ภูผาอาถรรพ์ ตอนที่ ๑๐ ปาฏิหาริย์สุดสะพรึง
http://ppantip.com/topic/32026033
ฝนทิพย์ไม่พบพืชชนิดที่พอจะกินได้นอกจากกล้วยป่าอีกแล้ว หลังจากเดินเลาะตามแก่งเพื่อหาผู้ร่วมทางของสายแพรไปไกลค่อนกิโลฯ แต่ก็กลับไม่พบร่าง ฝนทิพย์จึงตัดสินใจเดินเข้าป่าลึกด้านในเพื่อหาของกินก่อนที่พระอาทิตย์จะตก ทั้งคู่เดินมาได้ไม่ไกลก็พบกับดงกล้วยป่าขนาดใหญ่ ถือว่าสวรรค์ยังเมตตาเธออยู่...
“คุณฝนรู้ได้ยังไงคะ ว่าเดินทางมานี้แล้วเราจะเจอกล้วยป่า” สายแพรถามขึ้นด้วยความสงสัย หลังช่วยกันโค่นกล้วยป่าต้นหนึ่งลงอย่างทุลักทุเล และหักเอาหยวกกล้วยสีขาวออกมา
“ตามริมแม่น้ำอย่างนี้จะมีพืชที่ชอบน้ำขึ้นเสมอค่ะ คุณแพรหักเอาใบกล้วยไว้รองนั่งนะคะ ส่วนหยวกกล้วยก็กินได้ไม่มีอันตราย รสชาติอาจจืดหน่อยแต่ก็ดีกว่าอดตาย เดี๋ยวฉันจะลองไปเดินดูแถวๆ นี้อีกรอบ พืชจำพวกบอน ผักกูด ผักหนาม ชะพลู กระวาน ปุด หรือหวาย เราสามารถเด็ดมากินสดๆ ได้ทั้งนั้น”
“ถ้างั้นฉันขอตามไปด้วยคนค่ะ” สายแพรเอ่ยขึ้น ฝนทิพย์รับคำด้วยความยินดี
ทั้งคู่เดินลัดเลาะช่วยกันหาพืชที่สามารถกินได้ เมนูเย็นนี้จึงเต็มไปด้วยผัก แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรกิน นั่งท้องว่างปล่อยให้น้ำย่อยกัดกระเพราะ สุดท้ายก็หมดแรง และอาจตายอยู่ในป่าแห่งนี้
“ฉันยอมรับเลยนะคะว่า วินาทีที่รู้ว่าตัวเองหลงป่าแล้วนั้น ในหัวใจมีแต่ความกลัว... มันทำอะไรไม่ถูกจริงๆ” สายแพรเอ่ยขึ้น พลางหักหยวกกล้วยก่อนหยิบเข้าปาก
“เป็นธรรมดาของมนุษย์ค่ะ คุณไม่ใช่นักเดินป่ามืออาชีพ ไม่ใช่ทหารที่ถูกฝึกมา อาการแรกที่คุณจะพบเมื่อคุณหลงป่าก็คือ "ความกลัว" ไม่ว่าคุณจะอยู่ส่วนไหนของป่า ความกลัวจะเข้าครอบงำจิตใจของคุณ แต่ที่สำคัญคือต้องมีสติ เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้เรารอดออกไปจากป่าได้” ฝนทิพย์ว่า พลางเคี้ยวหยวกกล้วยป่าในปาก
“แล้วคุณฝนไม่กลัวบ้างเหรอคะ... ถ้าหากตอนนี้เราไม่ได้พบกัน คุณจะทำยังไง” คำถามของสายแพรทำให้คนฟังนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะวางหยวกกล้วยที่เหลือครึ่งท่อนลงบนใบตองที่ปู
