใด ๆ
ทีนี้มาดูทางเพศเมียบ้าง
ในสัตว์เพศเมีย ภาระที่สำคัญในกระบวนการสืบพันธุ์คือ ตั้งท้อง
การตั้งท้องเป็นสิ่งที่ใช้แรงกายเป็นอย่างมาก ช่วงที่สมบูรณ์ที่สุดของการตั้งครรภ์มีเพียงไม่นาน ในสัตว์บางชนิดมีช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่ถึง 30% ของอายุขัยด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ เพศเมียไม่อาจผสมพันธุ์แบบฉาบฉวยได้ (เพราะต้องแบกรับภาระตั้งครรภ์) รวมไปถึงความอ่อนแอในช่วงภาวะการตั้งครรภ์และการเลี้ยงดูหลังจากนั้น จำเป็นต้องมีตัวผู้ในการปกป้องอันตราย และหาทรัพยากรต่าง ๆ ในการเลี้ยงลูกที่เกิดมา
ดังนั้น สิ่งที่เพศเมียต้องทำคือ "คัดเลือก" ตัวผู้ที่ดีที่สุด ที่มีคุณภาพ สามารถปกป้องทายาทที่เกิดมาให้มีสุขภาพสมบูรณ์ และอายุยืน
สรุป สำหรับเพศเมีย 1. การสืบพันธุ์จะแบกรับภาระมาก 2. ต้องคัดเลือกตัวผู้ที่ดีที่สุด ในการร่วมปกป้องทายาท+เลี้ยงดูให้อยู่ได้ยืนยาวจนถึงวัยสืบพันธุ์ต่อไป
จากข้างบน จะเห็นได้ว่าสัตว์เกือบทุกชนิดในโลก มีกระบวนการคัดเลือกทางธรรมชาติไม่ต่างกัน
ซึ่งสิ่งนี้ก็มีอยู่ในตัวมนุษย์เช่นกัน ดังนั้นสิ่งที่คุณเล่ามามันมีเหตุผล
ผู้ชายจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ความรัก ทุ่มเททุกอย่างเพื่อนพิชิตใจผู้หญิง
ในขณะผู้หญิงจะคัดเลือกผู้ชายที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง เพื่ออนาคตต่อไปหลังจากนั้น
ทั้งนี้ สิ่งที่แตกต่าง ที่ทำให้ผู้ชาย(ดีๆ) ไม่ลดจาก 100 ไปจนเป็น 0
และสิ่งที่ทำให้ผู้หญิง (ดีๆ) ไม่เริ่มต้นที่ 100 กับผุ้ชายที่ไหนก็ได้
นั่นคือ สติปัญญาและศีลธรรม ครับ สองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์มีจิตใจสูง และแตกต่างจากสัตว์
และสองสิ่งนี้เป็นองค์ประกอบของ "ความรัก" ในมนุษย์ ครับ
ดังนั้นคำตอบของคำถามคุณ ผมขอตอบว่า "มันเป็นสัญชาติญาณดั้งเดิมของมนุษย์ และมันสามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้ ด้วยการมีสติปัญญา และศีลธรรมครับ มนุษย์จึงครองรักกันได้ยั่งยืนยาวนาน"
ตามความเป็นจริงแล้ว ความรู้สึกดังกล่าวมันเป็นสิ่งที่ธรรมชาติกำหนดมา เป็นสิ่งที่ฝังมาอยู่ในสายเลือดของสัตว์เพศผู้และสัตว์เพศเมีย แต่สิ่งที่ทำให้ "มนุษย์" สองคนอยู่กันได้ยืดยาวกว่านั้น เกิดจากมนุษย์มีความซับซ้อนทางวัฒนธรรม มีศีลธรรม, ไม่ใช่ดำเนินชีวิตเพียงใช้สัญชาติญาณเหมือนสัตว์ ที่คิดเพียงสืบพันธุ์ครับ
ในจุดเริ่มต้น...
