ทัศนคติเปลี่ยนชีวิต : จากเด็กน้อยไร้อนาคต สู่ นักธุรกิจหนุ่ม . . .
นับจากวันที่ผม
“กำลังจะโดนไล่ออกจากมหาวิทยาลัย” ด้วยเกรดเฉลี่ยต่ำกว่า 2 แถมพ่วงท้ายด้วยการติดโทษทัณฑ์ทั้งเมาสุราในมหาวิทยาลัยและทะเลาะวิวาทในมหาวิทยาลัย ถ้าผมทำผิดอีกครั้งไม่ว่ากรณีใดๆก็ตามผมจะโดน
“พักการเรียน 1 เทอม” ความเหลวไหลอย่างสุดขั้วทำให้ผู้คนรอบกายก็พากันเป็นห่วงถึงอนาคตของผม … 10 ปี ผ่านไปไวเหมือนโกหก จากเด็กน้อยไร้อนาคตได้กลายเป็นหนุ่มที่มีอนาคตที่สดใส ตอนนี้ผมบริหารพอร์ทการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มูลค่าแปดหลัก ผมมีร้านเครื่องเขียน ผมเป็นเจ้าของร้านส้มตำเล็กๆที่พึ่งเปิดใหม่ ผมเป็นทีมผู้บริหารของธุรกิจครอบครัวที่มีพนักงานหลายสิบคน!!!
คำถามสำคัญ คือ ในช่วงที่กำลังย่ำแย่ตกต่ำ ผมเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองได้อย่างไร?
ตอนนั้นอยู่ในช่วงปิดเทอมปีสองกำลังจะขึ้นปีสาม ซึ่งผมกลับมาช่วยงานที่บ้านเช่นเคยแต่ปีนี้ต่างออกไปจากทุกปี คือ เรากำลังย้ายร้าน กำลังอยู่ในช่วงขนของ ย้ายจากที่เก่าไปที่ใหม่ เพราะไปซื้ออาคารพาณิชย์เป็นของตัวเองครั้งแรกหลังจากที่เช่ามาหลายที่รวมระยะเวลาเป็น 10 ปี กลางวันย้ายของกลางคืนผมนอนเฝ้า เพราะ กลัวของหาย เนื่องจากร้านใหม่ยังทำไม่เรียบร้อยดี ... ซึ่งในช่วงนั้นตัวผมเองก็กำลังย่ำแย่เพราะกำลังจะโดนไล่ออกจากมหาวิทยาลัย ถ้าต่อไปทำได้ไม่ดีพอมีหวังเรียนไม่จบแน่ๆ ... ผมเฝ้าอยู่คนเดียวมี อยู่คนเดียวอยู่กับตัวเองนอนมองเพดานโดยมีวิทยุเป็นเพื่อนมีพัดลมเป็นสหาย ผมนอนฝ้าเพดานตึกอย่างเดียวดายอยู่หลายอาทิตย์ ในแต่ละวันที่ผ่านไปก็ค่อยๆนอนก่ายหน้าผากคิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา
การทบทวนตัวเองทำให้รู้ว่า ข้อบกพร่อง ข้อผิดพลาด และ ข้อจำกัดหลายๆอย่างที่ผ่านมา
ใจว่างๆกับวันว่างๆ ผมเริ่มรู้สึกอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ แต่จะเปลี่ยนแปลงอย่างไร? อะไรดลใจไม่อาจทราบได้เมื่อผมไปซื้อหนังสือที่มีชื่อว่า
“คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก" ที่เขียนโดย David J. Schwartz และ เรียบเรียงโดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร มาอ่าน ผมอ่านจบหลายรอบ ผมประทับใจมาก มากจนมันไหลเข้าไปในสมองและมันค่อยๆซึมเข้าไปในตัวผม หนังสือเล่มนี้มันค่อยๆเข้าไปเปลี่ยน
"ทัศนคติ" ในตัวของผม ความรู้สึกนึกคิดของผมเริ่มเปลี่ยนไป หนังสือเล่มนี้เหมือนผมมีคำตอบให้ผมว่า
ผมควรจะเริ่มเปลี่ยนแปลงจากภายในตัวเราเอง!!!
ผมพยายามมองหาหนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการปรับ
“ทัศนคติ” มาอ่านให้มากยิ่งขึ้น หนังสือเรื่องทัศนคติเชิงบวก หนังสือสร้างแรงบันดาล หนังสือปรับกรอบความคิด หนังสือสู้แล้วรวย ล้มแล้วลุก ลุกแล้วรวย แรงใจไม่มีวันหมด ... การเปลี่ยนแปลงมันไม่ได้เกิดขึ้นได้ในวันเดียว จากหนังสือเล่มแรกผ่านมาจนถึงวันนี้ใช้เวลาเกือบ 10 ปี อ่านหนังสือไปมากมายความคิดเปลี่ยนไปมากมาย
แต่ก่อนผมมักจะบอกกับตัวเองว่า
“อย่าทำเลย เราทำไม่สำเร็จหรอก”
ทุกวันนี้ผมกลับบอกตัวเองเสมอว่า
“เราทำแล้วจะสำเร็จหรือเปล่าไม่รู้ รู้แต่ถ้าว่าไม่ลงมือทำ ไม่สำเร็จแน่นอน”
แต่ก่อนผมเคยถามตัวเองว่า
“เราจะร่ำรวยได้จริงหรือ?”
ทุกวันนี้เปลี่ยนมาถามตัวเองว่า
“ทำไมเราถึงจะไม่ร่ำรวย?”
แต่ก่อนผมมักรำพึงรำพันกับตัวเองว่า
“ชีวิตคงเป็นได้เท่านี้”
ทุกวันนี้ผมกลับมาสงสัยเหลือเกินว่า
“ชีวิตนี้ผมจะไปได้ไกลขนาดไหนกันนะ”
ทัศนคติเปลี่ยน ... ความคิดเปลี่ยน ... การกระทำเปลี่ยน ... ชีวิตก็เปลี่ยนไป
ไม่จำเป็นต้องเชื่อผม แต่ผมแค่ท้าให้คุณลอง!!!
…[^_^]…
ปล.
ผมทำอะไรอย่างไร ลงทุนหรือทำธุรกิจอย่างไร ตามเข้าไปอ่านใน Profile ของผม
“มาม่าปลากระป๋อง” ได้ครับผมแต่อาจจะไม่ครบทุกเรื่อง เพราะ พันทิปเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ไม่ได้รองรับการเก็บข้อมูลเช่นในปัจจุบันบทความเก่าๆจึงไม่มี หรือ ถ้าต้องการอ่านแบบครบๆตั้งแต่ยุคๆแรกก็ตามไปที่ลิงค์นี้ได้เลย ...
http://goo.gl/aE4zV
ไหนๆก็ไหนๆแล้วครับ ผมขอรีวิวสั้นๆแนะนำหนังสือในดวงใจของผมเลยแล้วกันนะครับเผื่อท่านใดสนใจ
หนังสือในดวงใจที่ผมแนะนำให้อ่านเหล่านี้โดยส่วนมากจะเป็นหนังสือแนวทัศนคติและให้แรงบันดาลใจ ทำไม? เพราะผมเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันต้องเริ่มจากภายใน เมื่อเรามีแรงบันดาลใจ
“ใจ” ก็จะบันดาล
“แรง” มาให้เรา ใจสั่งสมองให้คิด ร่างกายก็ฮึกเหิม ณ เวลานั้นวิธีการที่จะทำมันก็จะตามมาเอง ...
หนังสือที่ผมกำลังรีวิวแนะนำเหล่านี้ ทุกๆท่านสามารถหาซื้อได้ในท้องตลาดปัจจุบันครับ ถ้าอันไหนเก่ามากๆหรือที่ผมไม่เห็นตามร้านหนังสือในปัจจุบันจะไม่รีวิวนะครับเพราะเดี๋ยวจะหาซื้อมาอ่านกันไม่ได้ ...
1. "คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก"
เป็นหนังสือเล่มแรกๆที่เริ่มเปลี่ยนชีวิต... ผมอ่านหนังสือเล่มนี้ในปี 2548 เป็นช่วงที่ผมกำลังจะโดนไล่ออกจากมหาวิทยาลัย(เพราะเกรดเฉลี่ยรวมต่ำกว่า 2)!!!!! ผมอ่านจบหลายรอบมันอิน และมันค่อยๆซึมเข้าไปในตัวผม หนังสือเล่มนี้มันค่อยๆเข้าไปเปลี่ยน
"ทัศนคติ" ของผมไปตลอดกาล
2. "ยังหายใจ ต้องไม่แพ์"
รวบรวมทีเด็ดของคอลัมน์
"ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ" ของคุณ
"หนุ่มเมืองจันท์" ... เดิมทีผมเห็นหนังสือเล่มนี้วางขายใน 7-11 แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ลองหยิบอ่านสักที ... แต่ในท้ายที่สุดก็ได้อ่าน เพราะเพื่อนสนิทให้มาลองอ่านดู(ขอบคุณอีกครั้ง) ... ความรู้สึกหลังอ่านจบคือ ถ้าไม่ได้อ่านเสียดายแย่หนังสือดีๆแบบนี้ ... หนังสือเล่มนี้ให้ทั้งแรงบันดาลใจให้ทั้งคมคิดธุรกิจ ... ที่สำคัญเล่มละ 59 บาท!!!!
