ใครเคยกินไข่ปลาคาเวียบ้าง รสชาติมันเป็นยังไงเหรอ

กระทู้คำถาม
พูดถึงอาหารแพงๆ จะต้องมีชื่อ ไข่ปลาคาเวียร์ (หรือจะเรียก คาเวียร์ เฉยๆก็แล้วแต่) เป็นหนึ่งในอาหารราคาแพงที่คนรู้จัก
อยากรู้มีใครเคยกินจริงๆบ้างครับ รสชาติมันเป็นยังไง มันอร่อยล้ำสมราคามันหรือเปล่า
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 13
หามาฝากค่ะ

คาเวียร์ หรือไข่ปลาคาเวียร์ (Caviar) ที่จริงแล้ว ไม่ใช่ได้มาจากปลาคาเวียร์ เพียงอย่างเดียว แต่อย่างใด
แต่เป็นไข่ปลา ที่ผ่านการปรุงรสมาแล้ว โดยไข่นั้นได้มาจากปลาหลากหลายประเภท
โดยส่วนมากจะนำมาจาก ไข่ปลาสเตอร์เจียน คำว่า คาเวียร์ มาจากภาษาเปอร์เซีย ว่า خاگ‌آور (Khag-avar)
ซึ่งมีความหมายว่า “ไข่ปลาที่ปรุงรส” โดยในแถบเปอร์เซียจะใช้หมายถึงปลาสเตอร์เจียน
โดย คาเวียร์ นี้ได้ขึ้นชื่อว่า “เป็นหนึ่งในอาหารที่อร่อยที่สุดในโลก”
ซึ่ง คาเวียร์ที่ชื่อเสียง จะมาจากฝั่งทะเลสาบแคสเปียน ในแถบอาเซอร์ไบจัน , อิหร่าน และรัสเชีย

โดยแหล่งที่ขึ้นชื่อว่ามีปลาสเตอร์เจียนชุกชุม คือทะเลสาบแคสเปียน
ในอดีตเคยอาศัยอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ให้ชาวประมงรัสเซียได้จับกันเป็นจำนวนมาก
จนทำให้ปลาลดจำนวนลงมาก รัฐบาลรัสเซียจึงต้องออกกฎหมายห้ามจับโดยเด็ดขาด

ไข่ปลาคาเวียร์อัลมาส (ภาษาเปอร์เซี่ยนแปลว่า “เพชร”)
ที่ได้มาจากปลา “เบลูก้า สเตอเจียน” อายุหนึ่งร้อยปีขึ้นไป ถือเป็นไข่ปลาคาเวียร์ที่หายากที่สุด
และมีราคาแพงที่สุด โดยมีราคาสูงถึงเกือบ 25,000 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ก.ก. (ประมาณ 850,000บาท/ก.ก.)
ในขณะที่ราคาเฉลี่ยของเบลูก้า คาเวียร์ โดยทั่วไปในปัจจุบันจะอยู่ที่ 7,000 – 10,000 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ก.ก.
(ราว 2.38 -3.4 แสนบาท/ก.ก.)

การรับประทาน คาเวียร์ นั้นนิยมจะตักไข่ปลาด้วยช้อนคันเล็ก ๆ ทาลงบนขนมปังแล้วรับประทาน

ในปัจจุบันทั้งในทวีปยุโรป และอเมริกาเหนือ มีการล่าจับปลาสเตอร์เจียนกันมาก
จนองค์การ CITES (อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์)
ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมการค้าสัตว์และพืชที่ใกล้สูญพันธุ์ทั้งหมดราว 30,000 ชนิด
ได้เข้ามาควบคุมการทำร้ายปลาสเตอร์เจียนด้วย เพื่อไม่ให้สูญพันธ์ ทั้งนี้เพราะได้มีการพบว่า
ผู้คนส่วนใหญ่ยังเชื่อว่า คาเวียร์ จากทะเลสาบแคสเปียนมีคุณภาพดีที่สุด
จึงทำให้มีการซื้อขายคาเวียร์ทำเงินได้ปีละตั้งแต่ 2,000–4,000 ล้านเหรียญ แต่ CITES
ก็ตระหนักดีว่าการปกป้องคุ้มครองปลาจำพวกนี้นั้น จำต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย
ทั้งศุลกากร, นักวิทยาศาสตร์ และชาวประมง จึงได้ออกกฎหมายบังคับห้ามจับปลาสเตอร์เจียน
ในปริมาณที่เกินกำหนด อีกทั้งห้ามชาวประมงไม่ให้สร้างมลภาวะที่ร้ายแรงในทะเลสาบ
และห้ามฆ่าปลาสเตอร์เจียนในช่วงก่อนอายุวางไข่ (15 ปี) รวมถึงให้มีการจำกัดโควตาการผลิต คาเวียร์
โดยให้ทุกประเทศที่อยู่เรียงรายรอบทะเลสาบแคสเปียนปฏิบัติตาม

การกิน...

