สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
โรงพยาบาล (เปรียบเสมือน บริษัท ผลิตรถยนต์)
ขาย หุ้น IPO ให้กับประชาชน (เปรียบเหมือนขายรถยนต์มือ 1 ให้กับประชาชน)
คนมาซื้อเยอะแยะมากมาย และขายหมดแล้ว (ลูกค้ามาซื้อรถ มือ 1)
หลังจากนั้น หุ้นก็อยู่ในมือ นักลงทุน กองทุน นักลงทุนต่างชาติ
คนพวกนี้ขายหุ้นไป ซื้อหุ้นมา(เปรียบเสมือนขายรถมือ 2,3,4)
ก็ไม่ได้มีส่วนทำให้ โรงพยาบาลรวยขึ้นเลย
(เหมือน บริษัทผลิตรถยนต์ ก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับการขายรถมือ 2)
สรุป การลดการซื้อการขาย ลงไม่ได้ช่วยอะไรเลย ใครเห็นด้วย +1
@@@ คุณสามารถพิสูจน์ได้อย่างไรว่า การเพิ่มทุน หรือการขายหุ้นกับประชาชน มีส่วนทำให้ จริยธรรมแพทย์ ลดลง??
ขาย หุ้น IPO ให้กับประชาชน (เปรียบเหมือนขายรถยนต์มือ 1 ให้กับประชาชน)
คนมาซื้อเยอะแยะมากมาย และขายหมดแล้ว (ลูกค้ามาซื้อรถ มือ 1)
หลังจากนั้น หุ้นก็อยู่ในมือ นักลงทุน กองทุน นักลงทุนต่างชาติ
คนพวกนี้ขายหุ้นไป ซื้อหุ้นมา(เปรียบเสมือนขายรถมือ 2,3,4)
ก็ไม่ได้มีส่วนทำให้ โรงพยาบาลรวยขึ้นเลย
(เหมือน บริษัทผลิตรถยนต์ ก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับการขายรถมือ 2)
สรุป การลดการซื้อการขาย ลงไม่ได้ช่วยอะไรเลย ใครเห็นด้วย +1
@@@ คุณสามารถพิสูจน์ได้อย่างไรว่า การเพิ่มทุน หรือการขายหุ้นกับประชาชน มีส่วนทำให้ จริยธรรมแพทย์ ลดลง??
ความคิดเห็นที่ 14
จริงๆครับ ตอนนี้จรรยาบรรณของแพทย์ที่มีจปส.เพื่อช่วยเหลือที่เจ็บไข้ได้ป่วย กำลังเปลี่ยนเป็นมุ่งหวังผลตอบแทนต่อผถห.สูงสุด
เพราะยิ่งราคาหุ้นขึ้นมากเท่าไรก็ยิ่งกดดันไปสู่ผบห.ที่ต้องตอบสนองต่อราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ตัวผบห.แม้จะขึ้นชื่อว่าหมอ หรือไม่ใช่หมอก็ตาม คงไม่ได้ตรวจคนไข้ หรือรักษาผู้ป่วยเป็นงานหลักนานแล้ว
แต่คงมีแต่วางแผนเพื่อการเติบโตของกิจการไปเรื่อยๆ
หวังแต่จะเพิ่มรายได้ ลดต้นทุน
เอาง่ายๆ แต่ก่อนคุณเข้ารพ.พาลูกไปหาหมอตัวร้อนเป็นไข้
คุณเคยเจอมั้ยว่า ต้องเสียค่าผ้าเช็ดตัวผืนละ 5-10 บ. ในราคารพ.ผืนละ 50-100 บ.
