ภูผาอาถรรพ์ ตอนที่ ๑๔ นิมิตของแสงพงษ์
http://ppantip.com/topic/32137217/comment6-1
สายแพรพนมมือขึ้น เมื่อฝนทิพย์เริ่มบริกรรมคาถาเธอก็รีบว่าตามในทันที เสียงร้องแปลกประหลาดนั้นค่อยๆ ดังห่างไกลออกไป จนเงียบไปในที่สุด ทั้งสองขยับกายเข้าไปหากัน กุมมือกันไว้ด้วยความหวาดกลัวที่ยังเกาะกุมหัวใจ
“มันไปแล้ว...” ฝนทิพย์บอกเสียงกระซิบ เหลียวมองไปรอบกายด้วยสายตาหวาดระแวง พระจันทร์เริ่มเคลื่อนต่ำลง บอกถึงเวลาที่ใกล้จะรุ่งสางในอีกไม่กี่ชั่วโมง
“มันเป็นผีเหรอคะ...” สายแพรเอ่ยถามด้วยสีหน้าหวาดหวั่น
“บ้างก็ว่าเป็นผี บ้างก็ว่าเป็นพวกค่างแก่ๆ ตอนกลางคืนมันชอบมาดูดเลือดที่ปลายนิ้วโป้งเท้า แต่ไม่ว่าจะเป็นสัตว์หรือผีเราก็ประมาทไม่ได้...” พอพูดจบ หัวใจก็หวนนึกไปถึงใครอีกคนที่เธอกับสายแพรวิ่งหนีมาอย่างไม่คิดชีวิต ทัดดาวตายไปแล้ว... วิญญาณของเธอจะติดตามมาหรือเปล่าหนอ ?
“พรุ่งนี้เช้า เราหวนกลับไปที่ถ้ำนั้นอีกครั้งได้มั้ยคะ...”
“คุณจะกลับไปทำไมคะ... คุณก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่าทัดดาวตายไปแล้ว”
“นั่นแหละค่ะยิ่งต้องกลับไป อย่างน้อยก็ควรจะเอาศพเธอไปฝัง บอกกล่าวให้เจ้าป่าเจ้าเขาท่านได้รู้” สายแพรแย้ง ก่อนที่ฝนทิพย์จะสั่นศีรษะอย่างไม่เห็นด้วย
“ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ ถึงเราเอาศพเธอฝังลงดิน เธอก็คงไปไหนไม่ได้อยู่ดี ต้องให้พระสงฆ์มาทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณเธอออกไปจากป่านี้ ต้องทำพิธีขอเบิกทางเจ้าป่าเจ้าเขาให้ท่านเปิดทางให้ ไม่อย่างนั้นวิญญาณของเธอก็ต้องวนเวียนอยู่ในป่านี้ไปไหนไม่ได้...” จบประโยคของฝนทิพย์ สายแพรก็ปิดเปลือกตาลงด้วยความรันทดใจ หยดน้ำตารินไหลลงมาเป็นทาง หัวใจปวดร้าวจนเกินอธิบาย หากว่าเธอเป็นทัดดาวบ้าง... ก็คงจะต้องทุกข์ทรมานไม่น้อย ที่เฝ้ารอคอยวันที่จะได้ออกไปจากป่านี้ โดยที่ไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่วันนั้นจะมาถึง... แม้ว่าร่างกายจะตายไปแล้วก็ตาม
“แล้วถ้า...ถ้าสมมุติว่าเราหาทางออกไปจากป่านี้ไม่ได้เหมือนคุณทัดดาวเธอหละ... ถ้าเราตายไป แล้วไม่มีคนมาเจอศพเรา เราก็ต้องวนเวียนอยู่ในป่านี้เหมือนกับเธออยู่ดี” คำพูดของสายแพรทำให้ฝนทิพย์ต้องนิ่งค้าง ใช่ว่าเธอจะไม่เหนื่อยล้า ใช่ว่าเธอจะไม่ท้อแท้ แต่ถ้าหวังอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป เธอจะปล่อยให้ความคิดอ่อนแอแบบนี้เข้าครอบงำจิตใจไม่ได้โดยเด็ดขาด
“ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้เรื่องที่เกิดขึ้นกลายเป็นความลับไปเด็ดขาด ถึงแม้จะตายไปแล้วก็ตาม คนที่ทำผิดต้องถูกลงโทษ และความจริงทุกอย่างจะต้องถูกเปิดเผย ยงยุทธ์ก่อกรรมทำเข็ญกับพวกเราไว้ยังไง มันก็ต้องได้รับผลกรรมที่มันก่อไว้อย่างสาสม” คำพูดของฝนทิพย์คล้ายปลุกพลังบางอย่างในตัวของสายแพรให้ฟื้นกลับคืนมีชีวิตอีกครั้ง หญิงสาวหวนนึกไปถึงแสงพงษ์ผู้เป็นพี่ชาย ที่ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง หากเขายังมีชีวิตอยู่ก็คงได้แต่เฝ้ารอคอยเธออย่างมีความหวัง เธอเหลือเขาเพียงแค่คนเดียวจริงๆ เธอเองก็ไม่อยากตายตอนนี้ เธอยังคงห่วงพี่ชายเพียงคนเดียวคนนี้อยู่... เธอจะตายไม่ได้ จะตายตอนนี้ไม่ได้...
