อารัมภบท
โดย จิตรักษ์ นิทิรา
เพราะคำขอร้องของท่านพ่อจึงทำให้ ลายาณี (ลายา) อาเร็ม ลูกสาวหัวหน้าเผ่าเกซา แห่งหุบเขา ฟาดุลเล ต้องปฏิบัติภารกิจอันสำคัญในการเดินทางห่างไกลจากอ้อมกอดของขุนเขาที่เธอรัก ข้ามน้ำข้ามทะเลไปยังประเทศ สีหาอมร ที่ห่างไกล เพื่อตามหาคัมภีร์ อธิกรัตน์ คำภีร์โบราณของเผ่าที่ใช้ในการทำพิธีบวงสรวงบูชาเทพแห่งฤดูกาล และเป็นคัมภีร์สำหรับการบวงสรวงในพิธีแต่งงานของครอบครัวในชนชั้นกุสิม ซึ่งเป็นชนชั้นสูงที่สุดในเผ่าเกซา ในประเทศลานี
หัตถฤทธิ์ (โรเจอร์) กฤษณพิศ เป็นนักธุรกิจแนวหน้าของประเทศสีหาอมร เขาทำธุรกิจค้าขายอัญมณี และโบราณวัตถุทั่วโลก และเป็นนักสะสมเครื่องรางของขลังรวมถึงคัมภีร์โบราณ
เพราะจุดมุ่งหมายที่แน่วแน่ ทำให้ดรุณีผู้มีนัยน์ตาสีน้ำเงิน ผมสีน้ำตาลแดง รูปร่างบอบบาง ได้พบกับความรักครั้งแรก จากชายหนุ่มที่ไม่เคยคิดจะรักหญิงสาวใดๆที่มาจากป่าอันไกลโพ้นจากทวีปที่ใครๆต่างก็เรียกขานว่า ทวีปมนต์ดำ
การพบเจอกันโดยบังเอิญของคนทั้งคู่ ทำให้เกิดเรื่องราวต่างๆมากมาย ที่ชักใยให้เกิดสายสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนที่มีความแตกต่างทางวัฒนธรรม จนเกิดเป็นความผูกพันอันลึกซึ้งขึ้นมา
นิยาย แก้วกลางไพร (ตอนที่ ๑)
รถเก๋งคันหรูสีเทาคันใหญ่ได้แล่นเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์สีขาวมุกอันสวยสง่า
ชายหนู่มรูปร่างดีเปิดประตูรถก้าวออกมาจากเบาะคนขับอย่างรวดเร็วพร้อมกล่าวกับบ่าวที่มายืนรอว่า
.. “นายไม้ๆ มาช่วยยกของที วันนี้ฉันได้สิ่งที่น่าสนใจมา นายอย่ายกให้แตกนะ วางเบาๆแล้วบอกน้ากานดาให้ยกของว่างและเครื่องดื่มมาให้ฉันด้วย”
ชายหนุ่มวัยประมาณสามสิบปีที่มีหน้าตาดี และท่าทางที่กระฉับกระเฉงกล่าวอย่างอารมณ์ดี...
"ครับคุณโรเจอร์" ผู้เป็นบ่าว ตอบแล้วก้มหน้าค้อมตัวรีบเดินไปยกของที่ท้ายรถคันงาม
หัตถฤทธิ์ กฤษณพิศ หรือโรเจอร์ หลังจากมอบหมายงานให้นายไม้เรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินขึ้นบันไดที่นำไปสู่ประตูบานใหญ่ลวดลายงดงามซึ่งเป็นทางเข้าออกด้านหน้าของคฤหาสน์แห่งนี้
ชายหนุ่มเดินขึ้นบันไดไปจนถึงชั้นสามซึ่งเป็นชั้นของห้องนอนของเขา เมื่อได้เข้าไปในห้องนอนเรียบร้อยแล้วเขาก็ผลัดผ้าเพื่อไปอาบน้ำและแต่งกายใหม่ ซึ่งเป็นกิจวัตรที่ต้องทำหลังจากออกไปทำงานหรือไปทำภารกิจอย่างอื่นนอกบ้านมา
หญิงวัยกลางคนสวมชุดแม่บ้านประจำคฤหาสน์ เดินเข้ามาในห้องนอนใหญ่สีครีม พร้อมยกถาดกลมที่มีเหยือกน้ำผลไม้สดสีส้มเย็นฉ่ำหนึ่งโถ และสลัดผักหนึ่งจาน พร้อมอุปกรณ์การรับประทานครบชุดมาวางไว้ที่โต๊ะกลมที่ทำจากไม้เนื้อดี เพื่อรอบริการให้แก่เจ้านายซึ่งเป็นประมุขของบ้านรับประทานหลังจากเขาอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว อันเป็นงานประจำของเธอที่ต้องปรนนิบัติรับใช้เจ้านายหนุ่มโสดคนนี้ทุกเวลาที่เขากลับมาจากทำงานหรือทำอย่างอื่นนอกบ้าน และเธอต้องยืนรอจนกว่าผู้เป็นเจ้านายคนหนึ่งในบ้านจะออกมาเพื่อซักถามหรือสั่งงานอื่นต่อไป
กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆที่คุ้นเคยลอยมาเตะจมูกเธอ ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มสั้นทรงทันสมัย ผู้ที่มีนัยน์ตาสีเขียว
