อะ..จิงดิ พฤษภาปี 35 คนออกมาชุมนุมประท้วงไม่เอานายกที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ทั้งๆที่ไม่ได้มีกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ

ที่เค้าแอบนินทากันว่า การเมืองไทยนั้น แปลกประหลาด ลึกลับซับซ้อน ซ่อนเงื่อน และเข้าใจยากที่สุดในโลก อันนี้สงสัยจะจริง

ประเทศอื่น ประชาชนออกมาเดินขบวนประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย  โค่นล้มเผด็จการ ต้องการเลือกตั้ง

ประเทศทุย  มวลมหาประชากรวยเดินอมนกหวีดเรียกร้องเผด็จการ  โค่นล้มประชาธิปไตย ต้องการลากตั้ง       ( กุขรรม )

เดือนพฤษภาคม ปี 2535  ผู้คนนับแสนภายใต้การนำของบุรุษผู้มีท้องฟ้าเป็นของตัวเอง  พลตรี จำลอง ศรีเมือง  ได้ออกมาประท้วงขับไล่ พลเอก สุจินดา  คราประยูร  ด้วยข้อหาเป็นนายกที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เป็นนายกที่สืบทอดอำนาจจาก รสช. บลาๆๆ  ( ทั้งๆที่ รธน.ทั้งฉบับก่อนหน้าจนมาถึงฉบับที่ รสช.ร่างขึ้นใหม่ ก็ไม่ได้กำหนดคุณสมบัติข้อนี้ไว้ )

พลอ.สุจินดา ตอนนั้นก็แอบงงๆ เพราะ 1 ปีที่แล้ว ตอนทำการรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาล พลอ.ชาติชาย ชุณหวัณ ใหม่ๆ  ก็เห็นประชาชนชาวไทยพากันแซ่ซ้องสรรเสริญ  เอาดอกไม้ไปมอบให้ด้วยความชื่นชม  แล้วทำไมอยู่ๆ พอกุจะมาเป็นนายก  เสรือกมาต่อต้านซะงั้น  ( ตอนยึดอำนาจเสร็จใหม่ๆ คณะ รสช. ได้เอาราชรถมาเกย นายอานันท์  ปัญญารชุน ที่นั่งขายซิปวีนัสอยู่สำเพ็งดีๆ ให้ขึ้นมาเป็นนายกแบบส้มหล่น จากนั้นจึงทำการเลือกตั้ง ได้พรรคสามัคคีธรรมมีคะแนนเสียงอันดับหนึ่ง มีนายณรงค์  วงศ์วรรณเป็นหัวหน้าพรรค แต่ติดแบล็คอย่างงอมแงมจนไม่ได้เสนอชื่อให้เป็นนายกฯ )

พลอ.สุจินดา จึงไม่เชื่อว่า ประชาชนจะลุกฮือขึ้นจริง  น่าจะเป็นเกมส์การเมืองของผู้เสียผลประโยชน์  จึงสั่งให้มีการปราบปรามอย่างรุนแรง  โดยพลตรีจำลอง  ซึ่งตอนแรกใช้วิธีอดอาหารประท้วง  อดติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายวัน แต่ก็ไม่ตายสักที เพราะกลางคืนแอบต้มมาม่าแดรกทุกคืน  ต่อมาแกคงเบื่อ เพราะสมัยนั้น มาม่ายังไม่มีหลากหลายรสเหมือนสมัยนี้ กินแต่มาม่าหมูสับทุกวันแกก็เบื่อ  ก็เลยประกาศเลิกอดเอาดื้อๆ ด้วยเหตุผลที่แกแอบบอกคนสนิทสั้นๆว่า  "กุหิว"

ที่ผมงงและคนทั้งโลกก็งง ( บิ๊กสุกับบิ๊กจ๊อดบอกกุงงกว่าเมริงอีก) ก็คือว่า ตอนบิ๊กสุทำรัฐประหารใหม่ๆ ทำไมพลตรีจำลองและประชาชนทั้งหลายไม่ออกไปประท้วง  ทำไมไม่รักษาและหวงแหนสิทธิ ที่ถูกคณะ รสช.ปล้น

ทั้งๆที่ในสมัยรัฐบาลชาติชาย ถือเป็นยุคทองของเศรษฐกิจด้วยนโยบายแปรสนามรบให้เป็นสนามการค้า ตัวเลขความเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในช่วงนั้น ร้อนแรงถึงกว่า 10 เปอร์เซนต์ต่อปี กระทั่งมีการคาดหมายโดยทั่วไปว่าประเทศไทยจะเป็น "เสือตัวที่ 5" ของเอเชีย ( เห็นมั๊ยว่าปฏิวัติแต่ละที ประเทศเสียหายขนาดไหน สมัยทักษิณ เศรษฐกิจก็กำลังไปดีๆแท้ๆ มาสมัยนี้เศรษฐกิจก็ไม่ดีอยู่แล้ว ยังเสรือกเรียกร้องให้ปฏิวัติอีก ซัด ) ไม่ประท้วงต่อต้านไม่ว่า  เสรือกเอาดอกไม้ไปให้ด้วยความชื่นชมซะอีก    