“ฉันก็จะทำเหมือนที่กำลังทำอยู่นี่แหละค่ะ นี่ก็ใกล้ค่ำแล้ว ต้องรอถึงเช้าวันพรุ่งนี้ถึงจะออกเดินทางได้ ตอนนี้ฉันหิว ฉันก็ต้องหาของกิน เมื่อต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ฉันเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนจะดึงเอาสัญชาติของการเอาตัวรอดออกมาใช้ พรุ่งนี้คุณแพรต้องช่วยจำด้วยนะคะว่าระหว่างเดินทางเราผ่านอะไรบ้าง เราต้องมองหาจุดเด่น และจำได้ให้ขึ้นใจ อาจจะเป็นภูเขา เหลี่ยมเขา หรือต้นไม้ใหญ่ๆ”
“ค่ะ...แล้วคืนนี้ เราจะนอนกันที่นี่เหรอคะ” สายแพรเริ่มกังวล ด้วยที่ว่าจุดตรงนี้ชื้นและใกล้ธารน้ำ กลัวว่าตอนกลางคืนอาจมีสัตว์ป่าลงมาหากิน
ฝนทิพย์สูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนกวาดสายตามองไปรอบๆ กาย พักหนึ่งจึงเดินสำรวจไปรอบๆ สายแพรรีบเดินตามไปอย่างไม่รอช้า ผ่านไปครู่ใหญ่ฝนทิพย์จึงผายยิ้มออกด้วยความโล่งใจ
“นั่นค่ะ...ที่พักของเราคืนนี้” หญิงสาวชี้ไปยังกลุ่มซากไม้ที่วางกองคล้ายเพิงพักบนต้นไม้สูงต้นหนึ่ง ห่างไปราวห้าสิบเมตร
“นั่นอะไรคะ...”
“ห้างค่ะ...คงเป็นห้างของพวกนายพรานหรือไม่ก็ห้างที่เจ้าหน้าที่ทำขึ้น เอาไว้ส่องสัตว์ตอนกลางคืน มาในป่าลึกแบบนี้ นอนบนพื้นดินมันอันตราย เดี๋ยวเราเดินข้ามด่านช้างไปก็น่าจะถึง”
“ด่านช้าง...” สายแพรเบิกตากว้าง ขณะที่ฝนทิพย์เดินลัดเลาะต้นไม้ไปทางซ้ายมือ ไม่นานก็มาถึงทางดินขนาดกว้างเกือบห้าเมตรคล้ายถนน ที่มุ่งตรงสู่ลำธาร
“ด่านช้างเป็นเส้นทางของช้างค่ะ เราต้องระวังนะคะเพราะพวกนี่เป็นเส้นทางของพวกเขา เมื่อไหร่ที่มาใกล้โป่ง อย่าให้ช้างเห็นตัวเราเด็ดขาด ไม่งั้นถูกไล่เหยียบแน่ นั่นไงคะ...รอยเท้าช้าง” ฝนทิพย์ชี้ไปยังรอยเท้าช้างตรงหน้า มองดูก็คาดว่าคงเพิ่งมีช้างทั้งโขลงลงมากินน้ำที่ลำธาร แล้วพอทั้งคู่รีบเดินข้ามโป่งช้างไป ไม่นานก็ถึงจุดหมาย
ต้นไม้ใหญ่ยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้า ความสูงเกือบสามสิบเมตร ฝนทิพย์ชะเง้อเพื่อนึกชื่อ แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก รู้แต่ว่าคืนนี้คงได้อาศัยมันเป็นที่หลับนอน หญิงสาวเดินเข้าไปใกล้โคนต้น เห็นไม้ที่ถูกปักลงบนบนโคนเพื่อใช้เป็นที่ปีนขึ้นสู่ห้างด้านบน จึงรีบวางเท้าและค่อยๆ ปีนขึ้นไปอย่างระมัดระวัง