3. "ความฝันของความฝัน"
ของคุณดำรงค์ วงษ์โชติปิ่นทอง(พิณคุณ) เป็นหนังสือระดับ
"ขึ้นหิ้ง" อีกเล่มหนึ่งของผม ... เป็นเรื่องราวของเด็กน้อยผู้มีความฝันและกำลังพยายามทำฝันของตัวเองให้เป็นจริง การเล่าเรื่องนั้นอ่านง่ายลักษณะนิทานแต่เนื้อหาคมกริบบาดใจ ... ผมถูกใจถึงขนาดที่ว่าเมื่ออ่านจบผมไปซื้อหนังสือเล่มนี้มาอีก 10 เล่ม!!! ผมซื้อไปแจกน้องๆญาติๆผมที่กำลังเรียนหนังสืออยู่ทุกคน!!! อย่าลืมไปจัดมาอ่านกันนะครับ
ประโยคส่วนหนึ่งของหนังสือ
"เรื่องราวของมนุษย์ที่มีความรักและต้องการสร้างความฝันให้เป็นความจริง ความฝันจุดเล็กๆ ที่สร้างความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ มีคนมากมายที่มีความฝัน แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำให้เป็นความจริง!"
"คนสำเร็จ คือ คนที่ทำทุกอย่างที่ตนคิด"
"คนล้มเหลว คือ คนที่คิดทุกอย่างแต่ ไม่เคยทำ"
ปล. หนังสือของคุณดำรงค์ อีกหลายๆเล่มก็มีเนื้อหาดีครับ ถ้าชอบหรือสนใจก็ไปตามต่อกันเองเด้อ ...[^_^]...
4. “ยกเครื่องความคิด” “Rework”
หนังสือจากค่าย “Welearn” หนังสือดีอีกเล่มที่ผมแนะนำให้อ่าน ใครสนใจอยากจะทำธุรกิจหรือกำลังทำธุรกิจอยู่แนะนำให้ซื้อหามาอ่านกันครับ ความคิดฉีกแนวหนังสือธุรกิจแบบเดิมๆมาก เนื้อหาที่เต็มไปด้วยไอเดียน่าสนใจ ... ถ้ายังนึกภาพไม่ออกว่าฉีกแบบไหนอลองดูตัวอย่างเนื้อเรื่องในเล่มครับ ... จงตามหลังคู่แข่ง ... อย่าเรียนรู้จากความล้มเหลว ... อย่าขยายธุรกิจ ... อย่าเลือกพนักงานจากรีซูเม ... แรงบันดาลใจมีวันหมดอายุ ... ปล่อยพนักงานกลับบ้านเร็วๆ!!!
ปล. เพิ่มเติมหนังสือของ สนพ.Welearn มีหนังสือแนวคิดและการทำธุรกิจดีดีเยอะครับ แต่เสียอยู่อย่างเดียวออกมาเยอะและไวมากจนตามอ่านไปทันกันเลยทีเดียว เอ หรือว่าผมอ่านช้าไปนะ 555+
5. “เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด”
หนังสือที่ อ.คิมรันโด แห่งมหาวิทยาลัยโซล เขียนถึงลูกชายวัย 20 ปีที่กำลังเจ็บปวด เคว้งคว้าง ไร้จุดหมาย ... ความเคว้งคว้างนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ลูกชายของอาจารย์คิมรันโดเท่านั้นที่กำลังประสบอยู่ ความจริงความเคว้งคว้างนี้มันเกิดขึ้นกับคนทุกเพศทุกวัยในปัจจุบัน นี่คงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมหนังสือเล่มนี้ถึงมียอดขายถล่มทลายหลายล้านเล่มและถูกแปลไปหลากหลายภาษา ... ท่านใดกำลังเคว้งคว้างอยู่แนะนำให้จัดมาโดยด่วน ส่วนท่านใดที่มีแนวทางอยู่แล้วแต่ถ้าได้อ่านหนังสือดีๆแบบนี้ตอกย้ำเข้าไปอีกย่อมดีกว่าแน่นอน ...