“พรุ่งนี้เช้าเราจะหาทางกลับไปที่ลำธารอีกครั้ง มันจะต้องไหลไปรวมกับแม่น้ำ น้ำจะไหลลงสู่ที่ต่ำเสมอ น้ำจะพาเราออกไปจากป่านี้...” ฝนทิพย์บอกกับสายแพรด้วยน้ำเสียงมาดมั่น หากสายแพรไม่วู่วามวิ่งหนีออกมา พรุ่งนี้เช้าเธอก็ตั้งใจว่าจะออกเดินทางตั้งแต่รุ่งสาง แต่ทว่าเรื่องทั้งหมดกลับพลิกผัน เธอต้องเข้ามาหลงอยู่ในป่าลึกอีกครั้ง และกว่าจะหาทางกลับไปยังห้างก็คงกินเวลาไม่ใช่เล่นแน่
หลังจบการสนทนาแล้ว ทั้งสองก็งีบหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย เป็นเวลาเกือบตีสี่แล้ว สัตว์ป่าหลายชนิดที่ออกหากินตอนใกล้รุ่งสางเริ่มออกมาจากที่หลบอาศัย พร้อมกับใครบางคนที่เดินโซซัดโซเซมากลางป่าอย่างเงียบๆ
ภูผาอาถรรพ์ ตอนที่ ๑๕ พระจันทร์คืนสุดท้าย
http://ppantip.com/topic/32137217/comment6-1
สายแพรพนมมือขึ้น เมื่อฝนทิพย์เริ่มบริกรรมคาถาเธอก็รีบว่าตามในทันที เสียงร้องแปลกประหลาดนั้นค่อยๆ ดังห่างไกลออกไป จนเงียบไปในที่สุด ทั้งสองขยับกายเข้าไปหากัน กุมมือกันไว้ด้วยความหวาดกลัวที่ยังเกาะกุมหัวใจ
“มันไปแล้ว...” ฝนทิพย์บอกเสียงกระซิบ เหลียวมองไปรอบกายด้วยสายตาหวาดระแวง พระจันทร์เริ่มเคลื่อนต่ำลง บอกถึงเวลาที่ใกล้จะรุ่งสางในอีกไม่กี่ชั่วโมง
“มันเป็นผีเหรอคะ...” สายแพรเอ่ยถามด้วยสีหน้าหวาดหวั่น
“บ้างก็ว่าเป็นผี บ้างก็ว่าเป็นพวกค่างแก่ๆ ตอนกลางคืนมันชอบมาดูดเลือดที่ปลายนิ้วโป้งเท้า แต่ไม่ว่าจะเป็นสัตว์หรือผีเราก็ประมาทไม่ได้...” พอพูดจบ หัวใจก็หวนนึกไปถึงใครอีกคนที่เธอกับสายแพรวิ่งหนีมาอย่างไม่คิดชีวิต ทัดดาวตายไปแล้ว... วิญญาณของเธอจะติดตามมาหรือเปล่าหนอ ?
“พรุ่งนี้เช้า เราหวนกลับไปที่ถ้ำนั้นอีกครั้งได้มั้ยคะ...”