ตอนกลับบ้านได้ผ้าเช็ดตัวเล็กๆกลับบ้านไปด้วย
ทั้งที่แต่ก่อนไม่เห็นจะมี มันเกดอะไร
แค่นี้ก็มองเห็นแล้วว่า รพ.เน้นแต่จะเอากำไรเป็นหลัก
หรือคุณสังเกตมั้ยเวลาติดต่อรพ.คำถามแรกที่เจอคือมีประกันหรือไม่
เพราะถ้ามีประกัน รพ.หรือหมอเนี่ยแหละจะขัดเต็มให้โดยไม่จำเป็น
สิ่งพวกนี้ไม่ได้พูดกันลอยๆ แต่มีหลักฐานว่า ประเทศไทยมีการใช้ยาปฏิชีวนะมาก
ซึ่งการใช้ยาพวกนี้โดยไม่จำเป็น หรือทานยาบ่อยๆ จะทำให้เกิดการดื้อยา
มีผลทำให้นานเข้าจะทำให้ประสิทธิภาพของยาตัวเดิมลดลง
สิ่งที่ตามมาคือก็จำเป็นต้องใช้ยาที่แรงขึ้นไปอีก เกิดผลกระทบกับผู้ป่วยโดยไม่จำเป็น และอาจทำให้ไตทำงานหนักขึ้นอีกตะหาก
คุณสังเกตมั้ยตั้งแต่รพ.ที่ชอบซื้อรพ.อื่นมากขึ้น
ค่ารักษามันขยับกันเป็นระบบ ตามระดับของรพ. เขยิบตามๆกัน
พวกนี้มองแล้วคล้ายๆฮั้วกันขึ้นราคา ทำให้ปชช.ไม่มีทางเลือก รักษาอยู่รพ.เดิม ก็ต้องยอมจ่ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะยิ่งราคาหุ้นขึ้นมากเท่าไรก็ยิ่งกดดันไปสู่ผบห.ที่ต้องตอบสนองต่อราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ตัวผบห.แม้จะขึ้นชื่อว่าหมอ หรือไม่ใช่หมอก็ตาม คงไม่ได้ตรวจคนไข้ หรือรักษาผู้ป่วยเป็นงานหลักนานแล้ว
แต่คงมีแต่วางแผนเพื่อการเติบโตของกิจการไปเรื่อยๆ
หวังแต่จะเพิ่มรายได้ ลดต้นทุน
เอาง่ายๆ แต่ก่อนคุณเข้ารพ.พาลูกไปหาหมอตัวร้อนเป็นไข้
คุณเคยเจอมั้ยว่า ต้องเสียค่าผ้าเช็ดตัวผืนละ 5-10 บ. ในราคารพ.ผืนละ 50-100 บ.
ตอนกลับบ้านได้ผ้าเช็ดตัวเล็กๆกลับบ้านไปด้วย
ทั้งที่แต่ก่อนไม่เห็นจะมี มันเกดอะไร
แค่นี้ก็มองเห็นแล้วว่า รพ.เน้นแต่จะเอากำไรเป็นหลัก
หรือคุณสังเกตมั้ยเวลาติดต่อรพ.คำถามแรกที่เจอคือมีประกันหรือไม่
เพราะถ้ามีประกัน รพ.หรือหมอเนี่ยแหละจะขัดเต็มให้โดยไม่จำเป็น
สิ่งพวกนี้ไม่ได้พูดกันลอยๆ แต่มีหลักฐานว่า ประเทศไทยมีการใช้ยาปฏิชีวนะมาก
ซึ่งการใช้ยาพวกนี้โดยไม่จำเป็น หรือทานยาบ่อยๆ จะทำให้เกิดการดื้อยา
มีผลทำให้นานเข้าจะทำให้ประสิทธิภาพของยาตัวเดิมลดลง
สิ่งที่ตามมาคือก็จำเป็นต้องใช้ยาที่แรงขึ้นไปอีก เกิดผลกระทบกับผู้ป่วยโดยไม่จำเป็น และอาจทำให้ไตทำงานหนักขึ้นอีกตะหาก
คุณสังเกตมั้ยตั้งแต่รพ.ที่ชอบซื้อรพ.อื่นมากขึ้น
ค่ารักษามันขยับกันเป็นระบบ ตามระดับของรพ. เขยิบตามๆกัน
พวกนี้มองแล้วคล้ายๆฮั้วกันขึ้นราคา ทำให้ปชช.ไม่มีทางเลือก รักษาอยู่รพ.เดิม ก็ต้องยอมจ่ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ความคิดเห็นที่ 16
คุณนั่นแหละที่ต้องพอสักที ไปศึกษาเรื่องหุ้นก่อน ให้รู้จริงแล้วค่อยมาพูด บริษัทจะได้เงินก็ต่อเมื่อบริษัทขายหุ้นให้ในตลาดแรกครับ มิใช่ตลาดรอง อย่ามั่ว
