เนื่องจากเพิ่งผ่านประสบการณ์สัมภาษณ์วีซ่าอเมริกามาเมื่อวานสดๆ ร้อนๆ ค่ะ เลยอยากเอาแชร์เผื่อจะเป็นประโยชน์บ้าง
ก่อนอื่นขอแนะนำโรงแรมที่อยู่ใกล้ๆ กับสถานทูตอเมริกาก่อนนะคะ
สำหรับคนที่เดินทางมาจากตจว.(แบบเรา) ก็ต้องหาที่พักที่ใกล้สถานทูตเพื่อความสะดวกในการเดินทาง และที่สำคัญราคาไม่แพง
หาไปหามา ก็มาลงตัวที่โรงแรม JIM'S LODGE ค่ะ เนื่องจากทำเลไม่ไกลมาก เดินไปสถานทูตประมาณ 5-10 นาที
ที่ตั้งอยู่ในซอยร่วมฤดีค่ะ ราคาห้องรวมอาหารเช้าจากเว็บ expedia 1,300 บาท แต่มีโปรจ่ายผ่านบัตรซิตี้แบงค์ลดอีก 10%
รวมภาษีแล้วก็เท่ากับ 1,189.54 ค่ะ
(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ตนะคะ)
-วันสัมภาษณ์
เรานัดช่วงเช้าเวลา 07.00 ก็ไปถึงสถานทูตประมาณ 6.30 ค่ะ จากนั้นก็แจ้งรปภ. ว่านัดไว้กี่โมง พี่เค้าก็จะจัดแถวให้ค่ะ
ระหว่างยืนรอ พี่รปภ.ก็จะมาชี้แจงเรื่องการห้ามนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เข้าไป จะอนุญาตเฉพาะโทรศัพท์มือถือคนละ 1 เครื่องเท่านั้น และที่สำคัญ
ต้องปิดโทรศัพท์ด้วยนะคะ
เมื่อเข้ามาข้างใน ก็จะเป็นการฝากโทรศัพท์ โดยเราจะต้องแลกบัตรประชาชนไว้ด้วยค่ะ แล้วเจ้าหน้าที่เค้าจะให้กุญแจล็อคเกอร์มา
จากนั้นก็ตรวจสัมภาระผ่านเครื่องแสกน แล้วก็เข้าไปด้านในสถานทูตค่ะ
เดินตามทางมาเรื่อยๆ จะเจอกับจุดจัดเรียงเอกสารค่ะ ตรงนี้เค้าจะขอใบ DS-160, Passport, หนังสือรับรองการทำงานค่ะ จากนั้นเค้าจะมีใบสีขาวเล็กๆ ติดที่Passport เรา ซึ่งมันคือหมายเลข EMS ค่ะ เค้าจะให้เราจดเลข EMS เอาไว้ติดตามPassport (กรณีวีซ่าผ่าน) แล้วก็รอคิวตรวจเอกสาร+สัมภาษณ์เบื้องต้นกับเจ้าหน้าที่คนไทย
เห็นหลายคนบอกว่าเจ้าหน้าที่คนไทยดุและสัมภาษณ์ละเอียดมาก แต่สงสัยเราจะโชคดี เพราะเจอคำถามน้อยมากค่ะ
เนื่องจากเราไปขอวีซ่ากับคุณสามี (เราจดทะเบียนสมรสแต่ไม่ได้เปลี่ยนนามสกุล) เจ้าหน้าที่ก็จะถามว่ามีความสัมพันธ์อะไรกัน,ไม่ได้เปลี่ยนนามสกุลใช่ไหม, แล้วก็ให้แสกนนิ้วเป็นอันจบขั้นตอนตรงนี้ แล้วเจ้าหน้าที่ก็จะให้คิวสำหรับสัมภาษณ์กับกงสุล (ฝรั่ง) แล้วให้เข้าไปรอด้านในค่ะ
