นิยาย แก้วกลางไพร (ฝากแสดงความคิดเห็นด้วยนะคะ เพิ่งหัดแต่งค่ะ)

กระทู้คำถาม
อารัมภบท



เพราะคำขอร้องของท่านพ่อทำให้ ลายา ลูกสาวหัวหน้าเผ่าเกซา แห่งหุบเขา ฟาดุลเล ต้องมีภารกิจสำคัญในการเดินทางห่างไกลจากอ้อมกอดของขุนเขาที่เธอรัก ข้ามน้ำข้ามทะเลไปยังประเทศ สีหาอมร  ที่ห่างไกล เพื่อตามหาคัมภีร์ อธิกรัตน์ คำภีร์โบราณของเผ่าที่ใช้ในการทำพิธีบูชาเทพแห่งฤดูกาล  และเป็นคัมภีร์สำหรับการบวงสรวงในพิธีแต่งงานของครอบครัวชนชั้นกุสิม ซึ่งเป็นชนชั้นสูงที่สุดในเผ่าเกซา ในประเทศลานี
              หัตถฤทธิ์ (โรเจอร์)  กฤษณพิศ  เป็นนักธุรกิจแนวหน้าของประเทศสีหาอมร  เขาทำธุรกิจค้าขายอัญมณี และโบราณวัตถุทั่วโลก  และเป็นนักสะสมเครื่องรางของขลังรวมถึงคัมภีร์โบราณ
              เพราะจุดมุ่งหมายที่แน่วแน่ ทำให้หญิงสาวผู้มีนัยน์ตาสีน้ำเงิน ผมสีน้ำตาลแดง และรูปร่างบอบบาง ได้พบกับความรักครั้งแรก จากชายหนุ่มที่ไม่เคยคิดจะรักหญิงสาวใดๆที่มาจากป่าอันไกลโพ้นจากทวีปที่ใครๆต่างก็เรียกขานว่า ทวีปมนต์ดำ หากแต่นางในฝันของเขานั้นเป็นหญิงที่ต้องมาจากประเทศสีหาอมร หรือประเทศปุรมาลี ที่มีแต่ความเจริญก้าวหน้าในทุกๆด้านนั่นเอง.

นิยาย แก้วกลางไพร (ตอนที่ ๑)



รถยนต์หรูคันใหญ่ได้แล่นเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์สีขาวมุกอันสวยสง่า

ชายหนู่มรูปร่างดีเปิดประตูรถก้าวออกมาจากเบาะคนขับอย่างรวดเร็วพร้อมกล่าวกับบ่าวที่มายืนรอว่า ..  “นายไม้ๆ มาช่วยยกของที วันนี้ฉันได้สิ่งที่น่าสนใจมา  นายอย่ายกให้แตกนะ วางเบาๆแล้วบอกน้ากานดายกของว่างและเครื่องดื่มมาให้ฉันด้วย”

ชายหนุ่มวัยประมาณสามสิบปีที่มีหน้าตาดี และท่าทางที่กระฉับกระเฉงกล่าวอย่างอารมณ์ดี...

"ครับคุณโรเจอร์"  ผู้เป็นบ่าว ตอบแล้วก้มหน้ารีบเดินไปยกของที่ท้ายรถคันงาม

หัตถฤทธิ์ กฤษณพิศ หรือโรเจอร์ หลังจากมอบหมายงานให้บ่าวในคฤหาสน์เรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินขึ้นบันไดที่นำไปสู่ประตูบานใหญ่ลวดลายงดงามซึ่งเป็นทางเข้าออกด้านหน้าของคฤหาสน์แห่งนี้ คฤหาสน์นี้ครอบครัวกฤษณพิศ

ซึ่งมีสมาชิกด้วยกันสี่คนอันได้แก่  บิดา มารดา ตัวเขาเอง และน้องสาวที่อายุห่างจากเขาสี่ปี  ได้อยู่เป็นเจ้าของ


ส่วนผู้รับใช้นั้นมีห้าคน ได้แก่ นายไม้ ทำหน้าที่เป็นยามและคนงานในบ้าน,น้ากานดา แม่บ้านและแม่ครัว,ยุพิน คนทำความสะอาดบ้าน,นายน้อย คนขับรถและดูแลสวน และคนสุดท้าย ส้ม คนใช้ประจำตัวคุณพรฤดี ซึ่งเป็นคุณแม่ของเขา  

