สอบถาม สภาวะธรรมของปฐมฌานครับ

ตั้งแต่นั่งสมาธิมาราว 4 ปี มีเพียงแค่ 2 ครั้งที่หูดับไม่ได้ยินเสียงอะไร ครั้งแรกรู้ได้ตนเองคล้ายว่ามันเข้าลึกจนสัญญาดับ พอตกจากอารมณ์นั้นออกมา ก็ยังจำอะไรไม่ได้อยู่ดี ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวนั่งอยู่ที่ไหนข้างหน้าของตนเป็นอะไร ไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งสิ้น รู้แต่เพียงว่าเหมือนอยู่ในห้องว่างๆสีขาวสว่างไสว อารมณ์นิ่งสนิทมีสติตลอดเวลา แล้วอารมณ์ก็ตกลงมาอีก ก็เลยพยายามนึกว่าข้างหน้าของตนนั้นมีอะไรหรือว่าตัวเองตายไปแล้ว กว่าจะออกมาได้รู้สึกว่าคล้ายกับจมน้ำอยู่ลึกๆ มันไม่ได้ผุดขึ้นมาได้ทันที พอลืมตาขึ้นก็เห็นพงหญ้าอยู่ข้างหน้า
      ครั้งที่2 รู้เพราะมีคนเรียกแล้วไม่ได้ยิน อันนี้เขาบอกว่าเรียกอยู่นานมาก (เขาเรียกให้เก็บของหนีฝน)
คำถามครับ : ผมสงสัย อารมณ์ในปฐมฌาน ที่มีเงื่อนไขว่า หูต้องไม่ได้ยินเสียง และ ยังมีวิตก วิจารณ์ ปิติ สุข เอกัคคตา อยู่ แต่แปลกครับ วิตก กับ วิจารณ์ แต่ของผม มันหายไปตั้งแต่ อุปจารสมาธิแล้วครับ (หูยังได้ยินเสียงอยู่) ในอุปจารสมาธิของผมนั้น เหลือแค่ ปิติ สุข เอกัคคตา ครับ อารมณ์สลับไปมาอยู่แค่นี้และหูยังได้ยินเสียงอยู่ แต่ไม่รู้สึกรำคาญใดๆทั้งสิ้น สักแต่ว่าได้ยินเท่านั้น ไม่มีความฟุ้งซ่านใดๆเกิดขึ้น เสียงที่เข้ามาก็ไม่ได้ปรุงแต่งอะไร และมีความพอใจกับสภาวะนี้มาก อยากอยู่ในต่อไปเรื่อยๆ ไม่อยากออกไปไหน มันสงบนิ่งมาก
       แต่พอลองนึกถึง อารมณ์ทั้ง 2 ครั้งที่หูไม่ได้ยินเสียงนั้น มันไม่มี วิตก วิจารณ์ ปิติ สุข เหลืออยู่เลย คือมันนิ่งสงบอย่างเดียวแม้แต่ "ความสุข" ก็ไม่รู้สึกเหมือนกับว่า สัญญา มันดับไปเฉยๆอย่างนั้น
       ก็เลยสงสัยว่า 2 ครั้งที่หูไม่ได้ยินเสียงนั้น ใช่อารมณ์ของปฐมฌานหรือไม่ หรือเป็นเพียงการตก ภวังค์ (หลับ) เท่านั้น
ขอบคุณครับ
ปล. ช่วยแสดงความคิดเห็นด้วยครับ บางทีความเห็นของท่าน อาจเป็นคำตอบที่ผมรอคอยอยู่ ขอบคุณครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
วิตก  วิจารณ์  ปีติ  สุข  ที่ระดับอุปจารสมาธิ
ยังสามารถแยกแยะ ทิศทาง ซ้ายขวา บนล่าง ได้ครับ

ขึ้นกับจะเอาสติไปจับแยกหรือปล่าว
ถ้าจะแยก ก็รู้สึกได้เลยว่า สัญญากำลังทำงานนะ
หรือถ้าละความสนใจไป ก็ผ่านไปเฉยๆ
------------------------------------------------
ถ้าถึงฌาน โลกหายไปทั้งใบครับ
ไม่มี ภาษา ซ้ายขวา หน้าหลัง บนล่าง ทิศทาง กว้าวยาว

เพราะในฌานไม่มีปัจจัยรองรับ
...ถ้าฝืนดึงสัญญาเก่าก่อนเข้าฌาน แค่วูบมันก็จืด มันจาง หายไปจะๆ สดๆ ต่อหน้าต่อตาเลยครับ
จิตแค่กระเพื่อมแล้ววูบกลับไปนิ่งเกาะติดปัจจุบันเหมือนเดิม

การวางแผนก็ไม่มี มีแค่ ไปหรือถอย ซึ่งจะเรียกว่าเป็นอะไรก็ได้ เพราะในสภาวะนั้นไม่มีชื่อเรียก  
ถ้าเพียรรู้จนละความสนใจในวิตกวิจารไปได้ องค์ฌาน 2 ก็ปรากฏเป็นปัจจุบันแทนที่
ถ้าเริ่มไม่โฟกัส เริ่มถอยความเพียรไปสักหน่อย ก็วูบหลุดออกมาที่อุปจารสมาธิปลายๆ