ประการแรก ที่โรงบาลต้องให้ญาตเซ็นรับรองก่อนรักษา เพราะมันเคยมีเหตุการณ์มาแล้วไง คือ โรงพยาบาลรักษาให้ แล้วคนไข้เสียชีวิต ญาติคนไข้ก็ไปฟ้องโรงพยาบาล ที่นี้เป็นเรื่อง โรงพยาบาลก็ต้องรับผิดชอบ ระบบแบบนี้มันก็เป็นทั้งโลกครับ ไม่พอใจก็ไปโรงบาลรัฐสิครับ
ประการที่สอง ธุรกิจทำแล้วไม่มีกำไรใครเขาจะทำกัน ปริมาณซื้อขายมาก มันก็ไม่ได้ทำให้บริษัทรวยขึ้นตรงไหน มีแต่จะทำให้บริษัทเสียเงิน ค่าใช้จ่ายด้านการบริหารหลักทรัพย์มากขึ้น ยิ่งมีคนถือหุ้นมาขึ้น บริษัทก็ต้องจ่ายเงินมากขึ้น ไหนๆจะค่าทำเอกสาร รายงานต่าง ของแจก คุณรู้ไหมว่าเวลา ขึ้น XD XM หรืออะไรก็แล้วแต่บริษัทจะต้องจ่าย ยิ่งมีจำนวณคนถือมาก บริษัทก็ต้องรับภาระมากขึ้นตามไปด้วย
ประการสุดท้าย ซื้อขายหุ้นในตลาดแล้วมันเสียสละเพื่อประเทศตรงไหน ลองไปดูสิว่า บริษัทไทเบฟ ที่ตอนนั้นมีพระมาปิดตลาดหลักทรัพย์ ไปดูก่อนว่าทำไมถึงมีใครได้ผลประโยชน์ ใครเสียผลประโยชน์ อีกอย่างไปดูสิว่าเอาเข้าตลาดสิงคโปร์แล้วคนไทยได้หรือเสีย เอาเงินไปแจกคนสิงคโปร์ชัดๆ
ลองคิดดูว่าทำไมต่างชาติถึงต้องหอบเงินเข้ามารักษา ใช้บริการโรงบาลในไทย ทั้งๆที่บ้านเขาก็มี แถมใหญ่กว่าโรงบาลในไทยเป็น10เท่า
ส่วนเรื่องเบียร์
บริษัทเขาใหญ่โตกันทั้งนั้น แทนที่จะเก็บภาษีปันผล ภาษีต่างๆ ก็ต้องเอาไปให้สิงคโปร์ บริษัทเบียร์หรือเครื่องดืมใหญ่ๆลองไปเปรียบเทียบดูเขาแบมือรับอยากให้จดทะเบียนในประเทศนั้นๆกันทั้งนั้น
ประการแรก ที่โรงบาลต้องให้ญาตเซ็นรับรองก่อนรักษา เพราะมันเคยมีเหตุการณ์มาแล้วไง คือ โรงพยาบาลรักษาให้ แล้วคนไข้เสียชีวิต ญาติคนไข้ก็ไปฟ้องโรงพยาบาล ที่นี้เป็นเรื่อง โรงพยาบาลก็ต้องรับผิดชอบ ระบบแบบนี้มันก็เป็นทั้งโลกครับ ไม่พอใจก็ไปโรงบาลรัฐสิครับ
ประการที่สอง ธุรกิจทำแล้วไม่มีกำไรใครเขาจะทำกัน ปริมาณซื้อขายมาก มันก็ไม่ได้ทำให้บริษัทรวยขึ้นตรงไหน มีแต่จะทำให้บริษัทเสียเงิน ค่าใช้จ่ายด้านการบริหารหลักทรัพย์มากขึ้น ยิ่งมีคนถือหุ้นมาขึ้น บริษัทก็ต้องจ่ายเงินมากขึ้น ไหนๆจะค่าทำเอกสาร รายงานต่าง ของแจก คุณรู้ไหมว่าเวลา ขึ้น XD XM หรืออะไรก็แล้วแต่บริษัทจะต้องจ่าย ยิ่งมีจำนวณคนถือมาก บริษัทก็ต้องรับภาระมากขึ้นตามไปด้วย
ประการสุดท้าย ซื้อขายหุ้นในตลาดแล้วมันเสียสละเพื่อประเทศตรงไหน ลองไปดูสิว่า บริษัทไทเบฟ ที่ตอนนั้นมีพระมาปิดตลาดหลักทรัพย์ ไปดูก่อนว่าทำไมถึงมีใครได้ผลประโยชน์ ใครเสียผลประโยชน์ อีกอย่างไปดูสิว่าเอาเข้าตลาดสิงคโปร์แล้วคนไทยได้หรือเสีย เอาเงินไปแจกคนสิงคโปร์ชัดๆ
ลองคิดดูว่าทำไมต่างชาติถึงต้องหอบเงินเข้ามารักษา ใช้บริการโรงบาลในไทย ทั้งๆที่บ้านเขาก็มี แถมใหญ่กว่าโรงบาลในไทยเป็น10เท่า
ส่วนเรื่องเบียร์
บริษัทเขาใหญ่โตกันทั้งนั้น แทนที่จะเก็บภาษีปันผล ภาษีต่างๆ ก็ต้องเอาไปให้สิงคโปร์ บริษัทเบียร์หรือเครื่องดืมใหญ่ๆลองไปเปรียบเทียบดูเขาแบมือรับอยากให้จดทะเบียนในประเทศนั้นๆกันทั้งนั้น
ความคิดเห็นที่ 21
