อ่านหนังสือแล้วมาเล่า : Lonely Me Lonely You

กระทู้สนทนา
ยังอ่านไม่จบนะ แต่เปิดไป 50% แล้วล่ะ เพื่อนรักข้าจัดมาให้ข้าเมื่อวันก่อน มันบอกหนังสือนี้น่าจะเหมาะกับคนเพ้อบ่อยๆ เหงาเปลืองๆแบบ(หมายถึงข้า) เอาเป็นว่าขอบใจมันมาก บอกมันไปแล้ว อ่านไปเหมือนโดนมันหลอกด่า หยิกหน้า และถึงขั้นตบหัวดังป๊าบ!!! หัวทิ่มดินไปหลายครั้ง อ่านไปก็เหมือนคุยกับเพื่อนที่พูดตรงๆ ออกแนวปากหมาหน่อยๆอยู่เลยล่ะ เตือนสติได้หลายครั้งในช่วงที่อารมณ์มันพาไป ช่วยดึงสติดึงมือกลับจากคีย์บอร์ดได้หลายคราว ลดภาระต่อเฟซบุ๊ค - ทวิตเตอร์ - ไอจี ไปได้โข . . . คุยกันจบวันไหน จะมาเล่าใหม่ สำหรับวันนี้ขอลาไปด้วยประโยคที่ว่า ***เฮ้ย!!! น่ะ อย่าใช้ความเหงาเปลือง***
เอาล่ะ ภาคจบของหนังสือเล่มล่าสุดที่หน้าสุดท้ายเพิ่งผ่านพ้นสายตาไปแหมบๆ ไม่ผิดดังที่คาดไว้ ได้อะไรมากกว่าตัวหนังสือจริง เหมือนมีคนมาเตือนสติ แสดงความคิดเห็นในมุมที่ต่าง(จากเรา)ออกไป คล้ายๆมีคนมาพูดกับเราว่า ที่ทำอยู่มันดีจริงง่ะ / แกรู้ตัวป่ะว่าแกเริ่มโรคจิต / เรื่องที่แกคิดแน่ใจว่าเป้นอย่างนั้น / เฮ้ย!!!นี่แกติดใช่ไม๊ บลา บลา บลา ว่าไปอีกหลายความรู้สึก แต่มีบทความหนึ่งที่โคตรจะโดนใจ แทงใจ สะกิดใจ กระชากใจ อย่างรุนแรง อ่านแล้วร้อง เฮ้ย!!!! นี่มันเรื่องจริงนี่หว่า ความรู้สึกที่สองตามมา เอ๊ะ...นี่ข้าถูกหลอกด่าใช่ป่ะวะ . . . บทความที่ว่าคือบทความ "The FOMO : Fear of Missing Out" #ยินดีที่ได้เจอกัน #LonelyYouLonelyMe #เล่าหนังสือเล่มที่1
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่