บิ๊กรถไฟดิ้นพล่านหวังรักษาเก้าอี้

กระทู้ข่าว
แหล่งข่าวในการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เกิดกระแสสะพัดเป็นการภายในว่า หลังการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟที่คาดว่า จะมีการแต่งตั้งนายทหารเข้ามาเป็นประธานบอร์ดรถไฟฯ เองแล้ว ยังมีกระแสข่าวว่าผู้บริหารการรถไฟฯ ในปัจจุบันคือ นายประภัสร์ จงสงวน ก็อยู่ในข่ายที่อาจจะถูกปรับเปลี่ยนด้วย ทำให้เกิดกระแสข่าวว่ามีความพยายามของฝ่ายบริหารปัจจุบัน ที่พยายามต่อสายไปยัง คสช.เพื่อต่อรองขออยู่ในตำแหน่งต่อจนกว่าจะครบเกษียณในอีก 7 เดือนข้างหน้า

โดยกก่อนหน้าผู้บริหารรถไฟฯ ได้มีการรับแกนนำสหภาพรถไฟฯ บางส่วนที่ถูกไล่ออกให้กลับเข้ามาทำงานอีกครั้ง โดยผู้บริหารรถไฟฯ ได้มีข้อตกลงกับสหภาพฯ ขอไม่ให้เคลื่อนไหว เพื่อแลกกับการรับพนักงานที่ถูกไล่ออกเหล่านี้กลับเข้ามาทำงาน และเพื่อเป็นเกราะกำบังไม่ให้ คสช. เข้ามาก้าวก่ายการทำงาน

อย่างไรก็ตามในส่วนของผู้บริหารการรถไฟฯ เองก็ดี มีความเคลื่อนไหวที่จะผลักดันคนในให้ขึ้นมาเป็นผู้บริหารองค์กร หาก คสช.มีการปรับเปลี่ยนตัวผู้ว่าการ โดยมีผู้บริหารภายใน 3-4 คน ที่กำลังมีความพยายามวิ่งเต้นเข้าหาอำนาจเพื่อจะได้เข้าตากรรมการ โดยผู้บริหารรถไฟฯ ที่มีภาษีมากที่สุดในขณะนี้คือ นายกมล ตั้งกิจเจริญชัย รองผู้ว่าการโครงสร้างพื้นฐาน  2 ที่เคยเป็นแคนดิเดทผู้ว่าการรถไฟฯ มาแล้วก่อนหน้านี้ เนื่องจากมีความสนิทสนมกับนายทหารใหญ่ ที่มีข่าวว่าอาจข้ามห้วยมานั่งเป็นประธานบอร์ดรถไฟฯ แต่นายกมลเองมีจุดอ่อนที่มีความสนิทชิดเชื้อกับ นายจิตต์สันติ ธนโสภณ อดีตผู้ว่าการรถไฟที่เคยถูก ปปช.ชี้ขาดว่าทุจริตร้ายแรงในโครงการแอร์พอร์ตลิงค์ มาก่อน

นอกจากนี้ ยังมี นายประเสริฐ อัตตะนันท์ รองผู้ว่าการด้านธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน ที่ถือเป็นอีกผู้หนึ่งที่มีบุคคลพยายามผลักดันให้ขึ้นมาเป็นผู้ว่าการรถไฟฯ ผ่านอดีตนายทหารระดับสูง แต่ประวัติของนายประเสริฐนั้น ยังมีเรื่องพัวพันกรณีสอบทุจริตในการรถไฟอยู่หลายโครงการ ส่วนคนนอกที่มีกระแสข่าวว่ามีโอกาสจะข้ามห้วยเข้ามานั่งการรถไฟคือ นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการบริษัท ขนส่ง จำกัด

“ในสภาวะเช่นนี้องค์กรม้าเหล็กแห่งนี้ ต้องการบุรุษขี่ม้าขาวผู้เพียบพร้อมทั้งด้านความรู้ความสามารถด้านวิศวกรรมและการบริหารมาช่วย ที่สำคัญต้องเป็นคนดีมีคุณธรรม มีหลักธรรมาภิบาลในการบริหาร ดังนั้น จึงสมควรแก่เวลาแล้วที่ คสช.จะต้องเด็ดขาดและเลือกบุคคลดีๆ ปราศจากการเป็นคนของนักการเมืองเข้ามาบริหาร เพราะสุดท้ายแล้วก็อาจจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้กับองค์กรได้ ซ้ำร้ายยังมาเกาะกินเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องน้องพี่ ทำให้องค์กรแห่งนี้ทรุดหนักไปกว่าเดิม”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่