ออกมาจากห้องแต่งตัวในห้องนอน เขาแต่งกายด้วยชุดลำลองสบายๆ หลังจากอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว
พร้อมกับเดินมานั่งที่เก้าอี้ที่โต๊ะอาหาร
“นายน้อย ช่างดูหล่อเหลา สะอาดสะอ้าน ไม่เปลี่ยนไปเลย” ผู้ที่เป็นแม่บ้านรำพึงในใจ
“วันนี้มีใครโทรถึงฉันมั้ย” ชายหนุ่มนั่งที่เก้าอี้นิ่งๆ แล้วเอ่ยถาม
หลังจากนั้นเขาก็ยกเหยือกน้ำผลไม้มารินใส่แก้วใบใส
หญิงวัยกลางคนมีสีหน้าครุ่นคิดนิดหนึ่ง สักพักก็ตอบว่า
“คุณอติพงศ์โทรมาบอกว่าจะไปรอที่สนามก่อนค่ะ
คุณแจ๊กกี้ จะเข้ามาคุยเรื่องของที่ประมูลได้จากสมาคมริเวอร์เพื่ออนุรักษ์วัตถุโบราณตอนหนึ่งทุ่มค่ะ”
เธอตอบและยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ผู้เป็นนาย
แม่บ้านผู้นี้รักและผูกพันกับครอบครัวกฤษณพิศ เพราะเธอได้รับแต่ความสุขจากที่นี่
“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มตอบด้วยรอยยิ้ม
กานดาดูแลปรนนิบัติรับใช้ เจ้านายมาตั้งแต่เขาอายุสิบปี นับตั้งแต่พี่สาวของเธอซึ่งเป็นแม่นมและพี่เลี้ยงของชายหนุ่มในขณะนั้น ได้ลาออกจากงานที่นี่ไป เพื่อไปช่วยงาน และดูแลสามีที่ลงทุนทำสวนสับปะรดป้อนส่งโรงงานในเมืองซาวา ซึ่งอยู่ห่างไปสองร้อยไมล์ ปีนี้เธอก็อยู่ดูแลเจ้านายมาครบยี่สิบปีแล้ว และผูกพันกับที่นี่มาก
ที่ฝาผนังห้องนอนมีภาพใหญ่สองภาพประดับบนฝาผนัง
ภาพแรกเป็นภาพของสมาชิกครอบครัวๆหนึ่ง ที่ถ่ายร่วมกันในบริเวณกลางสวนของบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งซึ่งทำด้วยไม้ อยู่ห่างจากบ้านเพื่อนบ้านพอประมาณ ด้านหลังเป็นภูเขาสูงที่ปกคลุมด้วยหิมะสีขาวบางๆ สมาชิกในภาพนั่นมีห้าคน คนแรกนั่นคือคุณตาที่สวมชุดคล้ายแพทย์นั่งด้านขวาของคุณยาย ซึ่งเป็นหญิงชาวไทย ด้านหน้าคือเด็กผู้หญิงสามคน นั่งพับเพียบเรียบร้อย อยู่บนสนามหญ้าสีเขียวสด
ภาพที่สองเป็นภาพสมาชิกในครอบครัวกฤษณพิศของเขาเอง อันได้แก่ คุณพ่อ คุณแม่ เขาเองเมื่อตอนอายุสิบเอ็ดปี และ รติกานต์(ลิลลี่) น้องสาวที่กำลังจะเดินทางมาเยี่ยมคุณพ่อนั่นเอง
เขาดื่มน้ำส้ม แล้วสายตาก็จองไปที่ภาพของครอบครัวที่แขวนอยู่บนฝาผนังอย่างซึมๆสายตาหมองเศร้า
ดร.สืบฟ้า ผู้ซึ่งเป็นบิดาของเขาได้ป่วยลง และยังคงต้องนอนพักรักษาตัวด้วยโรคมะเร็งที่โรงพยาบาลในกรุงอมร ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศสีหาอมร ท่านได้มอบหมายให้เขาลูกชายคนโตได้ทำหน้าที่ประมุขของบ้าน ดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านหลังนี้หลังจากที่ท่านป่วยและต้องเข้าๆออกๆโรงพยาบาลเป็นประจำ
โดยมีคุณแม่เขาพยาบาลอยู่ไม่เคยห่าง
แม่บ้านพูดบอกเจ้านายหนุ่มเพิ่มเติมว่า
“พรุ่งนี้คุณอานนท์จะไปเยี่ยมท่าน ดร. ที่โรงพยาบาล ค่ะ และจะดูแลอำนวยความสะดวกให้แก่คุณลิลลี่ขณะที่ไปเยี่ยมท่านดร. ค่ะ”
“จริงสิ พรุ่งนี้ ลิลลี่กำลังจะมาที่กรุงอมร เขาคงไปรับเธอไม่ได้ เพราะติดงานสำคัญกับนักธุรกิจอัญมณีที่โรงแรม ตะวันดาราฉาย”
ชายหนุ่มครุ่นคิดถ้าเช่นนั้น เขาจะขอให้คู่หมั้นหนุ่มของน้องสาว อติพัฒน์ ไปรับเธอเอง