สรุปเข้าใจว่าความหมายของเจ้าของกระทู้คงหมายถึง
ไม่อยากให้โรงพยาบาล เข้ามาระดมทุน เอาหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์
เพราะเอาเข้าตลาด โรงพยาบาลก็ต้อง Maximize Profit
ทำให้ค่ารักษาแพงเกินจริง และเมื่อระดมทุนให้ ผู้ถือหุ้นช่วยกันซื้อหุ้นเพิ่มทุน
รพ.มีเงินไปไล่ซื้อ รพ.อื่น เอาเข้ามาในเครือ เหมือนปลาใหญ่กินปลาเล็ก
ไม่อยากให้โรงพยาบาล เข้ามาระดมทุน เอาหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์
เพราะเอาเข้าตลาด โรงพยาบาลก็ต้อง Maximize Profit
ทำให้ค่ารักษาแพงเกินจริง และเมื่อระดมทุนให้ ผู้ถือหุ้นช่วยกันซื้อหุ้นเพิ่มทุน
รพ.มีเงินไปไล่ซื้อ รพ.อื่น เอาเข้ามาในเครือ เหมือนปลาใหญ่กินปลาเล็ก
แสดงความคิดเห็น
พอกันทีเถอะครับ หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล VIBHA, BCH, BGH, BH, VIH, KDH, NEW, SVH, AHC วอนจิตสำนึกทุกท่านช่วยลดปริมาณการซื้อขาย
แต่ทุกท่านรู้ไหมครับว่า การเลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลนั้น เป็นสิ่งที่ทำให้จิตสำนึกของสังคมไทยลดน้อยลงไปโดยที่เราไม่รู้เท่าทัน
ประการแรก
เมื่อการลงทุนในหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลได้เม็ดเงินที่กระจายลงไป เจ้าของหรือผู้ถือหุ้นก็จะต้องดำเนินการให้เกิดผลกำไรมากที่สุด ซึ่งในที่นี้ผมเคารพวิชาชีพของบุคลากรสายการแพทย์ทั้งหมดครับ แต่จะเป็นไปไม่ได้เลยที่เจ้าของจะกำหนดนโยบายที่เป็นปฏิปักษ์ต่อผลประกอบการของตัวเองครับ
เช่น มีกรณีที่เกิดขึ้นจริงและบ่อยมาก ซึ่งคนไข้ฉุกเฉินได้เข้าไปโรงพยาบาล แพทย์เวรได้แต่ทำการรักษาแผลภายนอก ปฐมพยาบาล แต่ไม่สามารถที่จะดำเนินการผ่าตัดกรณีฉุกเฉินได้ หากญาติยังไม่ได้มาเซ็นต์รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ซึ่งต่างกับกรณีโรงพยาบาลทั่วไปที่ไม่ได้มีนโยบายที่ได้กำหนดมาจากเจ้าของ .... เรื่องนี้บางท่านคิดว่าไม่เป็นไร เรามีเงิน แต่อย่ากระนั้นเลยครับ หากวันนึงเหตุการณ์เหล่านี้ได้เกิดกับผมหรือท่านหรือคนรอบข้างของเราครับ
ประการที่สอง
มิติมุมมองของนักลงทุนต่อตลาดทุน ซึ่งไม่ได้มีข้อกำหนดหรอกครับว่า ธุรกิจประเภทใดควรหรือไม่ควรเข้ามาในตลาดหุ้น แต่ด้วยจิตสำนึกของสังคมหรือของทุกท่านเองครับที่จะตอบได้ว่าควรหรือไม่ ครั้งหนึ่งพวกเราเคยต่อต้านหุ้นบริษัทเบียร์ไม่ให้เข้าตลาดทุน เพราะการได้มาซึ่งเงินลงทุนจะทำให้เกิดการขยายกำลังการผลิตที่มอมเมาคนอื่น ๆ ได้ และจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อไปที่การเสพย์ของมึนเมาชนิดอื่นที่เพิ่มขึ้นในสังคมไทยครับ .... เรื่องนี้อาจจะทำให้บางท่านฉุกคิดได้ว่า ตลาดทุนนั้นก็มีมาตรฐานที่เค้าเรียกกันว่า มาตรการพื้นฐานทางสังคม ซึ่งหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลเองนั้นถือเป็นการส่งเสริมให้โรงพยาบาลได้ขยายตัวต่างกับหุ้นบริษัทเบียร์ก็จริง แต่อย่าลืมนะครับว่าอีกแง่มุมหนึ่งนั้น นักธุรกิจได้ก้าวล่วงเข้าไปควบคุมวิชาชีพที่ควรจะไปรักษาคนไข้ตามมนุษยธรรม ไม่ใช่ตามกำลังเงินของคนไข้ เพราะชีวิตสำคัญกว่าตัวเลขกว่าเงินลงทุนมากนะครับ
