เรามีบ้านเช่าอยู่หลังเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ ก็บ้านซื้อต่อมาจากเพื่อนอีกทีนึงเมื่อเกือบ 4 ปีที่แล้ว เป็นบ้านเก่าประมาณ 10 กว่าปีได้แล้ว แต่สภาพยังดีผ่านการปรับปรุงแล้ว พอซื้อมาเราก็ให้คนเช่าเลย ตลอดเวลา 4 ปีนี้ ก็เป็นคนเช่าคนเดิมตลอด พอผ่านไปได้ไม่ถึงปี น้องคนที่เช่าบ้านก็มาขอซื้อเราต่อ เราก็บอกว่าเราเพิ่งกู้ธนาคารไม่ครบ 3 ปีขายไม่ได้ (คือเราไม่อยากขายนั่นแหละ) พอครบ 3 ปีปุ๊บ น้องเค้าก็มาขอซื้ออีก เราก็บ่ายเบี่ยงว่าแม่เราไม่อยากขาย ก็เหงียบไป พอ ต่อมาก็มาขอซื้ออีก โดยบอกเราว่าเค้าไปยื่นกู้แล้ว บ้านข้างๆเรานั่นแหละ แต่เจ้าของเกิดเปลี่ยนใจไม่ขาย (คงไปขายให้คนอื่น) เค้าก็เลยมาถามเราว่าเราเปลี่ยนใจไหม เพราะเค้ายื่นกู้ไปแล้ว โดยที่เค้าเสนอราคาให้เราคือ 1.35 ล้าน ค่าใช้จ่ายอื่นๆ และ ภาษีเค้าจะออกให้เราหมด เราก็ยังปฏิเสธ ทั้งที่ราคานี้เราจะได้กำไรเลยนะคะ ประมาณ 4 แสนบาท คือเราซื้อมาประมาณ 9 แสน ตอนนั้นค่าโอนแค่ 0.01 และ เรากู้ได้ดอก 2.5 เป็นระยะ 5 ปีด้วย จริงๆแล้วคือเราไม่เสียอะไรเลยว่างั้นเถอะ ตอนนี้ก็ให้เค้าเช่า 5,500
เราก็ปฏิเสธไปอีก แต่ไม่นานหลังจากนั้นประมาณ 1 อาทิตย์แม่เราเกิดหกล้ม เราท้อมาก ใครๆก็พูดว่าเป็นลูกคนเดียวจะเอาไปทำไม 2-3 หลัง (เรามีอีกหลังให้เช่าด้วย) เราก็เลยบอกเค้าว่าขายให้ก็ได้ แต่เค้าต้องดำเนินเรื่องให้เราด้วยนะ แต่เค้าก็ไม่มาเอาเอกสารซักที เพราะเรากับเค้าทำงานไกลกัน ประกอบกับแม่เราไม่อยากให้ขาย เราเลยบอกว่าเราไม่ขายนะ เค้าก็เหงียบไป
จนเมื่อประมาณ 2 อาทิตย์ที่แล้ว เค้าก็มาตื้อเราอีก บอกว่าเค้าไปยื่นกู้หลังอื่นแต่มันได้น้อย ก็เลยอยากมาเอาบ้านเราซึ่งสภาพดีกว่า เราก็บอกว่าแม่พี่ไม่ขายน่ะสิ เค้าก็เลยพูดขึ้นว่า รู้ไหมพี่ บ้านพี่มีคนตาย คนแรกผูกคอตาย อีกคน นั่งหัวเราะแล้วตายไปเลย เราก็เลยถามกลับว่า แล้วรู้อย่างนี้น้องไม่ถือเหรอ น้องเค้าก็ตอบเราว่าเค้าไม่ถือ เพราะเค้าจุดธูปไหว้ตลอด เราก็ถามเค้าว่าเค้ารู้จากใคร เค้าก็ตอบเราว่ารู้จากบ้านตรงข้ามเรา
เราก็มานั่งคิดว่า มันเป็นไปไม่ได้ เพราะว่า ผูกคอตายกับขื่อทาวเฮ้าส์ ที่เราเอามื้อแตะถึงนี่น่ะ ใครเชื่อก็บ้าแล้ว ไม่ได้ปัญญาอ่อนขนาดนั้น นั่งหัวเราะตายนี่นะ เชื่อตายล่ะ เราก็ไปเล่าให้เพื่อนที่ขายบ้านให้เราเค้าเป็นทนายความ เค้าก็บอกเราว่า ให้เราฟ้องเลยข้อหาหมิ่นประมาท เพราะเค้าอยู่มาตลอดไม่มีอะไร (คือไอ้น้องคนเช่าไม่รู้ว่าเราซื้อบ้านต่อจากเพื่อน)