ลายา ลายา เขาพึมพำด้วยความตกใจ เรียกหาหญิงสาวคนหนึ่งอยู่บนที่ไหนสักแห่ง ที่ซึ่งเต็มไปด้วยต้นใหญ่หนาแน่น เขาฝันเช่นนี้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า มาสองปีแล้ว ซึ่งความฝันในรูปแบบเดิมๆมักจะเกิดถี่ๆ ในช่วงนี้ ชื่อที่ไม่เคยรู้จักมักคุ้น นอกเสียจากในความฝ้น บางคราก็มีความหวานซึ้งตรึงอุราจนแทบไม่อยากจะลุกจากที่นอนเมื่อรู้สึกตัว บางคราก็น่าตกใจเมื่อเหมือนสิ่งใดจะมาดึงคนทั้งคู่ให้พลัดพรากจากกันจนโหยหาอย่างเป็นทุกข์ ภาพแห่งความฝันในดินแดนที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน และชื่อที่เรียกหญิงสาวคนเดิมนั้น ได้ทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่น นี่คืออะไร เขาผิดปกติไปแล้วหรือ หรือเขาทำงานกับโบราณวัตถุมากเสียจนเกิดอาถรรพณ์อะไรสักอย่าง ที่จะทำให้เขาเสียสติไป ไม่ดีกว่า หากเกิดฝันเช่นนี้อีก เขาคงต้องรีบปรึกษาแพทย์เสียแล้ว ก่อนที่เขาจะวิตกจริตไปมากกว่านี้ และบ้าไปจนกู่ไม่กลับ หัตถฤทธิ์ สะดุ้งตกใจตื่นขึ้นมากลางดึก และประเมินอารมณ์คั่งค้างในจิตใจของตัวเอง เพื่อวางแผนไปพบแพทย์ในเร็ววันนี้
ณ ถ้ำมหันคา ถ้ำที่มีขนาดใหญ่ของของเผ่าเกซา ที่อยู่ในเทือกเขาฟาดุลเล คนในเผ่ากำลังวุ่นวายกับการคัดลอกคัมภีร์อธิกรัตน์ จากถ้อยคำผู้เฒ่าชาย- หญิง ผู้นำการทำพิธีบวงสรวงเทพแห่งฤดูกาลทั้งสอง ซึ่งกำลังท่องจำบทสวดในคัมภีร์ให้ผู้ที่ทำการบันทึกได้บันทึกเก็บไว้
เนื่องจากคัมภีร์ดังกล่าวได้ถูกขโมยไปจากหอคัมภีร์เมื่อห้าเดือนที่ผ่านมา แต่การสวดก็เป็นไปอย่างกระท่อนกระแท่นเนื่องจากต้องคอยให้ผู้บันทึกได้เขียนบันทึกและหยุดเพื่อฟังท่อนใหม่และแก้ไขคำบางคำที่ผิดเป็นระยะๆ
ผู้เฒ่าทั้งสองพยายามช่วยกันสวดให้เหมือนที่ตนเคยสวดมาหลายปี แต่บางครั้งก็ไม่สามารถจดจำได้ดีพอ จึงต้องทบทวนอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และคัมภีร์ก็มีความยาวมาก ถึงแม้เกิดความยากลำบากเพียงใดผู้เฒ่าทั้งสองก็ไม่ละความพยายามในการจดจำบทสวดให้ได้สมบูรณ์ที่สุดขอแต่เพียงให้ได้บันทึกไว้จนจบ เพื่อใช้ในการอ่านสวดในพิธีกรรมการบวงสรวง แทนคัมภีร์เล่มเดิมซึ่งเป็นคัมภีร์อันเก่าแก่ที่หายไปเป็นครั้งที่สอง บทสวดที่ถูกต้องจะทำให้พิธีบูชาเทพแห่งฤดูกาลนั้นสมบูรณ์ดี ขณะนี้เวลาในพิธีบวงสรวงก็งวดเข้ามาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งเผ่าเกซาต้องจัดพิธีใหญ่ในการบวงสรวงขอพรเทพแห่งฤดูกาลเพื่อการลงการกสิกรรมทุกปีในพื้นดินที่เป็นเนื้อที่ของเผ่า
ภายนอกถ้ำก็เช่นกันเกิดความโกลาหลอย่างมากมายอันเนื่องจากต้องตามหาคัมภีร์อธิกรัตน์ อันศักดิ์สิทธิ์ให้ทัน เพื่อสำหรับให้ผู้เฒ่าที่นำสวดในพิธีบวงสรวงได้ใช้อ่านบวงสรวง ซึ่งภาษาในคัมภีร์เป็นภาษาของเผ่าเกซา โดยบรรพบุรุษได้ร่วมใจกันคิดค้นบทสวดที่มีเนื้อหาดี และไพเราะให้ทุกคนในเผ่าได้สวด
ความหมายในคัมภีร์นั้นสอนให้ทุกคนกระทำความดีและไม่ทำสิ่งที่เลวร้าย พึ่งพาช่วยเหลือกัน และไม่ทำร้าย ทำลายสิ่งต่างๆทั้งมีชีวิตและไม่มีชีวิต ตลอดจนการดูแลธรรมชาติให้คงอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ รวมถึงการกล่าวบูชาเทพทั้งหลายโดยเฉาะเทพแห่งฤดูกาล