สายแพรผู้รอคอยอยู่เบื้องล่างยืนลุ้นอย่างใจเต้น หวังว่าบ้านหลังนี้คงไม่พังครืนลงมาเมื่อฝนทิพย์ขึ้นไปนั่งนะ
“คุณแพร...” ผ่านไปไม่นาน คนที่ปีนถึงห้างก็ส่งเสียงลงมาบอก พร้อมกับยื่นหน้ามองลงมาพร้อมรอยยิ้ม
“เป็นยังไงบ้างคะ ข้างบนนั่งได้รึเปล่า?” สายแพรตะโกนถาม ก่อนที่ฝนทิพย์จะพยักหน้า ด้านบนเป็นพื้นไม้จากไม้ไผ่ รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดกว้างราวสองเมตรยาวเกือบสี่เมตร วางอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่สองกิ่งที่แตกออกจากลำต้น ปลายของมุมทั้งสี่มีเชือกผูกติดไว้แน่น ด้านบนทำเป็นเพิงเล็กๆ สูงสักหนึ่งเมตร ฝนทิพย์จึงนั่งเหยียดขาและเอนหลังพิงกับโคนต้นไม้ใหญ่ด้านหลัง นั่งพักให้หายเหนื่อยในขณะที่สายแพรเริ่มปีนขึ้นไปบนห้างอย่างช้าๆ
“เดี๋ยวเรากลับไปที่ธารน้ำตก กินน้ำให้อิ่มแล้วตักใส่ใบบอนหรือใบตองกลับมากินที่นี่ เพราะกว่าจะเดินมาถึงก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน” ฝนทิพย์ว่า หลังสายแพรขึ้นมาถึงห้าง และมองลงไปเบื้องล่างด้วยสีหน้าหวาดเสียว
“คะ... คุณฝน...เราจะนอนกันบนนี้จริงๆ เหรอ” สายแพรถามเสียงสั่น อีกฝ่ายเข้าใจดีว่าเธอเพิ่งผ่านเหตุการณ์อันน่ากลัวมา การพลัดตกจากผาเวิ้งเหวคือความทรงจำอันเลวร้ายสำหรับสายแพร
ฝนทิพย์ยื่นมือไปจับมือสายแพรเบาๆ ก่อนปลอบ “ฉันเข้าใจคุณนะคะคุณสายแพร แต่นี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว เรานอนบนพื้นดินตอนกลางคืนไม่ได้ มันอันตรายเกินไป ในป่านี้ไม่ได้มีแค่เสือ หมาใน หมี ช้าง งูพิษ หรือสัตว์ร้ายอะไรก็ตาม แต่มันยังมีอะไรที่น่ากลัวกว่านั้นเยอะ ฉันเคยเข้าป่ามาก่อนคุณ เชื่อฉันเถอะค่ะ”
ภูผาอาถรรพ์ ตอนที่ ๑๑ ผู้มาเยือนยามวิกาล
http://ppantip.com/topic/32026033
ฝนทิพย์ไม่พบพืชชนิดที่พอจะกินได้นอกจากกล้วยป่าอีกแล้ว หลังจากเดินเลาะตามแก่งเพื่อหาผู้ร่วมทางของสายแพรไปไกลค่อนกิโลฯ แต่ก็กลับไม่พบร่าง ฝนทิพย์จึงตัดสินใจเดินเข้าป่าลึกด้านในเพื่อหาของกินก่อนที่พระอาทิตย์จะตก ทั้งคู่เดินมาได้ไม่ไกลก็พบกับดงกล้วยป่าขนาดใหญ่ ถือว่าสวรรค์ยังเมตตาเธออยู่...