ประโยคส่วนหนึ่งขอหนังสือ
“ชีวิตของเราก็เหมือนจิ๊กซอว์ขนาดใหญ่ที่จะต้องต่อ “ทีละชิ้นๆ” ให้ประสานกันอย่างดี ... ไม่มีใครรู้ได้ว่าภาพจิ๊กซอว์ชีวิตจะออกมาเป็นอย่างไรจนกว่าจะต่อเสร็จ และมีเพียงตัวเราเองเท่านั้นที่จะต้องต่อภาพนั้นขึ้นเองทีละน้อย”
จากงานเขียนของอาจารย์มหาวิทยาลัยโซล เกาหลี เรามาบินข้ามโลกไปดูผลงานเขียนของอาจารย์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกา กันบ้าง
6. “น่าจะรู้อย่างนี้ตั้งแต่ตอนอายุ 20”
เป็นงานของอาจารย์ Tina Seeling จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด จากชีวิตที่เคว้งคว้างของ ไม่แน่นอนของเด็กน้อย ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่ในหนังสือเล่มนี้มีเป็นทีเด็ดเคล็ดลับที่จะทำให้เราไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป ... ผมเคยนำหนังสือเล่มนี้ไปในน้องสาวในวัย 20 อ่าน 2 สัปดาห์ผ่านไปผมถามน้องสาวว่าเป็นยังไงบ้างหนังสือ “ไม่ค่อยมันส์อ่ะ ยังอ่านไม่จบเลย” ... ผมก็ “อืมมมมมมม” ... หนังสือเล่มนี้คนอายุ 20 อ่านมันอาจจะไม่โดนใจ แต่คนที่โดนใจจริงกลับเป็นคนที่อายุเยอะกว่านั้นต้องล้มเหลวและผ่านการงงงวยในชีวิตมาก่อน สรุปว่า ต้องแก่ก่อนสินะ ถึงจะบอกว่าน่าจะรู้อย่างนี้ตั้งแต่ตอนอายุ 20!!!!! 5555+
ถ้าหาใครเคยได้ยินเรื่องเล่าทางธุรกิจระดับตำนานเรื่อง “ใช้เงิน 5 ดอลลาร์ไปทำธุรกิจแล้วสามารถทำเงินได้ 650 ดอลลาร์ โดยใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมง” ที่มานั้นมาจากหนังสือเรื่องเล่มเอง ... มีแต่ ไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์ และแรงบันดาลใจ ล้วนๆ หนังสือดีครับแนะนำ
7. “100 คนคิด 10 คนทำ 1 คนสำเร็จ”
ของ คุณพรหมมาตร์ ชายสิม ต้องบอกว่า
"สุด" ครับสำหรับหนังสือเล่มนี้ ... ผมชอบมากๆหนังสือแนวสู้ชีวิตแบบนี้อ่านแล้วมันมีพลัง!!! ... จากเด็กวัด ไปเป็นกรรมกร กลายเป็นพนักงานขาย เริ่มต้นทำธุรกิจด้วยเงินเพียงน้อยนิด และ ก็ประสบความสำเร็จร่ำรวยในที่สุด ... หนังสืออ่านง่าย ลับคมความคิด ตอกย้ำกำลังใจ และได้คติ ... ใครยังไม่ได้อ่านเล่มนี้ต้องจัดมาโดยด่วนครับ!!!
ประโยค คมๆ เช่น ...
... ที่ผ่านมาคุณบอกว่า “ไม่มีโอกาส” แล้วถ้าโอกาสมาคุณจะบอก “กลัว ไม่กล้า” เมื่อเป็นอย่างนี้จะร้องเรียกหาโอกาสไปทำไม ...
หนังสือเล่มนี้พิมพ์ครั้งแรกตั้งแต่ปี 51 แต่ปัจจุบันก็พิมพ์ออกมาเรื่อยๆตอนนี้ครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ ... ท่านใดสนใจ เมื่อเข้า 7-11 ครั้งในลองมองหาดูครับ ราคา 69 บาท!!!!
8. "พ่อรวยสอนลูก"
ของคุณ Robert T. Kiyosaki ผมเชื่อว่าสรรพคูณของหนังสือชุดนี้คงไม่ต้องกล่าวอธิบายให้มากความเย้นเย้อ หนังสือดียอดขาดถล่มทลายทั่วโลก หนังสือเล่มนี้เป็นแรงบันดาลใจให้เกิด นักลงทุน นักธุรกิจ หน้าใหม่ๆมากมาย รวมทั้งตัวผมเอง ... แนวคิดในการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แบบเน้นกระแสเงินสดของผม ต้นแบบก็ไม่ใช้ใครที่ไหน ผมก็ลักจำจากหนังสือของคุณโรเบริตแล้วมาทำนี่ละครับ
เล่มที่ผมขอย้ำเลยนะครับว่าต้องอ่าน
"พ่อรวยสอนลูก" "เงินสี่ด้าน" และ
"พ่อรวยสอนลงทุน" ส่วนเล่มอื่นก็ดีครับแต่โดยมาจะเป็นการแตกเนื้อหาออกมาจาก 3 เล่มนี้
ในชุดแรกนี้ผมขอแนะนำ 10 เล่มก่อนนะครับ ไปซื้อหามาอ่านกันเพลินตาเพลินใจกันเลย แต่ในอันดับที่ 8 นี้จัดเป็นชุดครับเพราะแนะนำทีเดียว 3 เล่มเลย โอกาสหน้าจะมาแนะนำเพิ่มเติมให้นะครับ
...[^_^]...