หากเสาะหาไม่พบแล้วในวันบวงสรวงเกิดการสวดคำใด หรือท่อนใดผิดพลาดก็จะเป็นเหตุให้เกิดอาเพศ ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมากจากพายุและน้ำท่วมใหญ่ เหมือนในครั้งอดีตที่เคยเป็นมาเมื่อสองปีหลังจากเกิดการหายไปของคัมภีร์
คนในเผ่าจึงต้องหาวิธีแก้ไขเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่คัมภีร์หายไปเป็นหนที่สอง โดยให้ผู้เฒ่าผู้นำสวดชาย- หญิงสวดเนื้อหาในคัมภีร์เท่าที่จำได้ แล้วมาอ่านปรับปรุงจนถูกต้องสมบูรณ์ที่สุด
สองปีก่อนเมื่อคัมภีร์ได้หายไป ก็ไม่มีคัมภีร์มาอ่านประกอบการบวงสรวง ทำให้เกิดความผิดพลาดในการสวด จึงเกิดเหตุอาเพศถัดจากวันทำพิธีหนึ่งวัน
ผู้คนไม่ว่าเด็ก หรือคนชรา รวมทั้งสัตว์เลี้ยง สัตว์ป่าน้อยใหญ่ต้องล้มตายไปส่วนหนึ่ง ครานั้นเป็นโศกนาฏกรรมที่สร้างความสะเทือนขวัญให้คนในเผ่าอย่างรุนแรง แต่ก็บังเอิญอย่างที่สุดเมื่อมาค้นหาคัมภีร์อธิกรัตน์เจอในบ้านของแม่เฒ่าเพตาในสองสามวันหลังจากเกิดอาเพศนั้น ซึ่งนั่นก็เป็นการหาคัมภีร์เจอเมื่อสายไปแล้วหลังผู้คนล้มตายเกือบหนึ่งพันคน การทำพิธีบูชาเทพเจ้าแห่งฤดูกาลครั้งต่อไปเหลือเวลาอีกเพียงห้าเดือนที่จะต้องตามหาคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์นี้ให้พบ
แม่เฒ่าเพตานั้นอดีตเคยเป็นผู้นำทางพิธีฝ่ายหญิง ผู้ซึ่งพลาดโอกาสจากการเป็นผู้นำฝ่ายหญิงในพิธีบวงสรวงเทพแห่งฤดูกาลมาหลายปี การทำพิธีบวงสรวงในระยะปีหลังๆมานี้ตำแหน่งอันทรงเกียรติของฝ่ายหญิงได้เป็นของแม่เฒ่าอโนรีแทนสาเหตุเพราะในหลายปีที่ผ่านมาแม่เฒ่าเพตามักขาดความระมัดระวังในการควบคุมการพูดจากับบุคคลต่างๆ และกิริยามารยาทก็เริ่มที่ไม่เหมะสมที่จะเป็นตัวแทนอันทรงเกียรตินี้ เพราะผู้นำการบวงสรวงทั้งชายหญิงนอกจากสามารถอ่านบทสวดได้ถูกต้องและไพเราะแล้ว คุณสมบัติที่ต้องมีอีกประการหนึ่งคือ เป็นผู้มีมารยาทอันงดงาม มีนิสัยอ่อนโยน ควบคุมตนเองได้ดีไม่ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมา ซึ่งจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้คนในเผ่าได้เห็น และภูมิใจในเชื้อสายเผ่าพันธุ์ตนเอง อีกทั้งเผ่าเกซาก็ถือมั่นในความสงบมาช้านาน ไม่ต้องการให้ผู้ใดปฏิบัติตนให้คนในเผ่าปั่นป่วนโดยเฉพาะผู้นำด้านต่างๆต้องระมะระวังการพูดจา และกิริยามารยาทเป็นพิเศษแม่เฒ่าอโนรีผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมกว่าจึงได้รับคัดเลือกจากคณะผู้บริหารเผ่าเกซาให้เป็นผู้นำพิธีสวดบูชาเทพแห่งฤดูกาลอันศักดิ์สิทธิ์แทน
เผ่าเกซามีชนเผ่าอยู่สองแสนคน มากกว่าเผ่าใดในประเทศลานี ประเทศที่มีเทือกเขาฟาดุลเลอันกว้างใหญ่ขวางทางออกทะเลไว้ หากแต่มีเพียงอุโมงค์อาทิตรัตน์เพียงอุโมงค์เดียวเท่านั้นที่ให้รถไฟ และรถยนต์ผ่านไปได้โดยออกไปสู่สะพานข้ามไปยังดินแดนของอีกประเทศหนึ่งในทวีปมายา ซึ่งเป็นสะพานเหล็กที่ไม่ยาวมากนักเนื่องจากทะเลที่ขวางกั้นสองประเทศนั้นเป็นแค่ช่องแคบ
และเผ่าเกซาก็อยู่อาศัยในแถบภูเขานี้มาหลายชั่วอายุคนมีลูกหลานได้ออกไปทำงานอยู่ทั่วโลก รวมถึงท่านลาฟีอะผู้เป็นบุตรชายคนโตของหัวหน้าเผ่าเกซา พี่ชายของลายา หรือลายาณีที่ได้ทำงานและมีครอบครัวอยู่ทีประเทศปุรมาลี ในทวีปที่ห่างไกล
ภาพขนาดใหญ่นั้น เป็นภาพของแม่ชี(ท่านแม่) แ
