กาลครั้งหนึ่งยังมีดินแดนใหญ่
แผ่แสนไกลในควันอันเหน็บหนาว
มีราชาราชินีมีเรื่องราว
มีเรื่องเจ้าหญิงเลองามอยู่สี่คน
แลครั้งนั้นเจ้าชายน้อยคล้อยกำเนิด
วังประชาฉลองเลิศทุกแห่งหน
ประดับวังประดังดามีค่ายล
หามีผู้ใดฉงนซึ่งตำนาน
คือสายเลือดซึ่งซ่อนเร้นกับราชศักดิ์
มิมีผู้ใดประจักษ์หักอาจหาญ
กับกายเปราะแก้วแม้นแม้คราญ
ซึ่งอาจผลาญได้เพียงผัสสะเบา
ต้องถูกกางขวางกั้นด้วยนั่นนี่
ต้องคอยมีคนใช้เอาไว้เฝ้า
ต้องระวังอันตรายรายเช้าเพรา
อย่าให้เขากระทบบาดอาจสิ้นใจ
วันหนึ่งได้เอนกายลงที่บนพื้น
สงสัยตื่นมองฟ้าหาไฉน
เพียงขอชมฤดูร้อนยามอยู่ไป
เพราะไม่รู้เมิ่อใดไร้ชีวา
เพียงกระทบฟกช้ำก็ไม่อาจหยุด
โลหิตรุดเนืองนองสยองกล้า
เมื่อหมอไม่อาจช่วย องค์ราชา-
จึงต้องมาเพิ่งหมอผีที่ลือชา
เมื่อดินแดนแสนสู่สงครามใหญ่
ราชาให้เจ้าชายไปแดนหน้า
ยามนั้นมีนายพลต่างภาษามา
รู้ข่าวว่าบุตรชีพวายในโรมรัน
ราตรีหนาวเยือกเย็นเข็ญให้ล้า
"พระบิดาให้ข้าอยู่เปํนเพื่อนท่าน"
ท่ามทิวามิดมืดก็ตรัสพลัน
"เพราะว่าท่านอาจเศร้าเหงาใจเดียว"
แต่ยามสงครามสิ้นดินแดนแพ้
ความแค้นแผ่ผลาญเผาทุกคราวเหลียว
เปลี่ยนเสียงสรวลแซ่ซร้องที่ร้องเกลียว
ต้องลดเลี้ยวหลบไปให้พ้นแดน
ถูกขังอยู่กลางทุ่งหญ้าป่าสนหนาว
ที่ฟอกขาวโพลนเหน็บเจ็บเหลือแสน
มีแต่พ่อแม่พี่ปันวันขาดแคลน
โรคย้ำเบียดไม่อาจแม้นยืนสักวัน
ก็กลางดึกเขาเข้าปลุกให้ลุกมา
เพราะบอกว่าจะส่งให้ปลอดภัยนั่น
ทั้งครอบครัวลงไปใต้ดินกัน
ปืนไฟกลับพ่นควันฟุ้งเฟ้อไกว
เบื้องหน้าภาพครอบครัวสูญสิ้นแล้ว
ตะลึงเพริดแม้จะแคล้วรอดชีพได้
จำถูกจ้วงแทงกระหน้ำย้ำซ้ำไป
โลหิตไหลไม่เลือดหาหยุดนองกองกาย
กลางหิมะแม้เถ้าร่างก็สูญหาย
เพื่อต้องกลายเป็นเป้าหมายคนหลายหน้า
ฤๅบางทีจะขอเชื่อในผืนฟ้า
ว่าจักได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน
---------------------------
ได้รับแรงบันดาลใจมากจาก biography (ต้องใช้คำว่าพระราชประวัติ?) ของ Alexei Nikolaevich, Tsarevich of Russia หรือที่รู้จักกันในชื่อของเจ้าชาย Alexei Romanov (พระอนุชาของแกรนด์ดัชเชส Anastasia) ครับ