จากนั้นเค้าก็จะเรียกคิวไปแสกนลายนิ้วมือกับเจ้าหน้าที่ฝรั่งอีกรอบ แล้วก็กลับมานั่งรอสักครู่ ก็จะเรียกคิวสัมภาษณ์กับท่านกงสุลค่ะ
รายละเอียดคำถาม (ที่เราเจอ) มีดังนี้ค่ะ
1. คุณเคยไปอเมริกาไหมครับ
-ไม่เคยค่ะ
2. คุณจะไปอเมริกาทำไมครับ
- ไปเที่ยวค่ะ
3. ไปเที่ยวที่ไหนครับ
- อลาสก้าค่ะ
4. คุณเคยไปประเทศไหนบ้างครับ
- ญี่ปุ่น จีน อินโดนีเซีย เวียดนาม ลาว สิงคโปร์ค่ะ
5. คุณทำงานอะไรครับ
- ล่ามภาษาญี่ปุ่นค่ะ
6. คุณเรียนภาษาญี่ปุ่นที่ไหนครับ
- ที่ประเทศญี่ปุ่นค่ะ
7. บอกชื่อมหาวิทยาลัยคุณด้วยครับ
- เราก็บอกชื่อมหาวิทยาลัยไป
8. Can you speak japanese for me? (อยู่ดีๆก็พูดภาษาอังกฤษ)
- เราก็แนะนำตัวไปนิดหน่อย บลา บลา
9. คุณ...(สามี)..... ทำงานอะไรครับ
- บอกตำแหน่ง , บริษัทที่ทำอยู่ (ถามสามีเราแค่ข้อเดียวเอง)
10. คุณจะไปอเมริกาทำไมครับ (ถามซ้ำอ่ะ)
- ไปเที่ยวค่ะ
11. ไปที่ไหนครับ (ซ้ำอีกแล้วนะ)
- อลาสก้าค่ะ
12. ใครเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้คุณครับ
- ออกเองค่ะ
13. คุณมี statement หรือ book bank ไหมครับ
- มีค่ะ (แล้วก็ยื่นbook bankเล่มจริงให้ มีเงินค้างในบ/ช 2คนรวมกันประมาณ แสนต้นๆ เองค่ะ)
14. คุณไปกับทัวร์หรือเปล่าครับ
- เปล่าค่ะ แบคแพคไปกับเพื่อนค่ะ
15. คุณไปโดยเรือหรือเปล่าครับ
- เปล่าค่ะ จะเช่ารถขับค่ะ
แล้วก็พลิกดูพาสปอร์ตสลับไป-มา แล้วก็เงยหน้ามาบอกว่า
"วีซ่าคุณผ่านนะครับ ขอให้เที่ยวให้สนุกครับ"
เราแทบจะร้อง "เย้" ตรงนั้นเลย ดีใจมาก เพราะก่อนไปตื่นเต้นมาก เตรียมเอกสารซะเยอะแยะ
แต่เอาเข้าจริง มีแค่ DS-160, หนังสือรับรองการทำงานที่ต้องยื่น แล้วก็ขอดูแค่ bookbank เท่านั้นค่ะ
ลืมบอกไป เราสัมภาษณ์กับท่านกงสุลขาโหดในตำนาน (คนที่ผมน้อยที่สุด) ตอนเรียกคิว ก็ยืนภาวนาขอให้ได้สัมภาษณ์กับ
กงสุลรูปหล่ออีก 2 คน แต่เหมือนฟ้าไม่เป็นใจ ส่งพี่ขาโหดมาแทน 55 แถมพี่แกปฏิเสธวีซ่าคิวก่อนหน้าเราให้เห็นกันจะจะ
แต่สุดท้ายแล้ว ถ้าเราตอบคำถามตรงไปตรงมา ไม่โกหก และมีเอกสารแสดงชัดเจน
ก็คิดว่าน่าจะผ่านฉลุยนะคะ
สุดท้าย ขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่รอสัมภาษณ์ทุกคน ขอให้โชคดีค่ะ ^^