พออีก 2-3 วันต่อมา เมียคนเช่าบ้านเราก็มากล่อมเราอีก เราก็ย้อนกลับว่า น้องไม่ถือเหรอบ้านพี่มีคนตาย เค้าก็บอกไม่ถือ เราก็ถามเค้าว่าแล้วน้องรู้มาจากใครว่าบ้านพี่มีคนตาย เค้าตอบเราว่าเค้ารู้มาจากเพื่อนข้างซอย เออน้องคะ ตอนที่น้องมาขอเช่าบ้านพี่น้องบอกว่าไม่มีเพื่อนสนิทเพราะย้ายมาจากเขตบางซื่อไม่ไช่เหรอคะ โกหกอะไรก็นัดแนะกับสามีน้องก่อนดีไหมคะ
เพื่อนๆว่าไงคะ จะเอาเรื่องดีไม่ดี แต่เพื่อนเราอีกคนบอกว่าเค้าเช่าแกอยู่จ่ายเงินแกดี แล้วแกจะไปอะไรกับเค้าล่ะก็ปล่อยเค้าไปซิช่างมันเถอะ
โกหกเพื่อขอซื้อบ้าน จะเอาเรื่องดีหรือเปล่า
เราก็ปฏิเสธไปอีก แต่ไม่นานหลังจากนั้นประมาณ 1 อาทิตย์แม่เราเกิดหกล้ม เราท้อมาก ใครๆก็พูดว่าเป็นลูกคนเดียวจะเอาไปทำไม 2-3 หลัง (เรามีอีกหลังให้เช่าด้วย) เราก็เลยบอกเค้าว่าขายให้ก็ได้ แต่เค้าต้องดำเนินเรื่องให้เราด้วยนะ แต่เค้าก็ไม่มาเอาเอกสารซักที เพราะเรากับเค้าทำงานไกลกัน ประกอบกับแม่เราไม่อยากให้ขาย เราเลยบอกว่าเราไม่ขายนะ เค้าก็เหงียบไป
จนเมื่อประมาณ 2 อาทิตย์ที่แล้ว เค้าก็มาตื้อเราอีก บอกว่าเค้าไปยื่นกู้หลังอื่นแต่มันได้น้อย ก็เลยอยากมาเอาบ้านเราซึ่งสภาพดีกว่า เราก็บอกว่าแม่พี่ไม่ขายน่ะสิ เค้าก็เลยพูดขึ้นว่า รู้ไหมพี่ บ้านพี่มีคนตาย คนแรกผูกคอตาย อีกคน นั่งหัวเราะแล้วตายไปเลย เราก็เลยถามกลับว่า แล้วรู้อย่างนี้น้องไม่ถือเหรอ น้องเค้าก็ตอบเราว่าเค้าไม่ถือ เพราะเค้าจุดธูปไหว้ตลอด เราก็ถามเค้าว่าเค้ารู้จากใคร เค้าก็ตอบเราว่ารู้จากบ้านตรงข้ามเรา
เราก็มานั่งคิดว่า มันเป็นไปไม่ได้ เพราะว่า ผูกคอตายกับขื่อทาวเฮ้าส์ ที่เราเอามื้อแตะถึงนี่น่ะ ใครเชื่อก็บ้าแล้ว ไม่ได้ปัญญาอ่อนขนาดนั้น นั่งหัวเราะตายนี่นะ เชื่อตายล่ะ เราก็ไปเล่าให้เพื่อนที่ขายบ้านให้เราเค้าเป็นทนายความ เค้าก็บอกเราว่า ให้เราฟ้องเลยข้อหาหมิ่นประมาท เพราะเค้าอยู่มาตลอดไม่มีอะไร (คือไอ้น้องคนเช่าไม่รู้ว่าเราซื้อบ้านต่อจากเพื่อน)
พออีก 2-3 วันต่อมา เมียคนเช่าบ้านเราก็มากล่อมเราอีก เราก็ย้อนกลับว่า น้องไม่ถือเหรอบ้านพี่มีคนตาย เค้าก็บอกไม่ถือ เราก็ถามเค้าว่าแล้วน้องรู้มาจากใครว่าบ้านพี่มีคนตาย เค้าตอบเราว่าเค้ารู้มาจากเพื่อนข้างซอย เออน้องคะ ตอนที่น้องมาขอเช่าบ้านพี่น้องบอกว่าไม่มีเพื่อนสนิทเพราะย้ายมาจากเขตบางซื่อไม่ไช่เหรอคะ โกหกอะไรก็นัดแนะกับสามีน้องก่อนดีไหมคะ
เพื่อนๆว่าไงคะ จะเอาเรื่องดีไม่ดี แต่เพื่อนเราอีกคนบอกว่าเค้าเช่าแกอยู่จ่ายเงินแกดี แล้วแกจะไปอะไรกับเค้าล่ะก็ปล่อยเค้าไปซิช่างมันเถอะ