ชายหนุ่มเดินขึ้นบันไดไปจนถึงชั้นสามซึ่งเป็นชั้นของห้องนอนของเขา  หลังจากเข้าไปในห้องนอนเรียบร้อยแล้วเขาก็อาบน้ำแต่งกายใหม่
ซึ่งเป็นกิจวัตรประจำที่ต้องทำหลังจากออกไปทำงานหรือไปทำธุระอย่างอื่นนอกบ้านมา

หญิงวัยกลางคนเดินยกถาดที่มีโถน้ำผลไม้หนึ่งโถ  และสลัดหนึ่งจาน พร้อมอุปกรณ์การรับประทานครบชุดมาวางไว้ที่โต๊ะเพื่อบริการให้เจ้านายซึ่งเป็นประมุขของบ้านรับประทานหลังจากอาบน้ำเรียบร้อย  อันเป็นงานประจำของเธอที่ต้องปรนนิบัติรับใช้เจ้านายทุกเวลาที่เขากลับมาจากทำงาน  และต้องยืนรอจนกว่าผู้เป็นนายจะออกมาเพื่อสั่งงานต่อไป

โรเจอร์  แต่งกายด้วยชุดลำลองสบายๆ  หลังจากอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว  กลิ่นน้ำหอมกลิ่นเดิมลอยมาเตะจมูกน้ากานดาแม่บ้านในคฤหาสน์หลังนี้เหมือนเคยมา

กานดาดูแลปรนนิบัติรับใช้ โรเจอร์มาตั้งแต่เขาอายุสิบปี  นับตั้งแต่พี่สาวของเธอซึ่งเป็นแม่นมของโรเจอร์ ได้ลาออกจากงานเพื่อไปช่วยงาน และดูแลสามีที่ลงทุนทำสวนสับปะรดป้อนส่งโรงงานในเมืองซาวา ซึ่งอยู่ห่างไปสองร้อยไมล์  ปีนี้เธอก็อยู่ดูแลเจ้านายมาครบยี่สิบปีแล้ว และผูกพันกับที่นี่มาก

โรเจอร์ ทำหน้าที่เป็นประมุขของบ้าน  และมีอัธยาศัยอันดีต่อคนในบ้านแต่ก็เฉียบขาดในบางเรื่อง
ทุกคนที่ทำงานในคฤหาสน์หลังนี้หากใครไม่เคารพกฎของที่นี่ โรเจอร์จะสั่งให้ออกโดยให้เงินเดือนชดเชยล่วงหน้าไปสองเดือนด้วย
มีบางคนที่เคยอยู่ที่นี่แต่ไม่ทำตามกฎก็ต้องออกไปอย่างเสียใจ  เพราะไม่มีใครที่อยากจากไป  ทุกคนรักและผูกพันกับครอบครัว  ดร.สืบฟ้า  ซึ่งเป็นคุณพ่อของโรเจอร์

ซึ่งตอนนี้ดร.สืบฟ้า  ป่วยต้องนอนพักรักษาตัวด้วยโรคมะเร็งที่โรงพยาบาลในกรุงอมร   ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศสีหาอมร  ดร.สืบฟ้ามอบหมายให้โรเจอร์ลูกชายคนโตได้ทำหน้าที่ประมุขของบ้านหลังจากที่ ดร.ป่วย และต้องเข้าๆออกๆโรงพยาบาลเป็นประจำ

ส่วนคุณแม่ของโรเจอร์  ผู้มีนามว่า คุณพรฤดี  ก็เป็นผู้ที่มีนิสัยอ่อนโยน และเป็นคนสุภาพ   ลูกสองคนของของดร.สืบฟ้าและคุณพรฤดีมีนิสัยที่ดีเหมือนบิดามารดา  ไม่เคยใช้ความรุนแรงกับบ่าวในบ้าน  
ครอบครัว ดร.สืบฟ้าจึงเป็นครอบครัวที่บ่าวทุกคนรักและจงรักภักดี  และเป็นครอบครัวที่ไม่เคยมีประวัติไม่ดีไม่งามในการทำร้าย หรือเอาเปรียบคนทำงานในบ้านแต่อย่างใด