ด้วยพิธีรีตรองในการกินประกอบกับเครื่องเคียงต่าง ๆ เครื่องดื่มที่ช่วยเชิดชูรสชาติ
ทำให้การกินคาร์เวียร์กลายเป็นศิลปะในการกินชนิดหนึ่ง ที่มีความละเอียดลออพิถีพิถันในการคัดเลือก
และเสาะหาทีเดียว

ถึงแม้คาเวียร์ที่ดีที่สุดมักมาจากรัสเซียและอิหร่าน แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่า
ผู้บริโภคคาเวียร์หมายเลขหนึ่งกลับกลายเป็นชาวฝรั่งเศส แต่เดิมคาเวียร์มีการกินง่ายๆคู่กับเหล้าพื้นเมือง
ที่มีรสชาติฉุนและบาดคออย่างว็อดก้าเหล้าพื้นเมืองของรัสเซีย

พอมาถึงฝรั่งเศส ชาวปารีเซียงก็พลิกแพลงนำมากินคู่กับไวน์หรือฌ็อมปาญ
เพราะเชื่อว่าเครื่องดื่มของตนมีรสชาติลมุนลไมกว่าและสามารถดื่มได้ทั้งชายและหญิง
น่ารื่นรมย์กว่าว็อดก้าเป็นไหนๆ และการกินคาเวียร์ของชาวฝรั่งเศสนั้นก็มีการจัดเครื่องเคียงต่าง ๆ
ในภาชนะหรูหราหายาก จนสร้างความประทับใจ
และลัทธิเอาอย่างได้อย่างแพร่หลายไปทั่วยุโรปในศตวรรษที่18เป็นต้นมา

จนมีการคัดขนาดรูปทรง สีสันและรสชาติของคาเวียร์เป็นชั้นต่างๆ (ไข่ปลาคาร์เวียร์แบ่งเกรดได้ 3 เกรด
เกรด O คือไข่ปลาคาร์เวียร์สีดำ  เกรด OO ไข่ปลาคาร์เวียร์สีปานกลาง
และ เกรด OOO ไข่ปลาคาร์เวียร์สีเหลืองสุกสว่างซึ่งเป็นเกรดที่ดีที่สุด )
และแน่นอนราคาจำหน่ายก็ต้องเป็นไปตามมาตรฐานของการคัดเลือก
และปัจจุบันในท้องตลาดก็มีการแบ่งเกรดและราคาของคาเวียร์เป็น 4 ชนิด

BELUCA เป็นคาเวียร์ชั้นสุดยอดที่มีจำนวนน้อยที่สุด ในแต่ละปีจะถูกจองล่วงหน้าจากพ่อค้าคนกลาง
จากร้านค้าหรูในปารีสจนหมดสิ้นเพราะแต่ละปีจะมีจำนวนเพียงสิบกว่ากิโลกรัมเท่านั้นที่ออกสู่ท้องตลาด
เป็นคาเวียร์หน่วยใหญ่พิเศษสีเทาจาง ๆ ส่งประกายสีทองยามต้องแสงไฟเป็นมันวาว

Beluca Caviar สุดยอดคาร์เวียร์

ยามเมื่อส่งเข้าปากแล้วขบเบาๆด้วยฟัน ก็จะรู้ซึ้งถึงความสดกรอบของไข่แต่ละหน่วย
ที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจายทันทีในปาก รสชาติที่มันนุ่มนวลและมีรสเค็มนิด ๆ เพียงปลายลิ้น
เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคาเวียร์ชื่อนี้ และน้อยคนที่จะได้ลิ้มรสหากไม่จองไว้ล่วงหน้าจากผู้จำหน่าย
หรือต้องเป็นแขกพิเศษของประธานาธิบดีหรืออัครมหาเศรษฐีของโลกเท่านั้น
ราคาจองกิโลกรัมละ 4,000 ยูโรหรือ 200,000 บาท มีขนาดบรรจุตั้งแต่ 250 กรัมขึ้นไป

IMPERIAL OSSETRA เป็นคาเวียร์ขนาดย่อมลงมา มีสีเทาอมทอง แต่ละหน่วยมีความมันเงา
ไม่เกาะติดกันเหมือนผ้าซาติน มีคุณสมบัติพิเศษในเรื่องของกลิ่นหอมคล้ายๆลูกนัทยามส่งผ่านปลายลิ้น
รสชาติมันเข้มข้นไม่เค็มจัด ราคาวางขายที่กิโลกรัมละ 2,500 ยูโรหรือ 125,000 บาท
ขนาดบรรจุเช่นเดียวกันไป