นิยาย แก้วกลางไพร (ฉบับแก้ไขครั้งที่หนึ่งค่ะ ขอความกรุณาแนะนำด้วยค่ะ)
โดย จิตรักษ์ นิทิรา
เพราะคำขอร้องของท่านพ่อจึงทำให้ ลายาณี (ลายา) อาเร็ม ลูกสาวหัวหน้าเผ่าเกซา แห่งหุบเขา ฟาดุลเล ต้องปฏิบัติภารกิจอันสำคัญในการเดินทางห่างไกลจากอ้อมกอดของขุนเขาที่เธอรัก ข้ามน้ำข้ามทะเลไปยังประเทศ สีหาอมร ที่ห่างไกล เพื่อตามหาคัมภีร์ อธิกรัตน์ คำภีร์โบราณของเผ่าที่ใช้ในการทำพิธีบวงสรวงบูชาเทพแห่งฤดูกาล และเป็นคัมภีร์สำหรับการบวงสรวงในพิธีแต่งงานของครอบครัวในชนชั้นกุสิม ซึ่งเป็นชนชั้นสูงที่สุดในเผ่าเกซา ในประเทศลานี
หัตถฤทธิ์ (โรเจอร์) กฤษณพิศ เป็นนักธุรกิจแนวหน้าของประเทศสีหาอมร เขาทำธุรกิจค้าขายอัญมณี และโบราณวัตถุทั่วโลก และเป็นนักสะสมเครื่องรางของขลังรวมถึงคัมภีร์โบราณ
เพราะจุดมุ่งหมายที่แน่วแน่ ทำให้ดรุณีผู้มีนัยน์ตาสีน้ำเงิน ผมสีน้ำตาลแดง รูปร่างบอบบาง ได้พบกับความรักครั้งแรก จากชายหนุ่มที่ไม่เคยคิดจะรักหญิงสาวใดๆที่มาจากป่าอันไกลโพ้นจากทวีปที่ใครๆต่างก็เรียกขานว่า ทวีปมนต์ดำ
การพบเจอกันโดยบังเอิญของคนทั้งคู่ ทำให้เกิดเรื่องราวต่างๆมากมาย ที่ชักใยให้เกิดสายสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนที่มีความแตกต่างทางวัฒนธรรม จนเกิดเป็นความผูกพันอันลึกซึ้งขึ้นมา
รถเก๋งคันหรูสีเทาคันใหญ่ได้แล่นเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์สีขาวมุกอันสวยสง่า
ชายหนู่มรูปร่างดีเปิดประตูรถก้าวออกมาจากเบาะคนขับอย่างรวดเร็วพร้อมกล่าวกับบ่าวที่มายืนรอว่า
.. “นายไม้ๆ มาช่วยยกของที วันนี้ฉันได้สิ่งที่น่าสนใจมา นายอย่ายกให้แตกนะ วางเบาๆแล้วบอกน้ากานดาให้ยกของว่างและเครื่องดื่มมาให้ฉันด้วย”
ชายหนุ่มวัยประมาณสามสิบปีที่มีหน้าตาดี และท่าทางที่กระฉับกระเฉงกล่าวอย่างอารมณ์ดี...
"ครับคุณโรเจอร์" ผู้เป็นบ่าว ตอบแล้วก้มหน้าค้อมตัวรีบเดินไปยกของที่ท้ายรถคันงาม
หัตถฤทธิ์ กฤษณพิศ หรือโรเจอร์ หลังจากมอบหมายงานให้นายไม้เรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินขึ้นบันไดที่นำไปสู่ประตูบานใหญ่ลวดลายงดงามซึ่งเป็นทางเข้าออกด้านหน้าของคฤหาสน์แห่งนี้
ชายหนุ่มเดินขึ้นบันไดไปจนถึงชั้นสามซึ่งเป็นชั้นของห้องนอนของเขา เมื่อได้เข้าไปในห้องนอนเรียบร้อยแล้วเขาก็ผลัดผ้าเพื่อไปอาบน้ำและแต่งกายใหม่ ซึ่งเป็นกิจวัตรที่ต้องทำหลังจากออกไปทำงานหรือไปทำภารกิจอย่างอื่นนอกบ้านมา
หญิงวัยกลางคนสวมชุดแม่บ้านประจำคฤหาสน์ เดินเข้ามาในห้องนอนใหญ่สีครีม พร้อมยกถาดกลมที่มีเหยือกน้ำผลไม้สดสีส้มเย็นฉ่ำหนึ่งโถ และสลัดผักหนึ่งจาน พร้อมอุปกรณ์การรับประทานครบชุดมาวางไว้ที่โต๊ะกลมที่ทำจากไม้เนื้อดี เพื่อรอบริการให้แก่เจ้านายซึ่งเป็นประมุขของบ้านรับประทานหลังจากเขาอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว อันเป็นงานประจำของเธอที่ต้องปรนนิบัติรับใช้เจ้านายหนุ่มโสดคนนี้ทุกเวลาที่เขากลับมาจากทำงานหรือทำอย่างอื่นนอกบ้าน และเธอต้องยืนรอจนกว่าผู้เป็นเจ้านายคนหนึ่งในบ้านจะออกมาเพื่อซักถามหรือสั่งงานอื่นต่อไป
กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆที่คุ้นเคยลอยมาเตะจมูกเธอ ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มสั้นทรงทันสมัย ผู้ที่มีนัยน์ตาสีเขียว