ทัศนคติเปลี่ยนชีวิต : จากเด็กน้อยไร้อนาคต สู่ นักธุรกิจหนุ่ม . . .
นับจากวันที่ผม “กำลังจะโดนไล่ออกจากมหาวิทยาลัย” ด้วยเกรดเฉลี่ยต่ำกว่า 2 แถมพ่วงท้ายด้วยการติดโทษทัณฑ์ทั้งเมาสุราในมหาวิทยาลัยและทะเลาะวิวาทในมหาวิทยาลัย ถ้าผมทำผิดอีกครั้งไม่ว่ากรณีใดๆก็ตามผมจะโดน “พักการเรียน 1 เทอม” ความเหลวไหลอย่างสุดขั้วทำให้ผู้คนรอบกายก็พากันเป็นห่วงถึงอนาคตของผม … 10 ปี ผ่านไปไวเหมือนโกหก จากเด็กน้อยไร้อนาคตได้กลายเป็นหนุ่มที่มีอนาคตที่สดใส ตอนนี้ผมบริหารพอร์ทการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มูลค่าแปดหลัก ผมมีร้านเครื่องเขียน ผมเป็นเจ้าของร้านส้มตำเล็กๆที่พึ่งเปิดใหม่ ผมเป็นทีมผู้บริหารของธุรกิจครอบครัวที่มีพนักงานหลายสิบคน!!!
คำถามสำคัญ คือ ในช่วงที่กำลังย่ำแย่ตกต่ำ ผมเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองได้อย่างไร?
ตอนนั้นอยู่ในช่วงปิดเทอมปีสองกำลังจะขึ้นปีสาม ซึ่งผมกลับมาช่วยงานที่บ้านเช่นเคยแต่ปีนี้ต่างออกไปจากทุกปี คือ เรากำลังย้ายร้าน กำลังอยู่ในช่วงขนของ ย้ายจากที่เก่าไปที่ใหม่ เพราะไปซื้ออาคารพาณิชย์เป็นของตัวเองครั้งแรกหลังจากที่เช่ามาหลายที่รวมระยะเวลาเป็น 10 ปี กลางวันย้ายของกลางคืนผมนอนเฝ้า เพราะ กลัวของหาย เนื่องจากร้านใหม่ยังทำไม่เรียบร้อยดี ... ซึ่งในช่วงนั้นตัวผมเองก็กำลังย่ำแย่เพราะกำลังจะโดนไล่ออกจากมหาวิทยาลัย ถ้าต่อไปทำได้ไม่ดีพอมีหวังเรียนไม่จบแน่ๆ ... ผมเฝ้าอยู่คนเดียวมี อยู่คนเดียวอยู่กับตัวเองนอนมองเพดานโดยมีวิทยุเป็นเพื่อนมีพัดลมเป็นสหาย ผมนอนฝ้าเพดานตึกอย่างเดียวดายอยู่หลายอาทิตย์ ในแต่ละวันที่ผ่านไปก็ค่อยๆนอนก่ายหน้าผากคิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา
การทบทวนตัวเองทำให้รู้ว่า ข้อบกพร่อง ข้อผิดพลาด และ ข้อจำกัดหลายๆอย่างที่ผ่านมา
ใจว่างๆกับวันว่างๆ ผมเริ่มรู้สึกอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ แต่จะเปลี่ยนแปลงอย่างไร? อะไรดลใจไม่อาจทราบได้เมื่อผมไปซื้อหนังสือที่มีชื่อว่า “คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก" ที่เขียนโดย David J. Schwartz และ เรียบเรียงโดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร มาอ่าน ผมอ่านจบหลายรอบ ผมประทับใจมาก มากจนมันไหลเข้าไปในสมองและมันค่อยๆซึมเข้าไปในตัวผม หนังสือเล่มนี้มันค่อยๆเข้าไปเปลี่ยน "ทัศนคติ" ในตัวของผม ความรู้สึกนึกคิดของผมเริ่มเปลี่ยนไป หนังสือเล่มนี้เหมือนผมมีคำตอบให้ผมว่า
ผมควรจะเริ่มเปลี่ยนแปลงจากภายในตัวเราเอง!!!
ผมพยายามมองหาหนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการปรับ “ทัศนคติ” มาอ่านให้มากยิ่งขึ้น หนังสือเรื่องทัศนคติเชิงบวก หนังสือสร้างแรงบันดาล หนังสือปรับกรอบความคิด หนังสือสู้แล้วรวย ล้มแล้วลุก ลุกแล้วรวย แรงใจไม่มีวันหมด ... การเปลี่ยนแปลงมันไม่ได้เกิดขึ้นได้ในวันเดียว จากหนังสือเล่มแรกผ่านมาจนถึงวันนี้ใช้เวลาเกือบ 10 ปี อ่านหนังสือไปมากมายความคิดเปลี่ยนไปมากมาย
แต่ก่อนผมมักจะบอกกับตัวเองว่า “อย่าทำเลย เราทำไม่สำเร็จหรอก”
ทุกวันนี้ผมกลับบอกตัวเองเสมอว่า “เราทำแล้วจะสำเร็จหรือเปล่าไม่รู้ รู้แต่ถ้าว่าไม่ลงมือทำ ไม่สำเร็จแน่นอน”
แต่ก่อนผมเคยถามตัวเองว่า “เราจะร่ำรวยได้จริงหรือ?”
ทุกวันนี้เปลี่ยนมาถามตัวเองว่า “ทำไมเราถึงจะไม่ร่ำรวย?”
แต่ก่อนผมมักรำพึงรำพันกับตัวเองว่า “ชีวิตคงเป็นได้เท่านี้”
ทุกวันนี้ผมกลับมาสงสัยเหลือเกินว่า “ชีวิตนี้ผมจะไปได้ไกลขนาดไหนกันนะ”
ทัศนคติเปลี่ยน ... ความคิดเปลี่ยน ... การกระทำเปลี่ยน ... ชีวิตก็เปลี่ยนไป
ไม่จำเป็นต้องเชื่อผม แต่ผมแค่ท้าให้คุณลอง!!!
…[^_^]…
ปล.
ผมทำอะไรอย่างไร ลงทุนหรือทำธุรกิจอย่างไร ตามเข้าไปอ่านใน Profile ของผม “มาม่าปลากระป๋อง” ได้ครับผมแต่อาจจะไม่ครบทุกเรื่อง เพราะ พันทิปเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ไม่ได้รองรับการเก็บข้อมูลเช่นในปัจจุบันบทความเก่าๆจึงไม่มี หรือ ถ้าต้องการอ่านแบบครบๆตั้งแต่ยุคๆแรกก็ตามไปที่ลิงค์นี้ได้เลย ... http://goo.gl/aE4zV
ไหนๆก็ไหนๆแล้วครับ ผมขอรีวิวสั้นๆแนะนำหนังสือในดวงใจของผมเลยแล้วกันนะครับเผื่อท่านใดสนใจ
หนังสือในดวงใจที่ผมแนะนำให้อ่านเหล่านี้โดยส่วนมากจะเป็นหนังสือแนวทัศนคติและให้แรงบันดาลใจ ทำไม? เพราะผมเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันต้องเริ่มจากภายใน เมื่อเรามีแรงบันดาลใจ “ใจ” ก็จะบันดาล “แรง” มาให้เรา ใจสั่งสมองให้คิด ร่างกายก็ฮึกเหิม ณ เวลานั้นวิธีการที่จะทำมันก็จะตามมาเอง ...
หนังสือที่ผมกำลังรีวิวแนะนำเหล่านี้ ทุกๆท่านสามารถหาซื้อได้ในท้องตลาดปัจจุบันครับ ถ้าอันไหนเก่ามากๆหรือที่ผมไม่เห็นตามร้านหนังสือในปัจจุบันจะไม่รีวิวนะครับเพราะเดี๋ยวจะหาซื้อมาอ่านกันไม่ได้ ...
1. "คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก"
เป็นหนังสือเล่มแรกๆที่เริ่มเปลี่ยนชีวิต... ผมอ่านหนังสือเล่มนี้ในปี 2548 เป็นช่วงที่ผมกำลังจะโดนไล่ออกจากมหาวิทยาลัย(เพราะเกรดเฉลี่ยรวมต่ำกว่า 2)!!!!! ผมอ่านจบหลายรอบมันอิน และมันค่อยๆซึมเข้าไปในตัวผม หนังสือเล่มนี้มันค่อยๆเข้าไปเปลี่ยน "ทัศนคติ" ของผมไปตลอดกาล
2. "ยังหายใจ ต้องไม่แพ์"
รวบรวมทีเด็ดของคอลัมน์ "ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ" ของคุณ "หนุ่มเมืองจันท์" ... เดิมทีผมเห็นหนังสือเล่มนี้วางขายใน 7-11 แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ลองหยิบอ่านสักที ... แต่ในท้ายที่สุดก็ได้อ่าน เพราะเพื่อนสนิทให้มาลองอ่านดู(ขอบคุณอีกครั้ง) ... ความรู้สึกหลังอ่านจบคือ ถ้าไม่ได้อ่านเสียดายแย่หนังสือดีๆแบบนี้ ... หนังสือเล่มนี้ให้ทั้งแรงบันดาลใจให้ทั้งคมคิดธุรกิจ ... ที่สำคัญเล่มละ 59 บาท!!!!
