เพราะตีความหมายของการบังคับจิตสับสนไปหน่อย คือไปผสมปนเปกับสภาพของความเป็นสามัญลักษณะของจิต (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)
สภาพความเป็นสามัญลักษณะ ของจิต คือ เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทั้ง ๓ นั้น ย่อมไม่อาจบังคับได้ แน่นอน เพราะมันต้องเป็นไปแบบนั้นตามธรรมชาติของสังขารทั้งปวง
แต่ความหมายของการบังคับจิตที่เราจะสามารถฝึกบังคับได้นั้น หมายถึง บังคับทิศทางของการปรุงแต่งของมัน ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของเราได้ในระดับหนึ่ง มากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับความชำนาญของแต่ละบุคคลนั้นๆ
การบังคับทิศทางของการปรุงแต่งของมัน คือ การบังคับเจตสิกต่างๆ ที่เกิดในจิต นั่นเอง โดยใช้เจตสิกนั่นแหละมาจัดการบังคับกันเอง ในตัวของจิตนั้นเอง
ถ้าการบังคับจิตในลักษณะที่ว่านี้เป็นไปไม่ได้ ดังนั้น คนเราย่อมไม่อาจจะฝึกหัดจิตภาวนาได้เลย ... แต่ที่คนเราสามารถฝึกหัดจิตได้ หรือฝึกภาวนาได้ เพราะเราอาจจะสามารถบังคับจิตได้ นั่นเอง...
เปรียบเทียบคือ เหมือนกับการขับรถ คนที่ขับรถย่อมสามารถบังคับรถได้ เช่น ให้วิ่ง เร็วหรือช้า หรือให้หยุด หรือให้จอดที่ไหน ก็ได้ ..แต่ไม่ใช่หมายถึงคนขับรถนั้นจะไปบังคับความเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ของรถนั้นได้ ..ยังไงๆ รถนั้นก็ต้องตกอยู่ในสภาวะความเป็นไตรลักณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ตามธรรมชาิตของมันที่เป็นสังขารอย่างหนึ่ง นั่นเอง
เทียบกันคือ รถ ก็คือ จิต.. คนขับรถ ก็คือความรู้สึกที่เป็นตัวตนของแต่ละคน
การฝึกบังคับจิต ก็คือ ฝึกสร้างกุศลเจตสิก มาทำลายอกุศลเจตสิก ..แค่นั้น.
หลายๆคน เพราะตีความหมายผิด จึงเข้าใจผิดว่า จิตบังคับไม่ได้,ที่จริงนั้น จิตสามารถถูกบังคับได้
สภาพความเป็นสามัญลักษณะ ของจิต คือ เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทั้ง ๓ นั้น ย่อมไม่อาจบังคับได้ แน่นอน เพราะมันต้องเป็นไปแบบนั้นตามธรรมชาติของสังขารทั้งปวง
แต่ความหมายของการบังคับจิตที่เราจะสามารถฝึกบังคับได้นั้น หมายถึง บังคับทิศทางของการปรุงแต่งของมัน ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของเราได้ในระดับหนึ่ง มากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับความชำนาญของแต่ละบุคคลนั้นๆ
การบังคับทิศทางของการปรุงแต่งของมัน คือ การบังคับเจตสิกต่างๆ ที่เกิดในจิต นั่นเอง โดยใช้เจตสิกนั่นแหละมาจัดการบังคับกันเอง ในตัวของจิตนั้นเอง
ถ้าการบังคับจิตในลักษณะที่ว่านี้เป็นไปไม่ได้ ดังนั้น คนเราย่อมไม่อาจจะฝึกหัดจิตภาวนาได้เลย ... แต่ที่คนเราสามารถฝึกหัดจิตได้ หรือฝึกภาวนาได้ เพราะเราอาจจะสามารถบังคับจิตได้ นั่นเอง...
เปรียบเทียบคือ เหมือนกับการขับรถ คนที่ขับรถย่อมสามารถบังคับรถได้ เช่น ให้วิ่ง เร็วหรือช้า หรือให้หยุด หรือให้จอดที่ไหน ก็ได้ ..แต่ไม่ใช่หมายถึงคนขับรถนั้นจะไปบังคับความเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ของรถนั้นได้ ..ยังไงๆ รถนั้นก็ต้องตกอยู่ในสภาวะความเป็นไตรลักณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ตามธรรมชาิตของมันที่เป็นสังขารอย่างหนึ่ง นั่นเอง
เทียบกันคือ รถ ก็คือ จิต.. คนขับรถ ก็คือความรู้สึกที่เป็นตัวตนของแต่ละคน
การฝึกบังคับจิต ก็คือ ฝึกสร้างกุศลเจตสิก มาทำลายอกุศลเจตสิก ..แค่นั้น.