สัตว์เพศผู้ มีเป้าหมายที่ฝังมาใน DNA ที่ชัดเจนคือต้องการสืบพันธุ์และขยายพันธุ์ให้ได้มากที่สุด, เพศผู้สามารถผลิตสเปิร์มได้เกือบชั่วอายุขัย โดยการสืบพันธุ์ของเพศผู้คือการปล่อยสเปิร์ม ที่ผลิตได้ง่ายและเร็ว ไปปฏิสนธิในตัวเพศเมีย จากนั้นไม่ต้องรับภาระการตั้งครรภ์อันใด แต่หน้าที่สำคัญก่อนและหลังการผสมพันธุ์ คือป้องกันตัวผู้ตัวอื่นมาเข้าใกล้ (ในสัตว์บางชนิด ตัวผู้จะแอบเข้าไปตัดหน้าเพื่อการผสมพันธุ์ - เหตุผลทางธรรมชาติไม่ต้องลำบากหาเลี้ยงตัวเมีย, มีตัวผู้ตัวอื่นที่โดนสวมเขา เลี้ยงทายาทของมันให้)
สรุป สำหรับเพศผู้ 1.ขยายพันธุ์ให้ได้มากที่สุด 2.ทำทุกอย่างทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ผสมพันธุ์กับเพศเมียให้ได้ 3.ภาระหลังจากผสมพันธุ์คือไม่ต้องตั้งท้อง หรือแบกรับหน้าที่ในการเลี้ยงดูทางกายภาพแก่ทารกใด ๆ
ทีนี้มาดูทางเพศเมียบ้าง
ในสัตว์เพศเมีย ภาระที่สำคัญในกระบวนการสืบพันธุ์คือ ตั้งท้อง
การตั้งท้องเป็นสิ่งที่ใช้แรงกายเป็นอย่างมาก ช่วงที่สมบูรณ์ที่สุดของการตั้งครรภ์มีเพียงไม่นาน ในสัตว์บางชนิดมีช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่ถึง 30% ของอายุขัยด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ เพศเมียไม่อาจผสมพันธุ์แบบฉาบฉวยได้ (เพราะต้องแบกรับภาระตั้งครรภ์) รวมไปถึงความอ่อนแอในช่วงภาวะการตั้งครรภ์และการเลี้ยงดูหลังจากนั้น จำเป็นต้องมีตัวผู้ในการปกป้องอันตราย และหาทรัพยากรต่าง ๆ ในการเลี้ยงลูกที่เกิดมา
ดังนั้น สิ่งที่เพศเมียต้องทำคือ "คัดเลือก" ตัวผู้ที่ดีที่สุด ที่มีคุณภาพ สามารถปกป้องทายาทที่เกิดมาให้มีสุขภาพสมบูรณ์ และอายุยืน
สรุป สำหรับเพศเมีย 1. การสืบพันธุ์จะแบกรับภาระมาก 2. ต้องคัดเลือกตัวผู้ที่ดีที่สุด ในการร่วมปกป้องทายาท+เลี้ยงดูให้อยู่ได้ยืนยาวจนถึงวัยสืบพันธุ์ต่อไป
จากข้างบน จะเห็นได้ว่าสัตว์เกือบทุกชนิดในโลก มีกระบวนการคัดเลือกทางธรรมชาติไม่ต่างกัน
ซึ่งสิ่งนี้ก็มีอยู่ในตัวมนุษย์เช่นกัน ดังนั้นสิ่งที่คุณเล่ามามันมีเหตุผล
ผู้ชายจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ความรัก ทุ่มเททุกอย่างเพื่อนพิชิตใจผู้หญิง
ในขณะผู้หญิงจะคัดเลือกผู้ชายที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง เพื่ออนาคตต่อไปหลังจากนั้น
ทั้งนี้ สิ่งที่แตกต่าง ที่ทำให้ผู้ชาย(ดีๆ) ไม่ลดจาก 100 ไปจนเป็น 0
และสิ่งที่ทำให้ผู้หญิง (ดีๆ) ไม่เริ่มต้นที่ 100 กับผุ้ชายที่ไหนก็ได้
นั่นคือ สติปัญญาและศีลธรรม ครับ สองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์มีจิตใจสูง และแตกต่างจากสัตว์
และสองสิ่งนี้เป็นองค์ประกอบของ "ความรัก" ในมนุษย์ ครับ
ดังนั้นคำตอบของคำถามคุณ ผมขอตอบว่า "มันเป็นสัญชาติญาณดั้งเดิมของมนุษย์ และมันสามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้ ด้วยการมีสติปัญญา และศีลธรรมครับ มนุษย์จึงครองรักกันได้ยั่งยืนยาวนาน"
Pang_LoveLove ถูกใจ, KEMAC ถูกใจ, #Miniconcert ถูกใจ, ศตายุพบู ถูกใจ, querido ถูกใจ, TheGoodmorning ถูกใจ, PANNANAs17 ถูกใจ, Sani-b ถูกใจ, ผมชื่ออะไร ถูกใจ, เจ็บปากเพราะแปรงฟัน ถูกใจรวมถึงอีก 30 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