3. "ความฝันของความฝัน"
ของคุณดำรงค์ วงษ์โชติปิ่นทอง(พิณคุณ) เป็นหนังสือระดับ "ขึ้นหิ้ง" อีกเล่มหนึ่งของผม ... เป็นเรื่องราวของเด็กน้อยผู้มีความฝันและกำลังพยายามทำฝันของตัวเองให้เป็นจริง การเล่าเรื่องนั้นอ่านง่ายลักษณะนิทานแต่เนื้อหาคมกริบบาดใจ ... ผมถูกใจถึงขนาดที่ว่าเมื่ออ่านจบผมไปซื้อหนังสือเล่มนี้มาอีก 10 เล่ม!!! ผมซื้อไปแจกน้องๆญาติๆผมที่กำลังเรียนหนังสืออยู่ทุกคน!!! อย่าลืมไปจัดมาอ่านกันนะครับ
ประโยคส่วนหนึ่งของหนังสือ
"เรื่องราวของมนุษย์ที่มีความรักและต้องการสร้างความฝันให้เป็นความจริง ความฝันจุดเล็กๆ ที่สร้างความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ มีคนมากมายที่มีความฝัน แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำให้เป็นความจริง!"
"คนสำเร็จ คือ คนที่ทำทุกอย่างที่ตนคิด"
"คนล้มเหลว คือ คนที่คิดทุกอย่างแต่ ไม่เคยทำ"
ปล. หนังสือของคุณดำรงค์ อีกหลายๆเล่มก็มีเนื้อหาดีครับ ถ้าชอบหรือสนใจก็ไปตามต่อกันเองเด้อ ...[^_^]...
4. “ยกเครื่องความคิด” “Rework”
หนังสือจากค่าย “Welearn” หนังสือดีอีกเล่มที่ผมแนะนำให้อ่าน ใครสนใจอยากจะทำธุรกิจหรือกำลังทำธุรกิจอยู่แนะนำให้ซื้อหามาอ่านกันครับ ความคิดฉีกแนวหนังสือธุรกิจแบบเดิมๆมาก เนื้อหาที่เต็มไปด้วยไอเดียน่าสนใจ ... ถ้ายังนึกภาพไม่ออกว่าฉีกแบบไหนอลองดูตัวอย่างเนื้อเรื่องในเล่มครับ ... จงตามหลังคู่แข่ง ... อย่าเรียนรู้จากความล้มเหลว ... อย่าขยายธุรกิจ ... อย่าเลือกพนักงานจากรีซูเม ... แรงบันดาลใจมีวันหมดอายุ ... ปล่อยพนักงานกลับบ้านเร็วๆ!!!
ปล. เพิ่มเติมหนังสือของ สนพ.Welearn มีหนังสือแนวคิดและการทำธุรกิจดีดีเยอะครับ แต่เสียอยู่อย่างเดียวออกมาเยอะและไวมากจนตามอ่านไปทันกันเลยทีเดียว เอ หรือว่าผมอ่านช้าไปนะ 555+
5. “เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด”
หนังสือที่ อ.คิมรันโด แห่งมหาวิทยาลัยโซล เขียนถึงลูกชายวัย 20 ปีที่กำลังเจ็บปวด เคว้งคว้าง ไร้จุดหมาย ... ความเคว้งคว้างนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ลูกชายของอาจารย์คิมรันโดเท่านั้นที่กำลังประสบอยู่ ความจริงความเคว้งคว้างนี้มันเกิดขึ้นกับคนทุกเพศทุกวัยในปัจจุบัน นี่คงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมหนังสือเล่มนี้ถึงมียอดขายถล่มทลายหลายล้านเล่มและถูกแปลไปหลากหลายภาษา ... ท่านใดกำลังเคว้งคว้างอยู่แนะนำให้จัดมาโดยด่วน ส่วนท่านใดที่มีแนวทางอยู่แล้วแต่ถ้าได้อ่านหนังสือดีๆแบบนี้ตอกย้ำเข้าไปอีกย่อมดีกว่าแน่นอน ...