The Bloody Prince
แผ่แสนไกลในควันอันเหน็บหนาว
มีราชาราชินีมีเรื่องราว
มีเรื่องเจ้าหญิงเลองามอยู่สี่คน
แลครั้งนั้นเจ้าชายน้อยคล้อยกำเนิด
วังประชาฉลองเลิศทุกแห่งหน
ประดับวังประดังดามีค่ายล
หามีผู้ใดฉงนซึ่งตำนาน
คือสายเลือดซึ่งซ่อนเร้นกับราชศักดิ์
มิมีผู้ใดประจักษ์หักอาจหาญ
กับกายเปราะแก้วแม้นแม้คราญ
ซึ่งอาจผลาญได้เพียงผัสสะเบา
ต้องถูกกางขวางกั้นด้วยนั่นนี่
ต้องคอยมีคนใช้เอาไว้เฝ้า
ต้องระวังอันตรายรายเช้าเพรา
อย่าให้เขากระทบบาดอาจสิ้นใจ
วันหนึ่งได้เอนกายลงที่บนพื้น
สงสัยตื่นมองฟ้าหาไฉน
เพียงขอชมฤดูร้อนยามอยู่ไป
เพราะไม่รู้เมิ่อใดไร้ชีวา
เพียงกระทบฟกช้ำก็ไม่อาจหยุด
โลหิตรุดเนืองนองสยองกล้า
เมื่อหมอไม่อาจช่วย องค์ราชา-
จึงต้องมาเพิ่งหมอผีที่ลือชา
เมื่อดินแดนแสนสู่สงครามใหญ่
ราชาให้เจ้าชายไปแดนหน้า
ยามนั้นมีนายพลต่างภาษามา
รู้ข่าวว่าบุตรชีพวายในโรมรัน
ราตรีหนาวเยือกเย็นเข็ญให้ล้า
"พระบิดาให้ข้าอยู่เปํนเพื่อนท่าน"
ท่ามทิวามิดมืดก็ตรัสพลัน
"เพราะว่าท่านอาจเศร้าเหงาใจเดียว"
แต่ยามสงครามสิ้นดินแดนแพ้
ความแค้นแผ่ผลาญเผาทุกคราวเหลียว
เปลี่ยนเสียงสรวลแซ่ซร้องที่ร้องเกลียว
ต้องลดเลี้ยวหลบไปให้พ้นแดน
ถูกขังอยู่กลางทุ่งหญ้าป่าสนหนาว
ที่ฟอกขาวโพลนเหน็บเจ็บเหลือแสน
มีแต่พ่อแม่พี่ปันวันขาดแคลน
โรคย้ำเบียดไม่อาจแม้นยืนสักวัน
ก็กลางดึกเขาเข้าปลุกให้ลุกมา
เพราะบอกว่าจะส่งให้ปลอดภัยนั่น
ทั้งครอบครัวลงไปใต้ดินกัน
ปืนไฟกลับพ่นควันฟุ้งเฟ้อไกว
เบื้องหน้าภาพครอบครัวสูญสิ้นแล้ว
ตะลึงเพริดแม้จะแคล้วรอดชีพได้
จำถูกจ้วงแทงกระหน้ำย้ำซ้ำไป
โลหิตไหลไม่เลือดหาหยุดนองกองกาย
กลางหิมะแม้เถ้าร่างก็สูญหาย
เพื่อต้องกลายเป็นเป้าหมายคนหลายหน้า
ฤๅบางทีจะขอเชื่อในผืนฟ้า
ว่าจักได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน
---------------------------
ได้รับแรงบันดาลใจมากจาก biography (ต้องใช้คำว่าพระราชประวัติ?) ของ Alexei Nikolaevich, Tsarevich of Russia หรือที่รู้จักกันในชื่อของเจ้าชาย Alexei Romanov (พระอนุชาของแกรนด์ดัชเชส Anastasia) ครับ