แชร์ประสบการณ์สัมภาษณ์วีซ่าอเมริกา
ก่อนอื่นขอแนะนำโรงแรมที่อยู่ใกล้ๆ กับสถานทูตอเมริกาก่อนนะคะ
สำหรับคนที่เดินทางมาจากตจว.(แบบเรา) ก็ต้องหาที่พักที่ใกล้สถานทูตเพื่อความสะดวกในการเดินทาง และที่สำคัญราคาไม่แพง
หาไปหามา ก็มาลงตัวที่โรงแรม JIM'S LODGE ค่ะ เนื่องจากทำเลไม่ไกลมาก เดินไปสถานทูตประมาณ 5-10 นาที
ที่ตั้งอยู่ในซอยร่วมฤดีค่ะ ราคาห้องรวมอาหารเช้าจากเว็บ expedia 1,300 บาท แต่มีโปรจ่ายผ่านบัตรซิตี้แบงค์ลดอีก 10%
รวมภาษีแล้วก็เท่ากับ 1,189.54 ค่ะ
(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ตนะคะ)
-วันสัมภาษณ์
เรานัดช่วงเช้าเวลา 07.00 ก็ไปถึงสถานทูตประมาณ 6.30 ค่ะ จากนั้นก็แจ้งรปภ. ว่านัดไว้กี่โมง พี่เค้าก็จะจัดแถวให้ค่ะ
ระหว่างยืนรอ พี่รปภ.ก็จะมาชี้แจงเรื่องการห้ามนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เข้าไป จะอนุญาตเฉพาะโทรศัพท์มือถือคนละ 1 เครื่องเท่านั้น และที่สำคัญ
ต้องปิดโทรศัพท์ด้วยนะคะ
เมื่อเข้ามาข้างใน ก็จะเป็นการฝากโทรศัพท์ โดยเราจะต้องแลกบัตรประชาชนไว้ด้วยค่ะ แล้วเจ้าหน้าที่เค้าจะให้กุญแจล็อคเกอร์มา
จากนั้นก็ตรวจสัมภาระผ่านเครื่องแสกน แล้วก็เข้าไปด้านในสถานทูตค่ะ
เดินตามทางมาเรื่อยๆ จะเจอกับจุดจัดเรียงเอกสารค่ะ ตรงนี้เค้าจะขอใบ DS-160, Passport, หนังสือรับรองการทำงานค่ะ จากนั้นเค้าจะมีใบสีขาวเล็กๆ ติดที่Passport เรา ซึ่งมันคือหมายเลข EMS ค่ะ เค้าจะให้เราจดเลข EMS เอาไว้ติดตามPassport (กรณีวีซ่าผ่าน) แล้วก็รอคิวตรวจเอกสาร+สัมภาษณ์เบื้องต้นกับเจ้าหน้าที่คนไทย
เห็นหลายคนบอกว่าเจ้าหน้าที่คนไทยดุและสัมภาษณ์ละเอียดมาก แต่สงสัยเราจะโชคดี เพราะเจอคำถามน้อยมากค่ะ
เนื่องจากเราไปขอวีซ่ากับคุณสามี (เราจดทะเบียนสมรสแต่ไม่ได้เปลี่ยนนามสกุล) เจ้าหน้าที่ก็จะถามว่ามีความสัมพันธ์อะไรกัน,ไม่ได้เปลี่ยนนามสกุลใช่ไหม, แล้วก็ให้แสกนนิ้วเป็นอันจบขั้นตอนตรงนี้ แล้วเจ้าหน้าที่ก็จะให้คิวสำหรับสัมภาษณ์กับกงสุล (ฝรั่ง) แล้วให้เข้าไปรอด้านในค่ะ