ประโยคส่วนหนึ่งขอหนังสือ
“ชีวิตของเราก็เหมือนจิ๊กซอว์ขนาดใหญ่ที่จะต้องต่อ “ทีละชิ้นๆ” ให้ประสานกันอย่างดี ... ไม่มีใครรู้ได้ว่าภาพจิ๊กซอว์ชีวิตจะออกมาเป็นอย่างไรจนกว่าจะต่อเสร็จ และมีเพียงตัวเราเองเท่านั้นที่จะต้องต่อภาพนั้นขึ้นเองทีละน้อย”
จากงานเขียนของอาจารย์มหาวิทยาลัยโซล เกาหลี เรามาบินข้ามโลกไปดูผลงานเขียนของอาจารย์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกา กันบ้าง
6. “น่าจะรู้อย่างนี้ตั้งแต่ตอนอายุ 20”
เป็นงานของอาจารย์ Tina Seeling จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด จากชีวิตที่เคว้งคว้างของ ไม่แน่นอนของเด็กน้อย ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่ในหนังสือเล่มนี้มีเป็นทีเด็ดเคล็ดลับที่จะทำให้เราไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป ... ผมเคยนำหนังสือเล่มนี้ไปในน้องสาวในวัย 20 อ่าน 2 สัปดาห์ผ่านไปผมถามน้องสาวว่าเป็นยังไงบ้างหนังสือ “ไม่ค่อยมันส์อ่ะ ยังอ่านไม่จบเลย” ... ผมก็ “อืมมมมมมม” ... หนังสือเล่มนี้คนอายุ 20 อ่านมันอาจจะไม่โดนใจ แต่คนที่โดนใจจริงกลับเป็นคนที่อายุเยอะกว่านั้นต้องล้มเหลวและผ่านการงงงวยในชีวิตมาก่อน สรุปว่า ต้องแก่ก่อนสินะ ถึงจะบอกว่าน่าจะรู้อย่างนี้ตั้งแต่ตอนอายุ 20!!!!! 5555+
ถ้าหาใครเคยได้ยินเรื่องเล่าทางธุรกิจระดับตำนานเรื่อง “ใช้เงิน 5 ดอลลาร์ไปทำธุรกิจแล้วสามารถทำเงินได้ 650 ดอลลาร์ โดยใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมง” ที่มานั้นมาจากหนังสือเรื่องเล่มเอง ... มีแต่ ไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์ และแรงบันดาลใจ ล้วนๆ หนังสือดีครับแนะนำ
7. “100 คนคิด 10 คนทำ 1 คนสำเร็จ”
ของ คุณพรหมมาตร์ ชายสิม ต้องบอกว่า "สุด" ครับสำหรับหนังสือเล่มนี้ ... ผมชอบมากๆหนังสือแนวสู้ชีวิตแบบนี้อ่านแล้วมันมีพลัง!!! ... จากเด็กวัด ไปเป็นกรรมกร กลายเป็นพนักงานขาย เริ่มต้นทำธุรกิจด้วยเงินเพียงน้อยนิด และ ก็ประสบความสำเร็จร่ำรวยในที่สุด ... หนังสืออ่านง่าย ลับคมความคิด ตอกย้ำกำลังใจ และได้คติ ... ใครยังไม่ได้อ่านเล่มนี้ต้องจัดมาโดยด่วนครับ!!!
ประโยค คมๆ เช่น ...
... ที่ผ่านมาคุณบอกว่า “ไม่มีโอกาส” แล้วถ้าโอกาสมาคุณจะบอก “กลัว ไม่กล้า” เมื่อเป็นอย่างนี้จะร้องเรียกหาโอกาสไปทำไม ...
หนังสือเล่มนี้พิมพ์ครั้งแรกตั้งแต่ปี 51 แต่ปัจจุบันก็พิมพ์ออกมาเรื่อยๆตอนนี้ครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ ... ท่านใดสนใจ เมื่อเข้า 7-11 ครั้งในลองมองหาดูครับ ราคา 69 บาท!!!!
8. "พ่อรวยสอนลูก"
ของคุณ Robert T. Kiyosaki ผมเชื่อว่าสรรพคูณของหนังสือชุดนี้คงไม่ต้องกล่าวอธิบายให้มากความเย้นเย้อ หนังสือดียอดขาดถล่มทลายทั่วโลก หนังสือเล่มนี้เป็นแรงบันดาลใจให้เกิด นักลงทุน นักธุรกิจ หน้าใหม่ๆมากมาย รวมทั้งตัวผมเอง ... แนวคิดในการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แบบเน้นกระแสเงินสดของผม ต้นแบบก็ไม่ใช้ใครที่ไหน ผมก็ลักจำจากหนังสือของคุณโรเบริตแล้วมาทำนี่ละครับ
เล่มที่ผมขอย้ำเลยนะครับว่าต้องอ่าน "พ่อรวยสอนลูก" "เงินสี่ด้าน" และ "พ่อรวยสอนลงทุน" ส่วนเล่มอื่นก็ดีครับแต่โดยมาจะเป็นการแตกเนื้อหาออกมาจาก 3 เล่มนี้
ในชุดแรกนี้ผมขอแนะนำ 10 เล่มก่อนนะครับ ไปซื้อหามาอ่านกันเพลินตาเพลินใจกันเลย แต่ในอันดับที่ 8 นี้จัดเป็นชุดครับเพราะแนะนำทีเดียว 3 เล่มเลย โอกาสหน้าจะมาแนะนำเพิ่มเติมให้นะครับ
...[^_^]...