พวกเราควรจะมีการเปลี่ยนมุมมองใหม่ต่อหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลนี้ครับ อย่าให้เงินทุนของพวกเราทำให้มาตรฐานทางสังคมเปลี่ยนไปเลยครับ จึงขอร้องให้นักลงทุนทุกท่านช่วยลดปริมาณการซื้อขายหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลในพอร์ตการลงทุนเถอะครับแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม ซึ่งเราไม่มีทางรู้หรอกครับว่าสิ่งเล็กๆน้อยๆที่เรามองข้ามไปอาจจะกระทบกับลูกเรา หลานเรา หรือคนรอบข้างของเราได้ในอนาคต
บางท่านอาจคิดว่า ถ้าเราไม่ซื้อคนอื่นก็ซื้อ แล้วจะมีประโยชน์ได้อย่างไร ผมจะขอบอกอย่างนี้ครับว่า สิ่งที่เราทำกันตอนต้นนี้ไม่ได้กระทบกับหุ้นกลุ่มนี้อย่างมีสาระสำคัญหรอกครับ ปริมาณการซื้อขายใหญ่ๆนั้นอยู่ที่กองทุนหรือนักลงทุนต่างประเทศ แต่หากเพียงเรื่องนี้นอกจากจะเป็นจุดเริ่มต้นให้ทุกท่านได้เล็งเห็นและได้เลือกในสิ่งที่เหมาะสมกับสังคมไทยแล้วนั้น เสียงเล็กๆและการกระทำของพวกเรานี้ก็จะขยายผลออกไปให้เพื่อนๆนักลงทุนคนอื่นได้ตระหนักแน่นอนครับ และในวันนั้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้อาจจะเบาบางลงและเพิ่มจิตสำนึกในสังคมไทยเราได้ดังที่ทุกท่านหวังไว้ครับ
หรือบางท่านอาจคิดว่า กระทู้นี้จะเป็นการต่อต้าน หรือ จขกท. ตกรถหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลหรือเปล่า ผมขอพูดด้วยความสัตย์จริงเลยครับว่าหลักการซื้อหุ้นทุกตัวของผมจะต้องดูที่มาและที่ไปของเงินทุนด้วยทุกครั้งครับ ผมไม่มีและไม่คิดจะซื้อจะขายหุ้นกลุ่มนี้ตลอดชีวิตผมนะครับ มีแต่จะเอากำไรจากการลงทุนให้หุ้นธุรกิจทั่วไปไปบริจาคให้โรงพยาบาลทั่วไปที่ขาดแคลนเท่านั้นครับ
ท้ายที่สุดนี้ หากท่านได้อ่านและพิเคราะห์ถึงเหตุผลว่าสมควรแล้ว ก็อย่าได้รีบร้อนขายหุ้นกลุ่มนี้ในพอร์ตทิ้งนะะครับ รอให้ท่านได้กำไรรอบนี้จากหุ้นในพอร์ตตามที่ท่านคาดหวังไว้ และเพียงแค่ในวันข้างหน้าทุกท่านไม่ซื้อเพิ่มเข้ามาก็เพียงพอครับ และถ้าทุกท่านคิดว่าสิ่งที่ทำนี้จะทำให้การลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ได้เบาบางลงและจะส่งผลดีต่อภาพรวมในสังคมไทย ก็ช่วยกระซิบบอกเล่าให้เพื่อนท่านอื่นๆ รับฟังไว้บ้างก็ได้นะครับ หากเพื่อนท่านนั้นเห็นด้วยก็จะทำตามเองครับ ช่วยกันคนละนิดนะครับ อย่าได้ละเลยสิ่งเล็กๆน้อยๆไปเลยครับ อย่างไรเสียก็ประเทศของเรา ก็สังคมไทยเรา เราก็ต้องอยู่ด้วยกันครับ
ขอขอบคุณแทนสังคมไทยนะครับ