ความคิดเห็นที่ 15
ส่วนตัวเราเห็นด้วยกับทฤษฎีนี้นะคะ
ผู้ชายจะเริ่มชอบ และจีบสาว จากความประทับใจเริ่มแรก ซึ่งก็เปรียบเหมือน 100
แต่พอรู้จักเพิ่มขึ้น ความน่าตื่นเต้น น่าค้นหาลดลง รวมทั้งผู้หญิงก็อาจจะไม่ได้เป็นเหมือนที่ผู้ชายฝันไว้ ก็เลยลดลงเรื่อยๆจนเหลือศูนย์
แต่ผู้หญิง จะเริ่มสนใจ และชอบผู้ชายจากสิ่งเล็กๆน้อยๆที่ได้รับ และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามความรู้จัก สนิทสนม
ผู้หญิงที่ประทับใจผู้ชายแบบรักแรกพบก็มีค่ะ แต่ส่วนใหญ่ก็คือปลื้ม เหมือนปลื้มดารา มากกว่าค่ะ
ผู้ชายจะเริ่มชอบ และจีบสาว จากความประทับใจเริ่มแรก ซึ่งก็เปรียบเหมือน 100
แต่พอรู้จักเพิ่มขึ้น ความน่าตื่นเต้น น่าค้นหาลดลง รวมทั้งผู้หญิงก็อาจจะไม่ได้เป็นเหมือนที่ผู้ชายฝันไว้ ก็เลยลดลงเรื่อยๆจนเหลือศูนย์
แต่ผู้หญิง จะเริ่มสนใจ และชอบผู้ชายจากสิ่งเล็กๆน้อยๆที่ได้รับ และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามความรู้จัก สนิทสนม
ผู้หญิงที่ประทับใจผู้ชายแบบรักแรกพบก็มีค่ะ แต่ส่วนใหญ่ก็คือปลื้ม เหมือนปลื้มดารา มากกว่าค่ะ
ไก่กา-อาราเล่ ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1105469 ถูกใจ, กุ้งมังกรน้อย ถูกใจ, คนมองโลกในแง่ดี ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1167673 ถูกใจ, chan-rak-thong-fa ถูกใจ, ribbonjung_RIT ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น
ผู้หญิงรักเริ่มจาก 0 แล้วทำไมผู้ชายถึงเริ่มจาก 100?
ทำไมโดยปกติแล้ว ผู้หญิงส่วนใหญ่ เวลารักใครก็จะเริ่มจากศูนย์ และรักมากขึ้นเรื่อยๆโดยไม่ทันรู้ตัว จนวันสุดท้ายถึงมีคำถามว่า เรารักเค้ามากขนาดนี้เลยหรอ? เรารักเค้าขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? บางคนก้อรักมาก.. มากกว่าตัวเองก้อมี
แล้วทำไมผู้ชาย เมื่อแรกรักถึงดูรักมากก ดูแลเทคแคร์เอาใจใส่ ดีไปหมด จนเราคิดจะหยุด คิดว่า นี่แหละ!พ่อของลูก แต่พอคบกันไปเรื่อยๆ ความรักที่ผู้ชายเคยมีให้กลับลดน้อยลง อะไรๆที่เคยได้ก้อเริ่มหายไป ในขณะที่ผู้หญิงรักหมดใจ แต่ทำไมผู้ชายลดน้อยลง?
จนสุดท้าย ผู้ชายก้อหมดรัก ในวันที่ผู้หญิงรักหมดใจ พอเลิกกัน ผู้ชายกลับไม่หยุด และไปเริ่มต้นใหม่กับคนอื่นได้ทันที แต่ผู้หญิงยังคงหยุดอยู่กับที่ แม้ว่าคนที่อยากให้หยุดอยู่ด้วยกันจะไม่อยู่แล้วก็ตาม ที่ผู้หญิงยังไม่สามารถเริ่มต้นใหม่ได้ บางคนก้อเรียกจมปลัก เราเรียกยังคงรักแต่ไม่ได้รอ มีใครบ้างอยากเริ่มต้นใหม่หลายๆหน? ทั้งๆที่คิดว่าหยุดแล้วแท้ๆ.. ทำไมผู้ชายถึงไม่หยุด
*ไม่รวมเคสที่ผู้ชายดีๆโดนผู้หญิงทำร้ายนะคะ เราก้อไม่เข้าใจอีกเหมือนกันว่าทำไม คนดีๆ 2 คนไม่มาเจอกัน จะได้ไม่เจบ ไม่ต้องมีใครทำร้ายใคร
*ไม่ใช่เรื่องของเราเองทั้งหมด เป็นเรื่องตัวเองส่วนนึง ตอนจบเราสมมติขึ้นมาจากความน่าจะเป็น
ปอลิง. ขอไม่อธิบายแท็กนะคะ พิมในมือถือเมื่อยละ ผิดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ ค่ะ