โรเจอร์ เข้ามานั่งบนเก้าอี้สีน้ำตาลที่ทำด้วยไม้อย่างดีที่มีเบาะหนาและนุ่มสีขาวพร้อมลวดลายดอกไม้ใบไม้ในโต๊ะรับประทานอาหารที่มีเก้าอี้อยู่สามตัว  เแล้วรินน้ำจากโถน้ำผลไม้ลงในแก้วเพื่อดื่ม
ชายหนุ่มดื่มน้ำผลไม้แล้วถามกานดาว่าวันนี้มีใครโทรศัพท์มาหาเขาหรือไม่ ด้วยเขานัดกับอติพงศ์ เพื่อนรัก เพื่อจะออกไปยังสนามเทนนิสเพื่อตีเทนนิสในช่วงบ่ายของวันนี้

“คุณอติพงศ์โทรมาบอกว่าจะไปรอที่สนามก่อนค่ะ  คุณแจ๊กกี้ จะเข้ามาคุยเรื่องของที่ประมูลได้จากสมาคมริเวอร์เพื่ออนุรักษ์วัตถุโบราณตอนหนึ่งทุ่มค่ะ”  หญิงวัยห้าสิบเศษๆตอบ
สมาคมริเวอร์เพื่ออนุรักษ์วัตถุโบราณ คือสมาคมที่ทำการสืบหาวัตถุโบราณตามร้านรับซื้อของโบราณ แล้วน้ำมาปรับปรุงแก้ไขตำหนิให้ดีขึ้นเพื่อนำออกมาขาย และยังมีการประมูลขายทุกเดือน

ณ ถ้ำมหันคา ถ้ำที่มีขนาดใหญ่ของของเผ่าเกซา ที่อยู่ในเทือกเขาฟาดุลเล คนในเผ่ากำลังวุ่นวายกับการคัดลอกคัมภีร์อธิกรัตน์  จากถ้อยคำผู้เฒ่าชาย- หญิง  ผู้นำการทำพิธีบวงสรวงเทพแห่งฤดูกาลทั้งสอง  ซึ่งกำลังท่องจำบทสวดในคัมภีร์ให้ผู้ที่ทำการบันทึกได้บันทึกเก็บไว้

เนื่องจากคัมภีร์ดังกล่าวได้ถูกขโมยไปจากหอคัมภีร์เมื่อห้าเดือนที่ผ่านมา  แต่การสวดก็เป็นไปอย่างกระท่อนกระแท่นเนื่องจากต้องคอยให้ผู้บันทึกได้เขียนบันทึกและหยุดเพื่อฟังท่อนใหม่และแก้ไขคำบางคำที่ผิดในเป็นระยะๆ

ผู้เฒ่าทั้งสองพยายามช่วยกันสวดให้เหมือนที่ตนเคยสวดมาหลายปี  แต่บางครั้งก็ไม่สามารถจดจำได้ดีพอ  จึงต้องทบทวนอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และคัมภีร์ก็มีความยาวมาก ถึงแม้เกิดความยากลำบากเพียงใดผู้เฒ่าทั้งสองก็ไม่ละความพยายามในการจดจำบทสวดให้ได้สมบูรณ์ที่สุดขอแต่เพียงให้ได้บันทึกไว้จนจบ
    เพื่อใช้ในการอ่านสวดในพิธีกรรมการบวงสรวง แทนคัมภีร์เล่มเดิมซึ่งเป็นคัมภีร์อันเก่าแก่ที่หายไปเป็นครั้งที่สอง บทสวดที่ถูกต้องจะทำให้พิธีบูชาเทพแห่งฤดูกาลนั้นสมบูรณ์ดี  ขณะนี้เวลาในพิธีบวงสรวงก็งวดเข้ามาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า  ซึ่งเผ่าเกซาต้องจัดพิธีใหญ่ในการบวงสรวงขอพรเทพแห่งฤดูกาลเพื่อการลงการกสิกรรมทุกปีในพื้นดินที่เป็นเนื้อที่ของเผ่า

  ภายนอกถ้ำก็เช่นกันเกิดความโกลาหลอย่างมากมายอันเนื่องจากต้องตามหาคัมภีร์อธิกรัตน์ อันศักดิ์สิทธิ์ให้ทัน เพื่อสำหรับให้ผู้เฒ่าที่นำสวดในพิธีบวงสรวงได้ใช้อ่านบวงสรวง ซึ่งภาษาในคัมภีร์เป็นภาษาของเผ่าเกซา โดยบรรพบุรุษได้ร่วมใจกันคิดค้นบทสวดที่มีเนื้อหาดี และไพเราะให้ทุกคนในเผ่าได้สวด

