ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มเอกชน (มาเฟีย) หรือ กลุ่มบริหาร (ผู้ควบคุม) ก็ตาม ต่างมีระบบ การใช้บุคลากรด้วยการให้บำเหน็จ และให้เกิดความเห่อเหิมในตัวเอง อันในที่สุดก็คือบวงคล้องคอให้เป็นผู้รับใช้อย่างไม่มีข้อแม้หรือขอบเขตุ นั่นเองครับ
เอาตัวอย่างจาก เลขาธิการ กปปส. มาวิเคราะห์ จะเห็นว่า ประวัติการเต่าใต้ขึ้นสู่อิทธิพล จะได้รับความโอบอุ้มและผลักดันจากอำนาจมืดตลอดมา ความเห่อเหิมในแต่ล๊ะขั้น ทำให้เกิดการกอบโกยเพื่อประโยชน์ส่วนตน โดยอำนาจมืดปละปล่อยให้กระทำ และพร้อมที่จะปกป้องอุ้มชูหรืออำนวยการปกป้องเสมือนในฐานะ การให้บำเหน็จ ในขณะเดียวกันก็เป็นเสมือนปลอกคอ ที่จะทำให้เขายินยอมที่จะกระทำทุกอย่างๆ ไม่มีข้อแม้เพื่ออำนาจมืด เพื่อการอยู่รอดของตัวเอง รวมทั้งผลประโยชน ฯลฯ การกระทำนั้นๆ ของเขาในขณะนี้ คือการกระทำในลักษณะหันหลังให้ฝา หรือ สุนัขจนตรอก นั่นเองครับ
อันตามปรกติ ความสามารถ ของ จนท.ตำรวจ ท้องที่ปรกติ ก็สามารถดำเนินการให้เขาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ได้อย่างแน่นอน แต่ทำใม ศอรส. ที่มีขีดความสามารถสูงกว่า จึงต้องชะลอ และยกเลิกการดำเนินการในวินาฑีสุดท้าย และทำใมผู้ทรงคุณวุฒิและอำนาจ ถึงได้มองว่า การกระทำของเขา เป็นการกระทำโดยชอบด้วย รธน. ทำใมถึงมีการยืนยันอำนาจ แต่ห้ามการบังคับใช้ ของ พรบ.ฉุกเฉิน และ ศอรส. เพียงเพื่อเอื้ออำนวยให้เขาสามารถกระทำในสิ่งที่อำนาจมืดต้องการ ทางเดียวของเขา ก็คือต้องสนองความสำเหร็จให้กับอำนาจมืดให้ได้ เพราะถ้าพ่ายแพ้ ก็จะไม่เพียงทำให้เกิดความสูญเสีย กับตัวเองและบุคคลใกล้เคียงเท่านั้น แต่อาจสืบก้าวหรือเชื่อมโยงถึงอำนาจมืดผู้อยู่เบื้องหลังได้อีกเช่นกัน ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นต้องมีเพชรฆาติใกล้ตัวเพื่อตัดตอน อยู่ตลอดเวลา ในขณะเดียวกันก็ตกเป็นเป้าให้กับฝ่ายตรงข้าม อันเสมือนชักปืนยิงฝ่ายตรงข้ามในขณะที่ตัวเองกำลังถูกปืนจ่อศีรษะอยู่ข้างหลัง ครับ
ในเมื่อ บุคลากรเหล่านี้ ต่างมีแผล มีเกิดจากการใช้อำนาจเหิมเกริมหาผลประโยชน์ส่วนตัว ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเอามาเป็นข้อโจมตีได้ แต่ตราบใดที่อยู่ในอุปถัมภ์ของอำนาจมืดก็ยังจะสามารถอยู่รอดปลอดภัยได้ การที่จะอยู่ในฝ่ายของอำนาจมืดก็จำเป็นต้องสนองความต้องการของเขา อันจะเห็นได้ว่า นี่แหละ คือที่มาของลักษณะการต่อสู้และอดทนโหดเยมไร้ความเป็นธรรมของ บุคลากร เหล่านี้ ทางเดียวที่จะหยุดยั้งเขาเหล่านี้ได้นั้น สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องใช้วิจารณ์ญานการใช้มาตราการ ว่าจะเป็นในรูปออมชอบเห็นใจเขาใจเราโดยอย่างมากก็ให้ตัดหางปล่อยวัด หรือเฉียบขาดประเภทไม่เลี้ยงให้โตเท่านั้น ครับ