ออกมาจากห้องแต่งตัวในห้องนอน เขาแต่งกายด้วยชุดลำลองสบายๆ หลังจากอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว
พร้อมกับเดินมานั่งที่เก้าอี้ที่โต๊ะอาหาร
“นายน้อย ช่างดูหล่อเหลา สะอาดสะอ้าน ไม่เปลี่ยนไปเลย” ผู้ที่เป็นแม่บ้านรำพึงในใจ
“วันนี้มีใครโทรถึงฉันมั้ย” ชายหนุ่มนั่งที่เก้าอี้นิ่งๆ แล้วเอ่ยถาม
หลังจากนั้นเขาก็ยกเหยือกน้ำผลไม้มารินใส่แก้วใบใส
หญิงวัยกลางคนมีสีหน้าครุ่นคิดนิดหนึ่ง สักพักก็ตอบว่า
“คุณอติพงศ์โทรมาบอกว่าจะไปรอที่สนามก่อนค่ะ
คุณแจ๊กกี้ จะเข้ามาคุยเรื่องของที่ประมูลได้จากสมาคมริเวอร์เพื่ออนุรักษ์วัตถุโบราณตอนหนึ่งทุ่มค่ะ”
เธอตอบและยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ผู้เป็นนาย
แม่บ้านผู้นี้รักและผูกพันกับครอบครัวกฤษณพิศ เพราะเธอได้รับแต่ความสุขจากที่นี่
“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มตอบด้วยรอยยิ้ม
กานดาดูแลปรนนิบัติรับใช้ เจ้านายมาตั้งแต่เขาอายุสิบปี นับตั้งแต่พี่สาวของเธอซึ่งเป็นแม่นมและพี่เลี้ยงของชายหนุ่มในขณะนั้น ได้ลาออกจากงานที่นี่ไป เพื่อไปช่วยงาน และดูแลสามีที่ลงทุนทำสวนสับปะรดป้อนส่งโรงงานในเมืองซาวา ซึ่งอยู่ห่างไปสองร้อยไมล์ ปีนี้เธอก็อยู่ดูแลเจ้านายมาครบยี่สิบปีแล้ว และผูกพันกับที่นี่มาก
ที่ฝาผนังห้องนอนมีภาพใหญ่สองภาพประดับบนฝาผนัง
ภาพแรกเป็นภาพของสมาชิกครอบครัวๆหนึ่ง ที่ถ่ายร่วมกันในบริเวณกลางสวนของบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งซึ่งทำด้วยไม้ อยู่ห่างจากบ้านเพื่อนบ้านพอประมาณ ด้านหลังเป็นภูเขาสูงที่ปกคลุมด้วยหิมะสีขาวบางๆ สมาชิกในภาพนั่นมีห้าคน คนแรกนั่นคือคุณตาที่สวมชุดคล้ายแพทย์นั่งด้านขวาของคุณยาย ซึ่งเป็นหญิงชาวไทย ด้านหน้าคือเด็กผู้หญิงสามคน นั่งพับเพียบเรียบร้อย อยู่บนสนามหญ้าสีเขียวสด
ภาพที่สองเป็นภาพสมาชิกในครอบครัวกฤษณพิศของเขาเอง อันได้แก่ คุณพ่อ คุณแม่ เขาเองเมื่อตอนอายุสิบเอ็ดปี และ รติกานต์(ลิลลี่) น้องสาวที่กำลังจะเดินทางมาเยี่ยมคุณพ่อนั่นเอง
เขาดื่มน้ำส้ม แล้วสายตาก็จองไปที่ภาพของครอบครัวที่แขวนอยู่บนฝาผนังอย่างซึมๆสายตาหมองเศร้า
ดร.สืบฟ้า ผู้ซึ่งเป็นบิดาของเขาได้ป่วยลง และยังคงต้องนอนพักรักษาตัวด้วยโรคมะเร็งที่โรงพยาบาลในกรุงอมร ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศสีหาอมร ท่านได้มอบหมายให้เขาลูกชายคนโตได้ทำหน้าที่ประมุขของบ้าน ดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านหลังนี้หลังจากที่ท่านป่วยและต้องเข้าๆออกๆโรงพยาบาลเป็นประจำ
โดยมีคุณแม่เขาพยาบาลอยู่ไม่เคยห่าง
แม่บ้านพูดบอกเจ้านายหนุ่มเพิ่มเติมว่า
“พรุ่งนี้คุณอานนท์จะไปเยี่ยมท่าน ดร. ที่โรงพยาบาล ค่ะ และจะดูแลอำนวยความสะดวกให้แก่คุณลิลลี่ขณะที่ไปเยี่ยมท่านดร. ค่ะ”
“จริงสิ พรุ่งนี้ ลิลลี่กำลังจะมาที่กรุงอมร เขาคงไปรับเธอไม่ได้ เพราะติดงานสำคัญกับนักธุรกิจอัญมณีที่โรงแรม ตะวันดาราฉาย”
ชายหนุ่มครุ่นคิดถ้าเช่นนั้น เขาจะขอให้คู่หมั้นหนุ่มของน้องสาว อติพัฒน์ ไปรับเธอเอง