ความหมายในคัมภีร์นั้นสอนให้ทุกคนกระทำความดีและไม่ทำสิ่งที่เลวร้าย พึ่งพาช่วยเหลือกัน และไม่ทำร้าย ทำลายสิ่งต่างๆทั้งมีชีวิตและไม่มีชีวิต ตลอดจนการดูแลธรรมชาติให้คงอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ รวมถึงการกล่าวบูชาเทพทั้งหลายโดยเฉาะเทพแห่งฤดูกาล

หากเสาะหาไม่พบแล้วในวันบวงสรวงเกิดการสวดคำใด หรือท่อนใดผิดพลาดก็จะเป็นเหตุให้เกิดอาเพศ  ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมากจากพายุและน้ำท่วมใหญ่  เหมือนในครั้งอดีตที่เคยเป็นมาเมื่อสองปีหลังจากเกิดการหายไปของคัมภีร์

  คนในเผ่าจึงต้องหาวิธีแก้ไขเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่คัมภีร์หายไปเป็นหนที่สอง โดยให้ผู้เฒ่าผู้นำสวดชาย- หญิงสวดเนื้อหาในคัมภีร์เท่าที่จำได้ แล้วมาอ่านปรับปรุงจนถูกต้องสมบูรณ์ที่สุด  

สองปีก่อนเมื่อคัมภีร์ได้หายไป ก็ไม่มีคัมภีร์มาอ่านประกอบการบวงสรวง ทำให้เกิดความผิดพลาดในการสวด จึงเกิดเหตุอาเพศถัดจากวันทำพิธีหนึ่งวัน

  ผู้คนไม่ว่าเด็ก หรือคนชรา รวมทั้งสัตว์เลี้ยง สัตว์ป่าน้อยใหญ่ต้องล้มตายไปส่วนหนึ่ง ครานั้นเป็นโศกนาฏกรรมที่สร้างความสะเทือนขวัญให้คนในเผ่าอย่างรุนแรง  แต่ก็บังเอิญอย่างที่สุดเมื่อมาค้นหาคัมภีร์อธิกรัตน์เจอในบ้านของแม่เฒ่าเพตาในสองสามวันหลังจากเกิดอาเพศนั้น ซึ่งนั่นก็เป็นการหาคัมภีร์เจอเมื่อสายไปแล้วหลังผู้คนล้มตายเกือบหนึ่งพันคน การทำพิธีบูชาเทพเจ้าแห่งฤดูกาลครั้งต่อไปเหลือเวลาอีกเพียงห้าเดือนที่จะต้องตามหาคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์นี้ให้พบ


               แม่เฒ่าเพตานั้นอดีตเคยเป็นผู้นำทางพิธีฝ่ายหญิง ผู้ซึ่งพลาดโอกาสจากการเป็นผู้นำฝ่ายหญิงในพิธีบวงสรวงเทพแห่งฤดูกาลมาหลายปี  การทำพิธีบวงสรวงในระยะปีหลังๆมานี้ตำแหน่งอันทรงเกียรติของฝ่ายหญิงได้เป็นของแม่เฒ่าอโนรีแทนสาเหตุเพราะในหลายปีที่ผ่านมาแม่เฒ่าเพตามักขาดความระมัดระวังในการควบคุมการพูดจากับบุคคลต่างๆ และกิริยามารยาทก็เริ่มที่ไม่เหมะสมที่จะเป็นตัวแทนอันทรงเกียรตินี้ เพราะผู้นำการบวงสรวงทั้งชายหญิงนอกจากสามารถอ่านบทสวดได้ถูกต้องและไพเราะแล้ว คุณสมบัติที่ต้องมีอีกประการหนึ่งคือ เป็นผู้มีมารยาทอันงดงาม มีนิสัยอ่อนโยน ควบคุมตนเองได้ดีไม่ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมา ซึ่งจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้คนในเผ่าได้เห็น และภูมิใจในเชื้อสายเผ่าพันธุ์ตนเอง  อีกทั้งเผ่าเกซาก็ถือมั่นในความสงบมาช้านาน ไม่ต้องการให้ผู้ใดปฏิบัติตนให้คนในเผ่าปั่นป่วนโดยเฉพาะผู้นำด้านต่างๆต้องระมะระวังการพูดจา และกิริยามารยาทเป็นพิเศษแม่เฒ่าอโนรีผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมกว่าจึงได้รับคัดเลือกจากคณะผู้บริหารเผ่าเกซาให้เป็นผู้นำพิธีสวดบูชาเทพแห่งฤดูกาลอันศักดิ์สิทธิ์แทน