“คุณฝนรู้ได้ยังไงคะ ว่าเดินทางมานี้แล้วเราจะเจอกล้วยป่า” สายแพรถามขึ้นด้วยความสงสัย หลังช่วยกันโค่นกล้วยป่าต้นหนึ่งลงอย่างทุลักทุเล และหักเอาหยวกกล้วยสีขาวออกมา
“ตามริมแม่น้ำอย่างนี้จะมีพืชที่ชอบน้ำขึ้นเสมอค่ะ คุณแพรหักเอาใบกล้วยไว้รองนั่งนะคะ ส่วนหยวกกล้วยก็กินได้ไม่มีอันตราย รสชาติอาจจืดหน่อยแต่ก็ดีกว่าอดตาย เดี๋ยวฉันจะลองไปเดินดูแถวๆ นี้อีกรอบ พืชจำพวกบอน ผักกูด ผักหนาม ชะพลู กระวาน ปุด หรือหวาย เราสามารถเด็ดมากินสดๆ ได้ทั้งนั้น”
“ถ้างั้นฉันขอตามไปด้วยคนค่ะ” สายแพรเอ่ยขึ้น ฝนทิพย์รับคำด้วยความยินดี
ทั้งคู่เดินลัดเลาะช่วยกันหาพืชที่สามารถกินได้ เมนูเย็นนี้จึงเต็มไปด้วยผัก แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรกิน นั่งท้องว่างปล่อยให้น้ำย่อยกัดกระเพราะ สุดท้ายก็หมดแรง และอาจตายอยู่ในป่าแห่งนี้
“ฉันยอมรับเลยนะคะว่า วินาทีที่รู้ว่าตัวเองหลงป่าแล้วนั้น ในหัวใจมีแต่ความกลัว... มันทำอะไรไม่ถูกจริงๆ” สายแพรเอ่ยขึ้น พลางหักหยวกกล้วยก่อนหยิบเข้าปาก
“เป็นธรรมดาของมนุษย์ค่ะ คุณไม่ใช่นักเดินป่ามืออาชีพ ไม่ใช่ทหารที่ถูกฝึกมา อาการแรกที่คุณจะพบเมื่อคุณหลงป่าก็คือ "ความกลัว" ไม่ว่าคุณจะอยู่ส่วนไหนของป่า ความกลัวจะเข้าครอบงำจิตใจของคุณ แต่ที่สำคัญคือต้องมีสติ เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้เรารอดออกไปจากป่าได้” ฝนทิพย์ว่า พลางเคี้ยวหยวกกล้วยป่าในปาก
“แล้วคุณฝนไม่กลัวบ้างเหรอคะ... ถ้าหากตอนนี้เราไม่ได้พบกัน คุณจะทำยังไง” คำถามของสายแพรทำให้คนฟังนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะวางหยวกกล้วยที่เหลือครึ่งท่อนลงบนใบตองที่ปู
“ฉันก็จะทำเหมือนที่กำลังทำอยู่นี่แหละค่ะ นี่ก็ใกล้ค่ำแล้ว ต้องรอถึงเช้าวันพรุ่งนี้ถึงจะออกเดินทางได้ ตอนนี้ฉันหิว ฉันก็ต้องหาของกิน เมื่อต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ฉันเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนจะดึงเอาสัญชาติของการเอาตัวรอดออกมาใช้ พรุ่งนี้คุณแพรต้องช่วยจำด้วยนะคะว่าระหว่างเดินทางเราผ่านอะไรบ้าง เราต้องมองหาจุดเด่น และจำได้ให้ขึ้นใจ อาจจะเป็นภูเขา เหลี่ยมเขา หรือต้นไม้ใหญ่ๆ”
“ค่ะ...แล้วคืนนี้ เราจะนอนกันที่นี่เหรอคะ” สายแพรเริ่มกังวล ด้วยที่ว่าจุดตรงนี้ชื้นและใกล้ธารน้ำ กลัวว่าตอนกลางคืนอาจมีสัตว์ป่าลงมาหากิน
ฝนทิพย์สูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนกวาดสายตามองไปรอบๆ กาย พักหนึ่งจึงเดินสำรวจไปรอบๆ สายแพรรีบเดินตามไปอย่างไม่รอช้า ผ่านไปครู่ใหญ่ฝนทิพย์จึงผายยิ้มออกด้วยความโล่งใจ
“นั่นค่ะ...ที่พักของเราคืนนี้” หญิงสาวชี้ไปยังกลุ่มซากไม้ที่วางกองคล้ายเพิงพักบนต้นไม้สูงต้นหนึ่ง ห่างไปราวห้าสิบเมตร
“นั่นอะไรคะ...”