ลายา ลายา เขาพึมพำด้วยความตกใจ เรียกหาหญิงสาวคนหนึ่งอยู่บนที่ไหนสักแห่ง ที่ซึ่งเต็มไปด้วยต้นใหญ่หนาแน่น เขาฝันเช่นนี้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า มาสองปีแล้ว ซึ่งความฝันในรูปแบบเดิมๆมักจะเกิดถี่ๆ ในช่วงนี้ ชื่อที่ไม่เคยรู้จักมักคุ้น นอกเสียจากในความฝ้น บางคราก็มีความหวานซึ้งตรึงอุราจนแทบไม่อยากจะลุกจากที่นอนเมื่อรู้สึกตัว บางคราก็น่าตกใจเมื่อเหมือนสิ่งใดจะมาดึงคนทั้งคู่ให้พลัดพรากจากกันจนโหยหาอย่างเป็นทุกข์ ภาพแห่งความฝันในดินแดนที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน และชื่อที่เรียกหญิงสาวคนเดิมนั้น ได้ทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่น นี่คืออะไร เขาผิดปกติไปแล้วหรือ หรือเขาทำงานกับโบราณวัตถุมากเสียจนเกิดอาถรรพณ์อะไรสักอย่าง ที่จะทำให้เขาเสียสติไป ไม่ดีกว่า หากเกิดฝันเช่นนี้อีก เขาคงต้องรีบปรึกษาแพทย์เสียแล้ว ก่อนที่เขาจะวิตกจริตไปมากกว่านี้ และบ้าไปจนกู่ไม่กลับ หัตถฤทธิ์ สะดุ้งตกใจตื่นขึ้นมากลางดึก และประเมินอารมณ์คั่งค้างในจิตใจของตัวเอง เพื่อวางแผนไปพบแพทย์ในเร็ววันนี้
ณ ถ้ำมหันคา ถ้ำที่มีขนาดใหญ่ของของเผ่าเกซา ที่อยู่ในเทือกเขาฟาดุลเล คนในเผ่ากำลังวุ่นวายกับการคัดลอกคัมภีร์อธิกรัตน์ จากถ้อยคำผู้เฒ่าชาย- หญิง ผู้นำการทำพิธีบวงสรวงเทพแห่งฤดูกาลทั้งสอง ซึ่งกำลังท่องจำบทสวดในคัมภีร์ให้ผู้ที่ทำการบันทึกได้บันทึกเก็บไว้
เนื่องจากคัมภีร์ดังกล่าวได้ถูกขโมยไปจากหอคัมภีร์เมื่อห้าเดือนที่ผ่านมา แต่การสวดก็เป็นไปอย่างกระท่อนกระแท่นเนื่องจากต้องคอยให้ผู้บันทึกได้เขียนบันทึกและหยุดเพื่อฟังท่อนใหม่และแก้ไขคำบางคำที่ผิดเป็นระยะๆ
ผู้เฒ่าทั้งสองพยายามช่วยกันสวดให้เหมือนที่ตนเคยสวดมาหลายปี แต่บางครั้งก็ไม่สามารถจดจำได้ดีพอ จึงต้องทบทวนอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และคัมภีร์ก็มีความยาวมาก ถึงแม้เกิดความยากลำบากเพียงใดผู้เฒ่าทั้งสองก็ไม่ละความพยายามในการจดจำบทสวดให้ได้สมบูรณ์ที่สุดขอแต่เพียงให้ได้บันทึกไว้จนจบ เพื่อใช้ในการอ่านสวดในพิธีกรรมการบวงสรวง แทนคัมภีร์เล่มเดิมซึ่งเป็นคัมภีร์อันเก่าแก่ที่หายไปเป็นครั้งที่สอง บทสวดที่ถูกต้องจะทำให้พิธีบูชาเทพแห่งฤดูกาลนั้นสมบูรณ์ดี ขณะนี้เวลาในพิธีบวงสรวงก็งวดเข้ามาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งเผ่าเกซาต้องจัดพิธีใหญ่ในการบวงสรวงขอพรเทพแห่งฤดูกาลเพื่อการลงการกสิกรรมทุกปีในพื้นดินที่เป็นเนื้อที่ของเผ่า
ภายนอกถ้ำก็เช่นกันเกิดความโกลาหลอย่างมากมายอันเนื่องจากต้องตามหาคัมภีร์อธิกรัตน์ อันศักดิ์สิทธิ์ให้ทัน เพื่อสำหรับให้ผู้เฒ่าที่นำสวดในพิธีบวงสรวงได้ใช้อ่านบวงสรวง ซึ่งภาษาในคัมภีร์เป็นภาษาของเผ่าเกซา โดยบรรพบุรุษได้ร่วมใจกันคิดค้นบทสวดที่มีเนื้อหาดี และไพเราะให้ทุกคนในเผ่าได้สวด
ความหมายในคัมภีร์นั้นสอนให้ทุกคนกระทำความดีและไม่ทำสิ่งที่เลวร้าย พึ่งพาช่วยเหลือกัน และไม่ทำร้าย ทำลายสิ่งต่างๆทั้งมีชีวิตและไม่มีชีวิต ตลอดจนการดูแลธรรมชาติให้คงอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ รวมถึงการกล่าวบูชาเทพทั้งหลายโดยเฉาะเทพแห่งฤดูกาล
