ตลุยสกลนครกับเพื่อนจากอเมริกา 3 วัน 2 คืน กับสิ่งมหัศจรรย์ที่เรียกว่า "ข้าวกล้องงอก"


สวัสดีค่ะ
นี่เป็นครั้งแรกในการตั้งกระทู้ของดิฉันค่ะ ดิฉันหลบตัวซ่อนไปซ่อนมาอยู่ในระแวกนี้นานแล้ว จนวันนี้คิดได้ เอาว่ะ! ลองดูซักครั้งจะเสียหายอะไร และทั้งนี้ทั้งนั้นดิฉันก็ต้องขอย้อนกลับไปเมื่อต้นปี2014 ที่ผ่านมา ที่ตัวดิฉันได้มีโอกาสเดินทางไปเยี่ยมเยือนจังหวัดสกลกนคร หลังจากที่ไม่ได้มาจังหวัดนี้ประมาณ 5 ปีได้ แต่การเดินทางในครั้งนี้ดิฉันไม่ได้ไปคนเดียวค่ะ การเดินทางในครั้งนี้ถือเป็นประสบการณ์ที่ตัวดิฉันหาที่ไหนไมไ่ด้อีกแล้ว สืบเนื่องมาจากดิฉันได้ลงทะเบียนเรียนวิชานึงไว้ แล้ววิชานี้ก็ได้มีการร่วมมือและเรียนรู้ไปกับนักศึกษาจากอเมริกา จุดประสงค์ของการเดินทางในครั้งนี้คือ GABA Rice ? อะไรคือข้าวกล้องงอก แล้วมันต่างกับข้าวที่เรารับประทานกันอยู่ทุกวันนี้ตรงไหน แล้วทำไมราคามันถึงแพงนัก แล้วทำไมมันถึงไม่เป็นที่นิยมนักในประเทศไทย กลุ่มผู้บริโภคก็ช่างน้อยยิ่งนักเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ แล้วสาเหตุพวกนี้จะมีทางแก้ไขไหม

นี่คือสาเหตุและข้อสงสัยที่เรายังคงเก็บไว้และต้องการหาคำตอบ
และคำตอบทุกอย่างจะถูกคลี่คลายไหม

เพราะเหตุนี้เราถึงได้เดินทางมาที่นี่ค่ะ

บ้านนางอย ต.เต่างอย อ.เต่างอย จ.สกลนคร


นอกจากที่นี่จะถือเป็นหมู่บ้านที่ปลูกข้าวกล้องงอกมากที่สุดแล้ว ที่นี่ยังเป็นสถานที่ตั้ง โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 3 (เต่างอย) อีกด้วย

นี่เป็นบรรยากาศของหมู่บ้าน
นางอยหลังจากที่เราได้เดินทางไปถึง เราก้ได้พบเห็นวิธีชีวิตความเป็นอยู่ของหมู่บ้านที่นี่
ที่นางอยเป็นหมู่บ้านที่สงบ และ ชาวบ้านที่นี่ทำการเกษตรเป็นหลัก ทั้งปลูกช้าว, ปลูกมะเขือเทศส่งโรงงาน
เพราะที่นี่ยังเป็นสถานที่ตั้งของ
บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด (โครงการหลวงอาหารสำเร็จรูป) เป็นบริษัทในเครือสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ที่จังหวัดสกลนคร ผลิตภัณฑ์ของ "ดอยคำ" เป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผลผลิตทางการเกษตรของมูลนิธิโครงการหลวง ได้แก่ น้ำผลไม้พร้อมดื่ม,ผลไม้กระป๋อง,แยมผลไม้,ผลไม้อบแห้ง,ผักบรรจุกระป๋อง,ผักผลไม้แช่แข็ง และวัตถุดิบสำเร็จรูปที่ใช้ในการผลิตอาหารสำเร็จรูปอื่นๆ

อากาศในช่วงที่เราเดินทางไปถึงนั้นยังอยู่ในช่วงหนาวอยู่เลยค่ะ ตอนเช้าและกลางคืนนี่หนาวมาก แต่พอสายๆเริ่มมีแดดนี่ร้อนมากค่ะ





การเดินทางของเราในครั้งนี้ วันแรกเราเริ่มปฏิบัติหน้าที่สำรวจตลาดก่อนเลยค่ะ
และนี่คือภาพบรรยากาศของตลาดประมาณเจ็ดโมงเช้าค่ะ ชาวบ้านที่นี่เค้าจะนำผักและผลไม้และของที่หาได้มาขาย







ตอนโดนปลุกมานี่ไม่อยากจะมาเลยค่ะ ต้องลากกันออกจากที่นอนอยู่นานเลย แต่พอได้มาแล้วแทบไม่อยากกลับ





เพื่อนฝรั่งหลายๆคนพอเดินรอบตลาดและมาเห็นสิ่งนี่เข้าก็ตกใจค่ะ ว่าเรากินเข้าไปได้ยังไง ยังงี้คงต้องลอง เค้าก็จัดไปเลยค่ะ อย่างละถุง !