โอเค  อาจจะอนุโลมได้บ้างว่า ที่เพิ่งมาประท้วงตอนหลังก็เพราะ คำพูดของพลเอกสุจินดา ที่บอกหลังจากยึดอำนาจว่า จะไม่ขอรับตำแหน่งใดๆ  ( คุ้นๆมั๊ยคำนี้  ใครกำลังพูด )  ดังนั้น ประชาชนจึงรับไม่ได้ ที่ บิ๊กสุจะขึ้นเป็นนายก    อืมมห์...ความรู้สึกช้าเนอะ   เหมือนตอนนี้เลย ที่กำนันสุเทพบอกว่าถ้าชนะยึดอำนาจได้แล้ว  จะกลับไปเลี้ยงหลาน  555  เชื่อมันดีมั๊ย  ลงทุนเปลืองตัวซะขนาดนี้  เพื่อจะกลับไปเลี้ยงหลาน กุขรรม (ใครจะเชื่อก็เรื่องของเมริง   จะรอให้สุเทพมันขึ้นเป็นประธานาธิบดีก่อนถึงจะสำนึกก็แล้วแต่  แต่คนเสื้อแดงเค้าไม่รอหรอก (โว้ย)  )

ดังนั้น  ในตอนนั้นที่คนพากันนินทาว่า ที่ลุงจำลอง ออกไปเป็นแกนนำประท้วงก็เพราะผลประโยชน์ไม่ลงตัว ระหว่าง จปร.5 กับ7  มันก็มีเหตุผล  และว่ากันว่าผลพวงจากการเป็นแกนนำประท้วงในครั้งนั้น  แกก็เลยเสพติดการเป็นแกนนำประท้วงอย่างงอมแงม ประท้วงแมมทุกเรื่อง   ชนิดที่เคยมีคนพาลุงแกไปเลิกที่ถ้ำกระบอกหลายครั้งก็ไม่หายสักที  มีประท้วงรัฐบาลที่ไหนแกจะพากองทัพทวยออกไปร่วมด้วยช่วยกันเสมอ

จากยี่สิบกว่าปีที่แล้ว  ลุงจำลอง ที่เคยพาคนออกมาประท้วงไม่เอานายกที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งจนมีคนตายหลายร้อยศพ  มา พศ.นี้ กลายมาเป็นแนวร่วมของนายสุเทพ โค่นล้มนายกที่มาจากการเลือกตั้ง และจะยัดเยียดเอานายกลากตั้งขึ้นมาแทน  ( ผลจากเหตุการณ์พฤษภาปี 35  ในรัฐบาลต่อมาจึงมีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่  โดยมีบทบัญญัติให้นายกต้องมาจาก สส. )

นี่ถ้าวีรชนที่เสียชีวิตเดือนพฤษภาปี 35  ลุกขึ้นมาพูดได้  ก็คงลุกขึ้นมาชี้นิ้วด่าลุงจำลองว่า

" กรูอุตส่าห์ยอมเสียสละชีวิตเพื่อให้ได้มาซึ่งระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ มีนายกมาจากการเลือกตั้งเหมือนนานาอารยะประเทศ   ยอมเดินตามเมริงจนตัวกรูตาย   แต่วันนี้เมริงเสรือกพาคนออกมาประท้วงล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง  และจะเอานายกที่พวกเมริงเลือกกันเองขึ้นมาปกครอง เมริงเป็นอะไรมากมั๊ยเนี่ย    กรวยเอ๊ย "  ( ผีอินเทรนด์ซะด้วย )



บทส่งท้าย

ประชาธิปไตยเราเดินทางมาไกลมากแล้ว  ถึงจะมีสะดุดหัวทิ่มหัวตำบ้าง แต่ก็กำลังเติบโตไปเรื่อยๆ  กระแสนายกต้องมาจากการเลือกตั้งผ่าน สส. มีมาตั้งแต่สมัย พลอ.เปรม เป็นนายก ฯ จนเป็นความกดดันให้ป๋ายอมวางมือไม่รับตำแหน่ง   ส่งผลให้พลอ. ชาติชาย ชุณหวัณ ขึ้นเป็นนายก ฯ อย่างสง่างาม  และเมื่อกระแสประชาธิปไตยเบ่งบานจึงมีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับต่อมาให้นายกฯต้องมาจากการเลือกตั้ง  แม้กระทั่ง รธน.ฉบับ คมช.ที่เผด็จการร่างขึ้นมาเองในฉบับปัจจุบัน  ก็ยังไม่กล้าเอาข้อนี้ออก

ดังนั้น จึงเป็นที่น่าสลดใจ ที่ ณ วันนี้ กำลังมีคนบางกลุ่ม พยายามบิดเบือนหาช่องว่างของ รธน. (ที่พวกมันร่างกันขึ้นมาเอง ) พาประเทศถอยหลังลงคลองยัดเยียดเอานายกที่ไม่ได้มาจากประชาชนขึ้นเถลิงอำนาจด้วยข้ออ้างต่างๆนาๆ  แบบหน้าด้านๆ  โดยไม่เกรงใจบรรพชนที่เสียสละชีวิตต่อสู้เพื่อระบอบประชาธิปไตยหลายร้อยหลายพันศพ

แค่อยากถามว่าเคยฟังเพลงนี้กันบ้างไหม  

"วิญญาณปู่  จะร้องไอ้ลูกหลานจัน RAI ๆ ๆ "
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่