IMPERIAL OSSETRA caviar

ROYAL OSSETRA เป็นคาเวียร์สีอำพันทองส่งประกายสีน้ำผึ้งแกมทอง แต่ละหน่วยมีความหนึก กรอบ
แม้หน่วยจะย่อมกว่า มีกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นของไม้ป่า แม้หน่วยจะเล็กแต่ให้รสที่หอมมันนุ่มนวลและเข้มข้น
ส่งประกายและสีสันเตะตากว่า ราคาก็ไม่สูงมากสามรถหาซื้อได้แทบทุกร้านหรูในเมืองใหญ่ของยุโรป
ราคากิโลกรัมละ 2,000 ยูโร หรือ 100,000 บาทมีขนาดบรรจุตั้งแต่ 125 กรัมเป็นต้นไป

SEVRUGA เป็นคาเวียร์ที่มีขนาดของหน่วยย่อมสุด สีเทาเงิน ใช้เสิร์ฟตามภัตตาคารโก้ ๆ
และที่นั่งชั้นหนึ่งของสายการบินบางบริษัท รสชาติดีเยี่ยม หอมนุ่มนวลมีรสมันเนียนไม่เค็มสดุดลิ้น
มีขนาดหน่วยย่อมที่สุด หาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าหรูที่แผนกอาหาร
ราคากิโลกรัมละ 1,960 ยูโร หรือ 97,000 บาท มีขนาดบรรจุตั้งแต่ 125 กรัมเป็นต้นไป

การเสิร์ฟเครื่องดื่มกับคาร์เวียร์นั้นหากไม่ใช้ว็อดก้าแช่เย็นเฉียบในถ้วยแก้วคริสตัลใบน้อย
ก็ลองเสิร์ฟกับไวน์สีชมพูของ Clarke หรือไวน์ขาว Blanc De Blanc ของ Lanson หรือ ฌ็อมปาญ
ของ Taittinger ก็จะเข้ากับรสชาติสุดวิเศษของคาเวียร์ได้ดีมากเช่นกัน

วิธีการเสิร์ฟคาเวียร์

    - ควรเสิร์ฟคาเวียร์ในชามแก้วแช่กลางอ่างน้ำแข็งฝอยเพื่อรักษาความสด
    - ช้อนควรเป็นช้อนเล็ก ๆ ที่ทำจากทองคำ เปลือกมุกหรือกระเบื้องเท่านั้น อย่าใช้ช้อนโลหะใด ๆ
      ไม่ว่าเงินหรือสเตนเลสเพราะจะทำให้รสชาติเปลี่ยนไป
    - เครื่องเคียงควรมีเพียงแผ่นขนมปังปิ้งกรอบบาง ๆ หรือหากอยากลองเครื่องเคียงอื่น ๆ
      ก็มีเพียงมันฝรั่งสุกอุ่นก้อนเล็ก ๆ หรือไข่นกกระทาต้มสุกอุ่นเท่านั้น อย่าได้เสิร์ฟกับมะนาวเสี้ยว
      หัวหอมสับหือไข่แดงต้มสุกสับและครีมเปรี้ยวเป็นเด็ดขาด นอกเสียจาก ว่าคาเวียร์ที่เสิร์ฟ
      จะเป็นคาเวียร์ระดับรอง ๆ ที่ไม่มีความหอมหรือมีรสเค็มเกินไป
ความคิดเห็นที่ 11
ขึ้นอยู่กับชนิดและเกรดค่ะ ถ้ากินแบบตามบุฟเฟ่ แนะนำว่าอย่ากินดีกว่า รสชาติแบบ ไม่กินดีกว่าอะ

ถ้าลงทุนหน่อย กระปุกเล็กๆ 500 ขึ้นไป

รสจะออกเค็มแต่ไม่มากค่ะ มีความมัน
มีกลิ่นหอมนัวๆคล้ายน้ำทะเล(บางคนอาจจะเรียกคาวแต่ไม่มาก)
เปลือกไข่ปลาต้องใส เอาลิ้นดุนแล้วต้องไม่แตกในทันที ไม่เหนียว มีความกรุบเล็กๆ

เวลาทานไม่ได้ทานเต็มคำ ใช้ปลายช้อนตักเพียงนิดเดียว  บนแผ่นขนมปัง หรือแพนเค้กอันเล็กแบบไม่หวาน ใส่ซาวครีม หอมซอย หรือไข่ต้ม แล้วหยดน้ำมะนาวนิดหน่อย อร่อยมากๆจ้า

แต่ถ้ามาสายโหด ก็จะทาน กับวอดก้า รสจะเรียกว่าคมๆ มีความนัวๆของวอดก้า ก่อนที่ไข่ปลาจะออกรสในปาก แล้วก็ตามด้วยกลิ่นของทะเล  จากนั้น สามารถจิบมะนาวตามเข้าไปได้ หุหุ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่