“ห้างค่ะ...คงเป็นห้างของพวกนายพรานหรือไม่ก็ห้างที่เจ้าหน้าที่ทำขึ้น เอาไว้ส่องสัตว์ตอนกลางคืน มาในป่าลึกแบบนี้ นอนบนพื้นดินมันอันตราย เดี๋ยวเราเดินข้ามด่านช้างไปก็น่าจะถึง”
“ด่านช้าง...” สายแพรเบิกตากว้าง ขณะที่ฝนทิพย์เดินลัดเลาะต้นไม้ไปทางซ้ายมือ ไม่นานก็มาถึงทางดินขนาดกว้างเกือบห้าเมตรคล้ายถนน ที่มุ่งตรงสู่ลำธาร
“ด่านช้างเป็นเส้นทางของช้างค่ะ เราต้องระวังนะคะเพราะพวกนี่เป็นเส้นทางของพวกเขา เมื่อไหร่ที่มาใกล้โป่ง อย่าให้ช้างเห็นตัวเราเด็ดขาด ไม่งั้นถูกไล่เหยียบแน่ นั่นไงคะ...รอยเท้าช้าง” ฝนทิพย์ชี้ไปยังรอยเท้าช้างตรงหน้า มองดูก็คาดว่าคงเพิ่งมีช้างทั้งโขลงลงมากินน้ำที่ลำธาร แล้วพอทั้งคู่รีบเดินข้ามโป่งช้างไป ไม่นานก็ถึงจุดหมาย
ต้นไม้ใหญ่ยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้า ความสูงเกือบสามสิบเมตร ฝนทิพย์ชะเง้อเพื่อนึกชื่อ แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก รู้แต่ว่าคืนนี้คงได้อาศัยมันเป็นที่หลับนอน หญิงสาวเดินเข้าไปใกล้โคนต้น เห็นไม้ที่ถูกปักลงบนบนโคนเพื่อใช้เป็นที่ปีนขึ้นสู่ห้างด้านบน จึงรีบวางเท้าและค่อยๆ ปีนขึ้นไปอย่างระมัดระวัง
สายแพรผู้รอคอยอยู่เบื้องล่างยืนลุ้นอย่างใจเต้น หวังว่าบ้านหลังนี้คงไม่พังครืนลงมาเมื่อฝนทิพย์ขึ้นไปนั่งนะ
“คุณแพร...” ผ่านไปไม่นาน คนที่ปีนถึงห้างก็ส่งเสียงลงมาบอก พร้อมกับยื่นหน้ามองลงมาพร้อมรอยยิ้ม
“เป็นยังไงบ้างคะ ข้างบนนั่งได้รึเปล่า?” สายแพรตะโกนถาม ก่อนที่ฝนทิพย์จะพยักหน้า ด้านบนเป็นพื้นไม้จากไม้ไผ่ รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดกว้างราวสองเมตรยาวเกือบสี่เมตร วางอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่สองกิ่งที่แตกออกจากลำต้น ปลายของมุมทั้งสี่มีเชือกผูกติดไว้แน่น ด้านบนทำเป็นเพิงเล็กๆ สูงสักหนึ่งเมตร ฝนทิพย์จึงนั่งเหยียดขาและเอนหลังพิงกับโคนต้นไม้ใหญ่ด้านหลัง นั่งพักให้หายเหนื่อยในขณะที่สายแพรเริ่มปีนขึ้นไปบนห้างอย่างช้าๆ
“เดี๋ยวเรากลับไปที่ธารน้ำตก กินน้ำให้อิ่มแล้วตักใส่ใบบอนหรือใบตองกลับมากินที่นี่ เพราะกว่าจะเดินมาถึงก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน” ฝนทิพย์ว่า หลังสายแพรขึ้นมาถึงห้าง และมองลงไปเบื้องล่างด้วยสีหน้าหวาดเสียว
“คะ... คุณฝน...เราจะนอนกันบนนี้จริงๆ เหรอ” สายแพรถามเสียงสั่น อีกฝ่ายเข้าใจดีว่าเธอเพิ่งผ่านเหตุการณ์อันน่ากลัวมา การพลัดตกจากผาเวิ้งเหวคือความทรงจำอันเลวร้ายสำหรับสายแพร
ฝนทิพย์ยื่นมือไปจับมือสายแพรเบาๆ ก่อนปลอบ “ฉันเข้าใจคุณนะคะคุณสายแพร แต่นี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว เรานอนบนพื้นดินตอนกลางคืนไม่ได้ มันอันตรายเกินไป ในป่านี้ไม่ได้มีแค่เสือ หมาใน หมี ช้าง งูพิษ หรือสัตว์ร้ายอะไรก็ตาม แต่มันยังมีอะไรที่น่ากลัวกว่านั้นเยอะ ฉันเคยเข้าป่ามาก่อนคุณ เชื่อฉันเถอะค่ะ”