  เผ่าเกซามีชนเผ่าอยู่สองแสนคน  มากกว่าเผ่าใดในประเทศลานี ประเทศที่มีเทือกเขาฟาดุลเลอันกว้างใหญ่ขวางทางออกทะเลไว้  หากแต่มีเพียงอุโมงค์อาทิตรัตน์เพียงอุโมงค์เดียวเท่านั้นที่ให้รถไฟ และรถยนต์ผ่านไปได้โดยออกไปสู่สะพานข้ามไปยังดินแดนของอีกประเทศหนึ่งในทวีปมายา  ซึ่งเป็นสะพานเหล็กที่ไม่ยาวมากนักเนื่องจากทะเลที่ขวางกั้นสองประเทศนั้นเป็นแค่ช่องแคบ

และเผ่าเกซาก็อยู่อาศัยในแถบภูเขานี้มาหลายชั่วอายุคนมีลูกหลานได้ออกไปทำงานอยู่ทั่วโลก  รวมถึงท่านลาฟีอะผู้เป็นบุตรชายคนโตของหัวหน้าเผ่าเกซา พี่ชายของลายา หรือลายาณีที่ได้ทำงานและมีครอบครัวอยู่ทีประเทศปุรมาลี ในทวีปที่ห่างไกล

ภาพขนาดใหญ่นั้น เป็นภาพของแม่ชี(ท่านแม่) และท่านพ่อที่ถ่ายจากล้องถ่ายภาพในอดีต  ขณะที่ท่านทั้งสองเข้าพิธี สาเดวันยา หรือ พิธีแต่งงาน เมื่อสามสิบปีก่อน  

ท่านแม่เคยเล่าให้ลายาฟังว่าหลังจากแต่งงาน ท่านแม่ของลายา ก็ให้กำเนิดพี่ชายของลายา คือท่านพี่ ลาฟีอะในปีถัดมา และสิบปีต่อมาก็ให้กำเนิด ลายา  

ในอดีตนั้นท่านแม่ได้รู้จักกับท่านพ่อจากการที่ท่านแม่ได้มาปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของเจ้านายในหน่วยงานระดับสากลหน่วยงานหนึ่ง ทำให้ท่านแม่ที่มีหน้าที่ช่วยเหลือดูแลงานด้านเวชภัณฑ์ที่เผ่าเกซา ท่านแม่ในตอนนั้นมีรูปร่างค่อนข้างเจ้าเนื้อ มีนัตย์ตาสีน้ำเงิน ผิวสีขาวจัดเหมือนดังเช่นชาวซีกโลกเหนือโดยทั่วไป ท่านได้ทำงานอยู่ที่เผ่าเกซาสามปีเต็มจนกระทั่งสนิทสนมกับท่านพ่อซึ่งขณะนั้นเป็นบุตรชายคนโตของหัวหน้าเผ่า  ท่านพ่อมีรูปร่างสูงโปร่งเหมือนหนุ่มๆชาวเผ่าเกซาโดยทั่วไป  หากแต่มีลักษณะท่าทางเหมือนผู้ที่มีการศึกษาดีคนหนึ่งจึงทำให้ท่านแม่ในขณะนั้นก็เกิดความรู้สึกดีๆเป็นพิเศษต่อท่านพ่อขึ้นมา

ท่านพ่อและบ่าวไพร่มักจะช่วยกันทำอาหารประจำเผ่าให้หน่วยงานสากลที่ท่านแม่ทำงานด้วยได้รับประทานเป็นประจำ และบางครั้งก็สวมชุดประจำเผ่ามาที่พักของคณะทำงานของท่านแม่  ท่านแม่รู้สึกดีต่อท่านพ่อจนเกิดความประทับใจ  และชมชอบในเอกลักษณ์ของเผ่าเกซา   ตลอดจนนิสัยโอบอ้อมอารีของคนในเผ่า  ไม่นานท่านแม่ก็แจ้งท่านตาท่านยายว่ามีเพื่อนชายคนสนิท  ต่อมาก็กลายมาเป็นคนรักและแต่งงานกันตามพิธีของเผ่าเกซา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่