หลังจากจับจ่ายซื้อของในตลาดกันอยู่พักใหญ่เราก็กลับเข้ามาที่พักค่ะ นี่คือบรรยากาศที่เราไปพัก เป็นบ้านไม้หลังเล็กๆ คล้ายๆโฮมสเตย์เลยค่ะ





หลังจากนั้นก็ทำธุระส่วนตัวของใครของมันอีกซักครู่ก็ลงมารับประทานอาหารที่ใต้ถุนบ้าน และสิ่งที่เราพบเห็นบนโต๊ะอาหารสิ่งแรกเลยก็คือ สิ่งนี้นี่เอง




ภาระกิจวันแรกของเราคือการไปดูความเป็นอยู่ของชาวบ้านที่นี่และวิธีการผลิตข้าวกล้องงอก

สำหรับข้าวกล้องงอกแล้ว ถือเป็นนวัตกรรมหนึ่งที่กำลังได้รับความสนใจเนื่องจากเป็นข้าวกล้องที่ต้องผ่านกระบวนการงอกตามปกติในข้าวกล้องจะมีสารอาหาร จำนวนมาก เช่น
ใยอาหาร กรดไฟติก วิตามินซี วิตามินอี และสารกาบา
ซึ่งช่วยป้องกันโรคต่างๆเช่น โรคมะเร็ง
เบาหวาน ช่วยคุมน้ำหนักตัว เป็นต้น
สำหรับวิธีการผลิตนั้น ดิฉันขออธิบายให้ฟังกันสั้นๆนะคะ

1. นำข้าวเปลือกไปแช่น้ำเพื่อคัดแยกเมล็ดที่ไม่ดีออกจากเมล็ดที่ไม่ดี โดยเมล็ดที่ไม่ดีจะลอยอยู่ข้างบน โดยต้องคนให้ข้าวที่ไม่ดีที่จมอยู่ลอยขึ้นมา

2. การบ่ม คือการทำให้จมูกข้าวงอกออกมา โดยใช้เวลาประมาณ 1 ข้าว จมูกข้าวต้องยาวประมาณ 1-2 มิลลิเมตร หากสั้นกว่าหรือยาวกว่านี้จะไม่ดี







จากภาพจะสังเกตเห็นจมูกข้าวที่งอกออกมา

3. การนึ่งในตะกร้าสาน เป็นการหยุดการเจริญของจมูกข้าว และเป็นการฆ่าเชื้อโรค



4. การตากแห้ง จะตากหนึ่งถึงสองแดดขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในช่วงนั้น




5.การหวดข้าว เพื่อแยกข้าวที่ไม่ได้คุณภาพออกไป


6.นำข้าวมาแยกอีกทีนึงเพื่อได้ข้าวที่มีคุณภาพจริงๆ

7.นำข้าวไปสี



ข้าวที่ได้หลังจากสีเสร็จ








วันที่สองเราได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชมโรงงานดอยคำ





บรรยากาศและสภาพแวดล้อมดีมากค่ะ ระหว่างที่เราเดินสำรวจโรงงานเราก็จะได้กลิ่นมะเขือเทศลอยมาเป็นระยะๆ


นี่เป็นผลิตภัณฑ์จากข้าวกาบ้าของที่นี่ที่ออกจำหน่ายในรูปแบบกระเช้าของฝาก



นอกเหนือจากการดูงานและสอบถามชีวิตความเป็่นอยู่ของชาวบ้านที่นี่แล้ว เวลาว่างตลอดการอยู่ที่นี่ เราก็ได้ชื่นชมธรรมชาติ และลิ้มลองของอร่อยท้องถิ่น

นี่เป็นภาพบรรยากาศการเดินข้ามสะพานไม้ไผ่ไปหมู่บ้านฝั่งตรงข้าม





เดินไปเสียวไปค่ะ กลัวจะตกร่องบ้าง กว่าจะถึงก็เล่นเอาเหงื่อตกอยู่เหมือนกัน




นี่เป็นกล้วยญวนค่ะ มีโอกาสได้ทานเป็นครั้งแรก ติดใจเลยค่ะ รสชาติคล้ายๆกล้วยธรรมดานี่แหละ แต่จะแปลกตาตรงที่ทานไปต้องคายเมล็ดไป เมล็ดก็จะเป็นคล้ายๆเมล็ดมะขามแต่ขนาดไม่ใหญ่เท่า