จากนั้นเค้าก็จะเรียกคิวไปแสกนลายนิ้วมือกับเจ้าหน้าที่ฝรั่งอีกรอบ แล้วก็กลับมานั่งรอสักครู่ ก็จะเรียกคิวสัมภาษณ์กับท่านกงสุลค่ะ
รายละเอียดคำถาม (ที่เราเจอ) มีดังนี้ค่ะ
1. คุณเคยไปอเมริกาไหมครับ
-ไม่เคยค่ะ
2. คุณจะไปอเมริกาทำไมครับ
- ไปเที่ยวค่ะ
3. ไปเที่ยวที่ไหนครับ
- อลาสก้าค่ะ
4. คุณเคยไปประเทศไหนบ้างครับ
- ญี่ปุ่น จีน อินโดนีเซีย เวียดนาม ลาว สิงคโปร์ค่ะ
5. คุณทำงานอะไรครับ
- ล่ามภาษาญี่ปุ่นค่ะ
6. คุณเรียนภาษาญี่ปุ่นที่ไหนครับ
- ที่ประเทศญี่ปุ่นค่ะ
7. บอกชื่อมหาวิทยาลัยคุณด้วยครับ
- เราก็บอกชื่อมหาวิทยาลัยไป
8. Can you speak japanese for me? (อยู่ดีๆก็พูดภาษาอังกฤษ)
- เราก็แนะนำตัวไปนิดหน่อย บลา บลา
9. คุณ...(สามี)..... ทำงานอะไรครับ
- บอกตำแหน่ง , บริษัทที่ทำอยู่ (ถามสามีเราแค่ข้อเดียวเอง)
10. คุณจะไปอเมริกาทำไมครับ (ถามซ้ำอ่ะ)
- ไปเที่ยวค่ะ
11. ไปที่ไหนครับ (ซ้ำอีกแล้วนะ)
- อลาสก้าค่ะ
12. ใครเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้คุณครับ
- ออกเองค่ะ
13. คุณมี statement หรือ book bank ไหมครับ
- มีค่ะ (แล้วก็ยื่นbook bankเล่มจริงให้ มีเงินค้างในบ/ช 2คนรวมกันประมาณ แสนต้นๆ เองค่ะ)
14. คุณไปกับทัวร์หรือเปล่าครับ
- เปล่าค่ะ แบคแพคไปกับเพื่อนค่ะ
15. คุณไปโดยเรือหรือเปล่าครับ
- เปล่าค่ะ จะเช่ารถขับค่ะ
แล้วก็พลิกดูพาสปอร์ตสลับไป-มา แล้วก็เงยหน้ามาบอกว่า
"วีซ่าคุณผ่านนะครับ ขอให้เที่ยวให้สนุกครับ"
เราแทบจะร้อง "เย้" ตรงนั้นเลย ดีใจมาก เพราะก่อนไปตื่นเต้นมาก เตรียมเอกสารซะเยอะแยะ
แต่เอาเข้าจริง มีแค่ DS-160, หนังสือรับรองการทำงานที่ต้องยื่น แล้วก็ขอดูแค่ bookbank เท่านั้นค่ะ
ลืมบอกไป เราสัมภาษณ์กับท่านกงสุลขาโหดในตำนาน (คนที่ผมน้อยที่สุด) ตอนเรียกคิว ก็ยืนภาวนาขอให้ได้สัมภาษณ์กับ
กงสุลรูปหล่ออีก 2 คน แต่เหมือนฟ้าไม่เป็นใจ ส่งพี่ขาโหดมาแทน 55 แถมพี่แกปฏิเสธวีซ่าคิวก่อนหน้าเราให้เห็นกันจะจะ
แต่สุดท้ายแล้ว ถ้าเราตอบคำถามตรงไปตรงมา ไม่โกหก และมีเอกสารแสดงชัดเจน
ก็คิดว่าน่าจะผ่านฉลุยนะคะ
สุดท้าย ขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่รอสัมภาษณ์ทุกคน ขอให้โชคดีค่ะ ^^