หากเสาะหาไม่พบแล้วในวันบวงสรวงเกิดการสวดคำใด หรือท่อนใดผิดพลาดก็จะเป็นเหตุให้เกิดอาเพศ ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมากจากพายุและน้ำท่วมใหญ่ เหมือนในครั้งอดีตที่เคยเป็นมาเมื่อสองปีหลังจากเกิดการหายไปของคัมภีร์
คนในเผ่าจึงต้องหาวิธีแก้ไขเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่คัมภีร์หายไปเป็นหนที่สอง โดยให้ผู้เฒ่าผู้นำสวดชาย- หญิงสวดเนื้อหาในคัมภีร์เท่าที่จำได้ แล้วมาอ่านปรับปรุงจนถูกต้องสมบูรณ์ที่สุด
สองปีก่อนเมื่อคัมภีร์ได้หายไป ก็ไม่มีคัมภีร์มาอ่านประกอบการบวงสรวง ทำให้เกิดความผิดพลาดในการสวด จึงเกิดเหตุอาเพศถัดจากวันทำพิธีหนึ่งวัน
ผู้คนไม่ว่าเด็ก หรือคนชรา รวมทั้งสัตว์เลี้ยง สัตว์ป่าน้อยใหญ่ต้องล้มตายไปส่วนหนึ่ง ครานั้นเป็นโศกนาฏกรรมที่สร้างความสะเทือนขวัญให้คนในเผ่าอย่างรุนแรง แต่ก็บังเอิญอย่างที่สุดเมื่อมาค้นหาคัมภีร์อธิกรัตน์เจอในบ้านของแม่เฒ่าเพตาในสองสามวันหลังจากเกิดอาเพศนั้น ซึ่งนั่นก็เป็นการหาคัมภีร์เจอเมื่อสายไปแล้วหลังผู้คนล้มตายเกือบหนึ่งพันคน การทำพิธีบูชาเทพเจ้าแห่งฤดูกาลครั้งต่อไปเหลือเวลาอีกเพียงห้าเดือนที่จะต้องตามหาคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์นี้ให้พบ
แม่เฒ่าเพตานั้นอดีตเคยเป็นผู้นำทางพิธีฝ่ายหญิง ผู้ซึ่งพลาดโอกาสจากการเป็นผู้นำฝ่ายหญิงในพิธีบวงสรวงเทพแห่งฤดูกาลมาหลายปี การทำพิธีบวงสรวงในระยะปีหลังๆมานี้ตำแหน่งอันทรงเกียรติของฝ่ายหญิงได้เป็นของแม่เฒ่าอโนรีแทนสาเหตุเพราะในหลายปีที่ผ่านมาแม่เฒ่าเพตามักขาดความระมัดระวังในการควบคุมการพูดจากับบุคคลต่างๆ และกิริยามารยาทก็เริ่มที่ไม่เหมะสมที่จะเป็นตัวแทนอันทรงเกียรตินี้ เพราะผู้นำการบวงสรวงทั้งชายหญิงนอกจากสามารถอ่านบทสวดได้ถูกต้องและไพเราะแล้ว คุณสมบัติที่ต้องมีอีกประการหนึ่งคือ เป็นผู้มีมารยาทอันงดงาม มีนิสัยอ่อนโยน ควบคุมตนเองได้ดีไม่ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมา ซึ่งจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้คนในเผ่าได้เห็น และภูมิใจในเชื้อสายเผ่าพันธุ์ตนเอง อีกทั้งเผ่าเกซาก็ถือมั่นในความสงบมาช้านาน ไม่ต้องการให้ผู้ใดปฏิบัติตนให้คนในเผ่าปั่นป่วนโดยเฉพาะผู้นำด้านต่างๆต้องระมะระวังการพูดจา และกิริยามารยาทเป็นพิเศษแม่เฒ่าอโนรีผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมกว่าจึงได้รับคัดเลือกจากคณะผู้บริหารเผ่าเกซาให้เป็นผู้นำพิธีสวดบูชาเทพแห่งฤดูกาลอันศักดิ์สิทธิ์แทน
เผ่าเกซามีชนเผ่าอยู่สองแสนคน มากกว่าเผ่าใดในประเทศลานี ประเทศที่มีเทือกเขาฟาดุลเลอันกว้างใหญ่ขวางทางออกทะเลไว้ หากแต่มีเพียงอุโมงค์อาทิตรัตน์เพียงอุโมงค์เดียวเท่านั้นที่ให้รถไฟ และรถยนต์ผ่านไปได้โดยออกไปสู่สะพานข้ามไปยังดินแดนของอีกประเทศหนึ่งในทวีปมายา ซึ่งเป็นสะพานเหล็กที่ไม่ยาวมากนักเนื่องจากทะเลที่ขวางกั้นสองประเทศนั้นเป็นแค่ช่องแคบ
และเผ่าเกซาก็อยู่อาศัยในแถบภูเขานี้มาหลายชั่วอายุคนมีลูกหลานได้ออกไปทำงานอยู่ทั่วโลก รวมถึงท่านลาฟีอะผู้เป็นบุตรชายคนโตของหัวหน้าเผ่าเกซา พี่ชายของลายา หรือลายาณีที่ได้ทำงานและมีครอบครัวอยู่ทีประเทศปุรมาลี ในทวีปที่ห่างไกล
ภาพขนาดใหญ่นั้น เป็นภาพของแม่ชี(ท่านแม่) แ