ข้อสังเกตุ ของการใช้อำนาจปกครองของอำนาจมืด
เอาตัวอย่างจาก เลขาธิการ กปปส. มาวิเคราะห์ จะเห็นว่า ประวัติการเต่าใต้ขึ้นสู่อิทธิพล จะได้รับความโอบอุ้มและผลักดันจากอำนาจมืดตลอดมา ความเห่อเหิมในแต่ล๊ะขั้น ทำให้เกิดการกอบโกยเพื่อประโยชน์ส่วนตน โดยอำนาจมืดปละปล่อยให้กระทำ และพร้อมที่จะปกป้องอุ้มชูหรืออำนวยการปกป้องเสมือนในฐานะ การให้บำเหน็จ ในขณะเดียวกันก็เป็นเสมือนปลอกคอ ที่จะทำให้เขายินยอมที่จะกระทำทุกอย่างๆ ไม่มีข้อแม้เพื่ออำนาจมืด เพื่อการอยู่รอดของตัวเอง รวมทั้งผลประโยชน ฯลฯ การกระทำนั้นๆ ของเขาในขณะนี้ คือการกระทำในลักษณะหันหลังให้ฝา หรือ สุนัขจนตรอก นั่นเองครับ
อันตามปรกติ ความสามารถ ของ จนท.ตำรวจ ท้องที่ปรกติ ก็สามารถดำเนินการให้เขาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ได้อย่างแน่นอน แต่ทำใม ศอรส. ที่มีขีดความสามารถสูงกว่า จึงต้องชะลอ และยกเลิกการดำเนินการในวินาฑีสุดท้าย และทำใมผู้ทรงคุณวุฒิและอำนาจ ถึงได้มองว่า การกระทำของเขา เป็นการกระทำโดยชอบด้วย รธน. ทำใมถึงมีการยืนยันอำนาจ แต่ห้ามการบังคับใช้ ของ พรบ.ฉุกเฉิน และ ศอรส. เพียงเพื่อเอื้ออำนวยให้เขาสามารถกระทำในสิ่งที่อำนาจมืดต้องการ ทางเดียวของเขา ก็คือต้องสนองความสำเหร็จให้กับอำนาจมืดให้ได้ เพราะถ้าพ่ายแพ้ ก็จะไม่เพียงทำให้เกิดความสูญเสีย กับตัวเองและบุคคลใกล้เคียงเท่านั้น แต่อาจสืบก้าวหรือเชื่อมโยงถึงอำนาจมืดผู้อยู่เบื้องหลังได้อีกเช่นกัน ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นต้องมีเพชรฆาติใกล้ตัวเพื่อตัดตอน อยู่ตลอดเวลา ในขณะเดียวกันก็ตกเป็นเป้าให้กับฝ่ายตรงข้าม อันเสมือนชักปืนยิงฝ่ายตรงข้ามในขณะที่ตัวเองกำลังถูกปืนจ่อศีรษะอยู่ข้างหลัง ครับ
ในเมื่อ บุคลากรเหล่านี้ ต่างมีแผล มีเกิดจากการใช้อำนาจเหิมเกริมหาผลประโยชน์ส่วนตัว ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเอามาเป็นข้อโจมตีได้ แต่ตราบใดที่อยู่ในอุปถัมภ์ของอำนาจมืดก็ยังจะสามารถอยู่รอดปลอดภัยได้ การที่จะอยู่ในฝ่ายของอำนาจมืดก็จำเป็นต้องสนองความต้องการของเขา อันจะเห็นได้ว่า นี่แหละ คือที่มาของลักษณะการต่อสู้และอดทนโหดเยมไร้ความเป็นธรรมของ บุคลากร เหล่านี้ ทางเดียวที่จะหยุดยั้งเขาเหล่านี้ได้นั้น สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องใช้วิจารณ์ญานการใช้มาตราการ ว่าจะเป็นในรูปออมชอบเห็นใจเขาใจเราโดยอย่างมากก็ให้ตัดหางปล่อยวัด หรือเฉียบขาดประเภทไม่เลี้ยงให้โตเท่านั้น ครับ