เปรียบกับเรื่องโลก เหมือน คุณมีแค่เท้า ความเป็นตัวตนของคุณก็ปรากฏในรูปของเท้านั่นหละ
และคุณจะรู้แค่ ก้าวปัจจุบันเท่านั้น ถ้าจะก้าวไปข้างหน้า ก็รู้อีกก้าวปรากฏ
พอก้าวผ่านก็รู้สึกตัวที่ก้าวใหม่แล้ว ก้าวเดิมก็จืดไปทันที เวลาจะถอยสมาธิก็เหมือนกัน ทำนองนั้นครับ

เมื่อออกมาที่อุปจารสมาธิ จึงจะสามารถเทียบชื่อ ระดับความลึกของสมาธิ
เทียบชื่อเรียกความละเอียดของกำลังสติที่เพิ่งผ่านมาได้อย่างสะดวก เพราะมีสมมุติทางโลกให้ใช้แยกแยะ

....เรื่องราวก่อนเข้าฌาณ  วันนี้ เมื่อวาน...
แม้จะจำได้แม่น.... ก็เหมือนผ่านมาเป็นหลายๆปีแล้ว...
ออกจากฌานมา สติสัมปชัญญะ ความรู้สึกจะ สด ละเอียด มากๆ   เหมือนตื่นซ้อนตื่นได้หลายๆชั้นนะครับ

-------------------------
เพิ่มเติมครับ
......ไม่ได้หมายเอาว่าทุกท่านที่เข้าฌานได้ จะต้องเจออาการคล้ายๆอย่างนี้เป็นมาตรฐานนะครับ
เพราะระดับกำลังสติ ความชำนาญที่ดีกว่า ก็คงให้ผลต่างไป  
อาจมีผิดพลาดได้ ขอให้พิจารณาครับ

จริงๆแล้วในฌานคิดเรื่องโลกได้บ้างนิดหน่อย สงสัยได้บ้าง.... แต่มันไม่ใช่ค่าปริยาย
ถ้าคิดนอกเรื่องได้ติดต่อกัน จนความจดจ่อในองค์ฌานขาดไป...ก็หลุดจากฌานครับ

มนุษย์มีอาการ คิดกันอยู่อย่างเป็นปกติ แทบทุกคน คิดต่อเนื่อง
คือถ้าว่างเว้นจาก การผ่อนคลาย หรือหลับ ภวังค์ ก็จะเริ่มคิด มันเป็นค่าปริยายไปอย่างนั้นเลย
คนทั่วำไปจะไม่สามารถแยกการคิด ออกจากการรู้สึกตัวว่ากำลังคิดได้ชัดๆ
คิดอะไรก็อินไปกับเรื่องนั้นเลยทีเดียว

แต่ในสมาธิ แค่ระดับอุปจารสมาธิ ก็แยกได้แล้ว และอาศัยกำลังสติที่รู้ทันนี่เอง
ช่วยให้สามารถ ละความคิดจรจากที่หยาบๆ ไปถึงละเอียดได้เรื่อยๆ
ในขณะเดียวกันก็โฟกัสที่องค์สมาธิ ลงละเอียดแน่นกว่าเดิมไปได้เรื่อยๆตามลำดับ

ส่วนฌาน มีอาการ โฟกัสการรู้ในองค์ฌาน เป็นค่าปริยาย
โลกเปรียบเหมือนแม่เหล็ก
เราเป็นเหล็กอยู่ไกล้ฝั่งโลก ก็คิดเยอะๆ เคยชินกับการคิด ....ติดหนึบ
....นานๆจึงจะวูบหลุดมาที่อาการโล่งจากความคิดสักครั้ง
พอหลุดวูบมาตอนแรกๆ.. เป็นอาการที่ไม่เคยชิน แต่บางเบาไม่รกรุงรัง

อยู่ไกล้ฝั่งฌาน เป็นอิสระจากการคิดเรื่องโลก
สักพักก็จะโฟกัสและเคยชินกับองค์ฌานยืนพื้นใว้ก่อนจนกลายเป็นค่าปริยายไปเหมือนกัน
(ค่าปริยายอันนี้เกิดจากความเพียรนะ ไม่ใช่เกิดจากการถอยความเพียร  คือเหมือนอยู่คนละฝั่งกับโลกหละ)  
ดังนั้น ถ้ามีนิวรณ์แทรกไม่แรงไม่ต่อเนื่องพอ ประคองยังสติทันอยู่ ไม่เฉียดไปไกล้แม่เหล็กมากนัก
นิวรณ์ก็ดึงกลับไปติดทางโลกไม่สำเร็จครับ
จะดีดกลับไปที่ค่าปริยายเอง....แต่จะรู้สึกจิตกระเพื่อม เหมือนเพิ่งไปทำอะไรหวาดเสียวมา....ยังไม่หายตื่นเต้นเลย....
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่