นี่เป็นผลมัลเบอร์รี่ค่ะ หาทานได้ง่ายมาก คุณป้าเก็บมาให้ทานถุงเบ้อเริ่มเลย ยิ้ม



และก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ เราต้องขอบคุณป้าๆ แม่กลัวที่มาทำอาหารให้เรารับประทานตลอดการพักอาศัยอยู่ที่นี่
อาหารทุกอย่างเป็นอาหารพื้นบ้าน แต่รสชาดระดับห้าดาว

และนี่ก็เป็นภาพของอาหารจานโปรดของทุกคน คือข้าวต้มที่ทำมาจาก ข้าวกาบ้านั่นเอง รสชาดอร่อยมาก ทานไปพร้อมเคี้ยวข้าวกาบ้ากรุบกรอบไป อร่อยมากค่ะ



ขอฝากทิ้งท้าย และเปิดใจหลังจากเดินทางกลับมาที่กรุงเทพฯ หน่อย
การเดินทางมาที่สกลนครในครั้งนี้ สร้างความประทับใจให้ดิฉันเป็นอย่างนอก
ได้เรียนรู้ขั้นตอนการปลูกข้าว การขาย การผลิต และการส่งออก ว่าที่มาของข้าวห่อหนึ่งหรือจานหนึ่งที่เรารับประทานนั้นไม่ได้มาง่ายๆเลย
กำไรที่ชาวบ้านที่นี่ได้รับนั้นก็ไม่ได้สูงอะไรมาก แต่เค้ากลับทำมันด้วยใจ
วิธีการผลิตก็เป็นวิธีแบบเดิมๆที่ยังรักษาไว้ ทั้งเครื่องมือและเครื่องใช้ต่างๆ

การมาที่หมู่บ้านนางอยในครั้งนี้ ได้มาพบกับความจริงใจและความจริงใจของชาวบ้านที่นี่ ที่เค้าพร้อมเปิดใจและบอกเล่าเรื่องราวต่างๆให้เราฟังอย่างไม่ปกปิดใดๆ เราต้องขอบคุณพวกเค้าเป็นอย่างมาก ขอบคุณมิตรภาพจากเพื่อนต่างชาติที่ได้ร่วมเดินทางมาด้วยกัน

และการเดินทางในครั้งนี้จากความรู้เป้นศูนย์เกี่ยวกับข้าวกล้องงอก ตอนนี้ได้รู้คุณค่าของมันมากมาย เป็นข้าวที่มีคุณประโยขน์มากมายจนไม่น่าเชื่อ
เพราะการที่เราบริโภคข้าวกล้องงอก ที่มีสารกาบามากกว่าข้าวกล้องปกติ 15 เท่า
จะสามารถป้องกันการทำลายสมอง เนื่องจากสารเบต้าอไมลอยด์เปปไทด์ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรค สูญเสียความทรงจำ(อัลไซเมอร์ ) ดังนั้นจึงได้มีการนำสารกาบา มาใช้ในวงการแพทย์เพื่อการรักษาโรคเกี่ยวกับระบบประสาทต่างๆ หลายโรคเช่นโรควิตกกังวล โรคนอนไม่หลับ โรคลงชัก เป็นต้น รวมทั้งผลการวิจัยด้านสุขภาพระบุว่า ข้าวกล้องงอกที่ประกอบด้วย สารกาบา มีผลช่วยลดความดันโลหิต ลดอาการอัลไซเมอร์ ลดน้ำหนัก ทำให้ผิวพรรณดี และใช้บำบัดโรคเกี่ยวกับระบบประสาทส่วนกลาง


และท้ายนี้ขอปิดท้ายประโยคหนึ่งที่ดิฉันได้มาจากหนังเรื่องหนึ่งนะคะ

สำหรับคุณที่เคยทานข้าวมากๆ เพราะคุณโดดเดี่ยว
สำหรับคุณที่หลับนานๆ เพราะคุณเบื่อ
สำหรับคุณที่ร้องไห้หนักๆ เพราะคุณเศร้า
ฉันเขียนออกมา....
บดเคี้ยวความรู้สึกที่แอบแฝงอยู่เหมือนกับเวลาที่คุณเคี้ยวข้าว
ถึงยังไงชีวิตก็คือ สิ่งที่คุณจำเป็นต้องซึมซับเข้าไป

สำหรับใครที่อยากจะเดินทางมาที่หมู่บ้านนางอยก็มาได้นะคะ ชาวบ้านที่นี่เค้ายินดีต้อนรับเสมอ ยิ้ม

ขอบคุณที่เข้ามาติดตามนะคะ และขอให้มีความสุขกับการรับประทานข้าวนะคะ





แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่