“คุณจะกลับไปทำไมคะ... คุณก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่าทัดดาวตายไปแล้ว”
“นั่นแหละค่ะยิ่งต้องกลับไป อย่างน้อยก็ควรจะเอาศพเธอไปฝัง บอกกล่าวให้เจ้าป่าเจ้าเขาท่านได้รู้” สายแพรแย้ง ก่อนที่ฝนทิพย์จะสั่นศีรษะอย่างไม่เห็นด้วย
“ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ ถึงเราเอาศพเธอฝังลงดิน เธอก็คงไปไหนไม่ได้อยู่ดี ต้องให้พระสงฆ์มาทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณเธอออกไปจากป่านี้ ต้องทำพิธีขอเบิกทางเจ้าป่าเจ้าเขาให้ท่านเปิดทางให้ ไม่อย่างนั้นวิญญาณของเธอก็ต้องวนเวียนอยู่ในป่านี้ไปไหนไม่ได้...” จบประโยคของฝนทิพย์ สายแพรก็ปิดเปลือกตาลงด้วยความรันทดใจ หยดน้ำตารินไหลลงมาเป็นทาง หัวใจปวดร้าวจนเกินอธิบาย หากว่าเธอเป็นทัดดาวบ้าง... ก็คงจะต้องทุกข์ทรมานไม่น้อย ที่เฝ้ารอคอยวันที่จะได้ออกไปจากป่านี้ โดยที่ไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่วันนั้นจะมาถึง... แม้ว่าร่างกายจะตายไปแล้วก็ตาม
“แล้วถ้า...ถ้าสมมุติว่าเราหาทางออกไปจากป่านี้ไม่ได้เหมือนคุณทัดดาวเธอหละ... ถ้าเราตายไป แล้วไม่มีคนมาเจอศพเรา เราก็ต้องวนเวียนอยู่ในป่านี้เหมือนกับเธออยู่ดี” คำพูดของสายแพรทำให้ฝนทิพย์ต้องนิ่งค้าง ใช่ว่าเธอจะไม่เหนื่อยล้า ใช่ว่าเธอจะไม่ท้อแท้ แต่ถ้าหวังอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป เธอจะปล่อยให้ความคิดอ่อนแอแบบนี้เข้าครอบงำจิตใจไม่ได้โดยเด็ดขาด
“ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้เรื่องที่เกิดขึ้นกลายเป็นความลับไปเด็ดขาด ถึงแม้จะตายไปแล้วก็ตาม คนที่ทำผิดต้องถูกลงโทษ และความจริงทุกอย่างจะต้องถูกเปิดเผย ยงยุทธ์ก่อกรรมทำเข็ญกับพวกเราไว้ยังไง มันก็ต้องได้รับผลกรรมที่มันก่อไว้อย่างสาสม” คำพูดของฝนทิพย์คล้ายปลุกพลังบางอย่างในตัวของสายแพรให้ฟื้นกลับคืนมีชีวิตอีกครั้ง หญิงสาวหวนนึกไปถึงแสงพงษ์ผู้เป็นพี่ชาย ที่ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง หากเขายังมีชีวิตอยู่ก็คงได้แต่เฝ้ารอคอยเธออย่างมีความหวัง เธอเหลือเขาเพียงแค่คนเดียวจริงๆ เธอเองก็ไม่อยากตายตอนนี้ เธอยังคงห่วงพี่ชายเพียงคนเดียวคนนี้อยู่... เธอจะตายไม่ได้ จะตายตอนนี้ไม่ได้...
“พรุ่งนี้เช้าเราจะหาทางกลับไปที่ลำธารอีกครั้ง มันจะต้องไหลไปรวมกับแม่น้ำ น้ำจะไหลลงสู่ที่ต่ำเสมอ น้ำจะพาเราออกไปจากป่านี้...” ฝนทิพย์บอกกับสายแพรด้วยน้ำเสียงมาดมั่น หากสายแพรไม่วู่วามวิ่งหนีออกมา พรุ่งนี้เช้าเธอก็ตั้งใจว่าจะออกเดินทางตั้งแต่รุ่งสาง แต่ทว่าเรื่องทั้งหมดกลับพลิกผัน เธอต้องเข้ามาหลงอยู่ในป่าลึกอีกครั้ง และกว่าจะหาทางกลับไปยังห้างก็คงกินเวลาไม่ใช่เล่นแน่
หลังจบการสนทนาแล้ว ทั้งสองก็งีบหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย เป็นเวลาเกือบตีสี่แล้ว สัตว์ป่าหลายชนิดที่ออกหากินตอนใกล้รุ่งสางเริ่มออกมาจากที่หลบอาศัย พร้อมกับใครบางคนที่เดินโซซัดโซเซมากลางป่าอย่างเงียบๆ