(ซีรีย์ญี่ปุ่น) Hero 2014 (กึ่งรีวิว) ตอนที่ 1 : Beyond reasonable doubt (Spoiled)

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



โหด มัน ฮา ครบสาระและบันเทิงไม่ต่างจากเดิมแม้เปลี่ยนเกือบยกทีมสำหรับ HERO 2014 ตอนแรกที่ผ่านมากับเรตติ้ง 26.5 % สมศักดิ์ศรี "คุริว โคเฮย์" ทุกประการ ปี 2001 เรารู้จักคุริวอัยการหนุ่มจากอาโอโมริซึ่งถูกเรียกตัวเข้ากรุงกะทันหัน คดีแรกที่คุริวเจอคือคดีโจรขโมยกางเกงในในเวลาที่อัยการแห่งสำนักงานเขตโตเกียวกำลังหมกมุ่นอยู่กับคดีนักการเมืองทุจริต คุริวถูกมองว่าไร้ฝีมือในช่วงต้นเมื่อเขาตัดสินใจอยู่นานในคดีโจรขโมยกางเกงในทั้งที่หลักฐานดูแน่นหนา มีเพียงอามิยะ ไมโกะ เลขาฯสาวผู้ทะเยอทะทานสูงเท่านั้นที่รู้แน่แก่ใจว่าผู้ชายชื่อ "คุริว โคเฮย์"  .... ไม่ธรรมดา

คดีความครั้งนั้นคุริวสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาเพราะพบว่ามีหลักฐานที่อยู่แน่ชัดจากวิดีโอเทปที่เจ้าตัวนั่งดูอยู่เป็นสิบเป็นร้อยรอบเพื่อพิสูจน์ทราบว่าชายผู้นั้นอัดวีดีโอแบบ manaual (เพื่อเห็นเสี้ยวเล็ก ๆ ของข่าวทุจริตนักการเมืองดังที่ผู้ต้องหากด stop เพื่ออัดให้การ์ตูนเรื่องโปรดแบบไม่มีโฆษณาหรือรายการใดมาคั่น) เช่นเดียวกันก็มีแต่ไมโกะที่รู้ ... ว่าความผิดปกติในรูปถ่ายบนเรือยอร์ชลำนั้น สิ่งที่ทำลายความเชื่อถือของหลักฐานที่อยู่ของนักการเมืองดัง ... ก็เป็นการช่างสังเกต กัดติดไม่ปล่อยของคุริวเช่นกัน

จากปี 2001 ถึง 2014 คุริวยังยึดหลักการเดิมนี้เหนียวแน่น "Prove beyond reasonable doubt" พิสูจน์จนกว่าปราศจากข้อสงสัยอันสมควร เมื่อคดีทะเลาะวิวาทเล็ก ๆ ในบาร์แห่งหนึ่งกลายเป็นเรื่องใหญ่ระดับชาติขึ้นมา เมื่อลายนิ้วมือผู้ต้องหาไพล่ไปตรงกับลายนิ้วมือในคดีลักเพชรอันลือลั่นเมื่อ 15 ปีก่อน ไฮไลต์วันนี้ก็คือ .... อีก 3 วันนับแต่นี้ อายุความของคดีจะสิ้นสุดลง เอาล่ะสิ หน้าผู้ต้องหาจากกล้องวงจรปิดก็ไม่เห็น มีแต่ลายนิ้วมือเท่านั้นที่เป็นหลักฐานแวดล้อม คำสารภาพก็ไม่มี

ท่ามกลางแรงกดดันและอายุความที่เดินไปเรื่อย ๆ คุริวก็ยังเป็นคุริวที่ลงลึกถึงรายละเอียดเหมือนเคย ผู้ต้องหาทำร้ายพนักงานบาร์ทำไมกัน ? เหตุใดพนักงานคนนั้นไม่เอาเรื่อง ? แล้วผู้ต้องหาดื่มเบียร์ไปยังไม่ทันครึ่งแก้วแต่บอกว่าตัวเองเมาเลยจำไม่ได้ว่าทำร้ายพนักงานคนนั้นทำไม ? เมื่อทุกแห่งหนมีแต่คำถามที่ไร้คำตอบ ไม่ว่าใครจะถาม จะสั่งให้ฟ้อง จะยึดคดีลักเพชรคืน หรือ จะมีแรงกดดันอย่างไร คุริว โคเฮย์ ก็ยังเป็นคุริว โคเฮย์ แม้นจะเหลือเพียงคดีวิวาทในบาร์เล็ก ๆ คุริวก็ยังตามจิกไม่ปล่อย

จากหลักฐานชิ้นหนึ่งไปสู่อีกชิ้น จากจิ๊กซอร์ชิ้นเล็กกลายเป็นภาพใหญ่ เมื่อสืบสาวราวเรื่องลงไป จุดแต่ละจุดกลายมาเป็นเชื่อมโยงกัน จากการตามล่าอย่างสู้ไม่ถอยในคดีทำร้ายร่างกายกลับเป็นจุดเชื่อมไปสู่คดีลักเพชรชนิดที่ใครก็คาดไม่ถึง คุริวสืบสาวจนรู้เหตุผลในข้อสังเกตประหลาด ๆ ที่เกิดขึ้น ก็เพราะว่าผู้ต้องหาและพนักงานที่ถูกทำร้ายร่างกายรู้จักกันนะสิ เล่นจบมัธยมที่เดียวกัน ปีเดียวกัน จังหวัดเดียวกัน ชั้นเดียวกัน คิดดุ๊ ขอให้เจ้าของร้านค้นประวัติพนักงานจนเอามาเทียบกับผู้ต้องหาได้

ปะติดปะต่อไปมากลายเป็นว่าทั้งสองกำลังรอเวลาให้หมดอายุความจะได้เอาเพชรไปขายมาแบ่งกัน แต่ทว่าเกิดทะเลาะแย่งกันเสียก่อน แล้วทั้งสองคนก็รู้เสียด้วยว่าถ้ามีใครรู้ความสัมพันธ์ครั้งนี้ล่ะก็ไม่ใช่คดีทำร้ายร่างกายจิ๊บจ๊อยนี่หรอก แต่จะกลายเป็นคดีลักทรัพย์(ตอนกลางคืน)บรรลือโลก เข้าซังเตไม่เห็นเดือนเห็นตะวันกันง่าย ๆ  เอ๊ะ .... ในเมื่อเป็นแบบนี้ เมื่อย้อนกลับไปดูตอนแรกก็ฟ้องไปเสียสิ้นเรื่อง ไม่เห็นจะต้องรอให้ชน deadline ใกล้เที่ยงคืนแบบที่ปรากฎในเรื่องนี่ ยังไงก็คนผิดอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง

หัวใจของมันอยู่ที่นี่ Prove beyond reasonable doubt ในคดีอาญา ... บทลงโทษของมันนั้นกระทบต่อสิทธิขั้นพื้นฐานเช่นเสรีภาพ เนื้อตัวร่างกาย ดังนั้นจะกล่าวหาใครต้องมีพิสูจน์ทราบชนิดไม่ให้มีข้อสงสัย(อันสมควร)ว่าเขาผิดอย่างแน่อนอน เมื่อเจ้าของบาร์ถามคุริวว่า อัยการก็มีหน้าที่ส่งฟ้องมิใช่หรือ ส่วนเรื่องถูกผิดเป็นหน้าที่ของศาลไปสิ ... ดูเหมือนใช่ล่ะนะ แต่คุริวกลับชี้ให้เห็นว่า เราจะทำคดีส่งคนขึ้นศาลเพราะเหตุผลแบบนั้นไม่ได้หรอก ไม่ว่าจะเรื่องแรงกดดันจากสังคม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอายุความที่กำลังจะสิ้นสุดลง การสั่งฟ้องอาจทำให้มีคำสั่งถูกควบคุมตัว เสียเสรีภาพ ถึงแม้ตอนนั้นจะยังไม่ได้ถูกตัดสินว่าผิด แต่ก็เกิดผลกระทบหลายประการตามมา

การถูกควบคุมตัวก็ไม่ได้กลับบ้าน ไม่ได้ไปทำงาน บางคนก็ถูกไล่ออกจากงานก็เพราะเหตุผลนี้ด้วย ซึ่งมันก็เป็นความรับผิดชอบของเราผู้ซึ่งเป็นอัยการอันเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการยุติธรรมไม่ใช่หรือ ? หนึ่งข้อที่พวกเรายึดถือเป็นสรณะคือจะส่งผู้บริสุทธิ์กลายเป็นผู้ต้องหาบนชั้นศาลไม่ได้เป็นอันขาด เพราะฉะนั้นถ้าหากไม่แน่ใจว่าเขา "ผิด" จริง ๆ ล่ะก็จะมาส่งฟ้องไปง่าย ๆ ไม่ได้หรอกนะ ไม่ว่าคดีนั้นจะเล็กน้อยหรือใหญ่ก็ตามที ก็เพราะว่ามีแต่พวกเราเท่านั้นนี่ ที่สามารถส่งฟ้องคดีขึ้นสู่ชั้นศาลได้

แน่นอนว่าหลักฐานที่ได้มาก็เหมือนเดิม อัยการท่านอื่นปาดหน้าเค้กอัยการคุริวกลายเป็น HERO ไป ใช่ล่ะ HERO ตามความหมายในเรื่องนี้ก็คือบุคคลธรรมดา HERO ไม่จำเป็นต้องออกหน้า ขอแค่ทำตามหน้าที่ของตนเองให้เต็มที่เต็มประสิทธิภาพเท่านั้น ฟังก์ชั่นเล็กมันมาดีฟังก์ชั่นใหญ่ก็ดีตาม ... คล้าย ๆ เมื่อ 13 ปีที่แล้วล่ะนะ วันนี้เป็นอีกวันที่สำนักงานอัยการกลางประจำกรุงโตเกียวได้เคลื่อนไหวอีกครั้ง























ข้อสังเกต

1. ชอบบรรยากาศออฟฟิศมาก คือ อาจจะยังมันไม่เท่าทีมเดิมแต่ใช้ได้
2. บทมีเสน่ห์ไม่ทิ้งตัวละครเดิมเลยพูดถึงตลอด ทั้งอามามิยะ พี่ยาม(ที่ตอนนี้ไปเป็นเลขาฯแล้ว) เฮียบาร์มีทุกสิ่ง (เฮียยังมีสิเหมือนเดิม) ท่านนาเบชิม่า และ อัยการเอกามิด้วย
3. คงคาแร็คเตอร์คุริวได้เยี่ยมมาก คือ แบบ เฮ้ย ... นี่แหละคุริวล่ะ
4. แบบมีพล็อตซับเรื่องคุริวกับอามามิยะให้ติดตามเป็นระยะ
5. ชอบที่ใช้เพลง และ ซาวน์ประกอบชุดเดิม เข้ากันสุด ๆ
6. ฟีดแบ็กที่ญี่ปุ่นดีมาก ๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่