[SR] Sunday Brunch อันแสนประทับใจแค่ 1,250++ บาทแต่ได้ US Prime, Pasta ชั้นดี และอื่น ๆ มากมาย ณ Cellar 11 Wine Bar & Bistro

ปกติถ้าพูดถึง Sunday Brunch เราก็มักจะนึกถึงกันแต่บุฟเฟ่ต์นานาชาติอลังการจัดเต็มในโรงแรม 5 ดาวกัน แต่คือเดี๋ยวนี้ก็มีร้านอาหารตะวันตกหลายร้านที่จัด Sunday Brunch ขึ้นมาแข่งกับโรงแรมด้วย ตัวผมเองก็เคยไปลองมาหลายร้านแล้ว และถ้าเอาจริง ๆ ผมว่าพวก Sunday Brunch นอกโรงแรมนั้นจะดีกว่าในโรงแรมส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ เพราะว่าส่วนใหญ่จะเป็นแบบนั่งสั่ง, เป็นการนำอาหารแบบ a la carte ในมื้อปกติมาให้เราสั่งกันไม่อั้น/ในราคาถูก ซึ่งแน่นอนว่าอาหารแบบจัดจาน , มี recipe ชัดเจนแบบนี้มันต้องดีกว่าที่วางอยู่ในไลน์อาหารให้เราตักอยู่แล้วเนอะ?



วันนี้เราก็จะมารีวิวมื้อ Sunday Brunch กันที่ร้านอาหารนอกโรงแรมกันกับร้าน Cellar 11 Wine Bar & Bistro - ร้านอาหารฝรั่งเศส (อาหารตะวันตก) ในซอยสุขุมวิท 11 กัน ตัวมื้อพิเศษวันอาทิตย์ของที่นี่รายละเอียดก็คือ ค่าหัวต่อคนคือ 1,250++ บาทต่อคน โดยเราจะสามารถตักอาหารในไลน์บุฟเฟ่ต์เล็ก ๆ ของทางร้านได้อย่างไม่อั้น พร้อมกับสามารถสั่งอาหารทีจัดเป็น course ให้เราอีก 4 course ได้ด้วย (starters + soup + main course + desserts) และถ้าใครอยากจะจัดไวน์มา pairing กับอาหารด้วยก็เพิ่มเงินอีกแค่ 500++ บาทก็จะสามารถได้ทั้ง red wine, white wine และ champagne มาดื่มด่ำกันได้ตลอด 3 ชั่วโมงอีกด้วย (11:30 - 14:30 น.ของทุกวันอาทิตย์)




มื้อนี้ระหว่างที่รับประทานอาหารอยู่ 3 ชั่วโมงนั้นรู้สึกว่าได้รับการดูแลจากพนักงานดีมากเลยนะครับ คอยเติมน้ำเปล่า (น้ำเปล่าฟรีนะครับร้านนี้) , เติมไวน์, เก็บจาน ดูแลเราเป็นอย่างดี อาหารแต่ละ course อาจจะรอนานหน่อยถ้าเทียบกับนิสัยคนไทย แต่คืออาหาร 4 course ที่ได้รับนั้นก็กินระยะเวลาห่างกันกำลังดี เหมาะสำหรับมื้อวันอาทิตย์ชิล ๆ แบบนี้ที่ไม่ได้รีบร้อนไปที่ไหนต่อ ทีนี้เราก็จะมารีวิวตัวอาหารในมื้อนี้กันผมขอแบ่งเป็นที่อยู่ในไลน์บุฟเฟ่ต์แล้วก็อาหารใน course ไล่เรียงกันไปตามลำดับ order เลยละกันนะครับ



อาหารในไลน์ buffet จะแบ่งคร่าว ๆ ได้เป็น 3 อย่างครับ

1. cold seafood จะมีกุ้งขาว (แต่ต้มมาจนส้มแล้ว) , หอยนางรมนำเข้า (ไม่รู้ว่านำเข้าจากไหน) หอยเชลล์ตัวใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่มและหวานอร่อยมาก, หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ พวก cold seafood ทั้งหมดนี้คุณภาพอยู่ในเกรดเดียวกับพวกไลน์บุฟเฟ่ต์ของโรงแรม 5 ดาวหลาย ๆ ที่ทั่วไป เผลอ ๆ อาจจะดีกว่าด้วยซ้ำไป เพราะมี Scallop ให้หยิบตักได้เองเลยต่างจากโรงแรมทั่วไป




2. สลัดและ cold cut ทั้งหลายแหล่ + cheese : ตัวสลัดมีผักให้เลือกโถเดียวครับ ไม่ได้มีให้เลือกมากมายนัก แต่ก็สดอร่อยดี มีน้ำสลัดให้เลือกตักเติมได้ตามความพอใจอยากได้เปรี้ยว ๆ มัน ๆ มีให้เลือกครบ ทีเด็ดนั้นน่าจะเป็นตัว cold cut นะครับ อร่อยและแบบรู้สึกว่าเป็นของดีจริง ๆ ดีกว่าโรงแรมหลาย ๆ โรงเลยก็ว่าได้ ผมเลยจัดไปเยอะเลยเจ้า cold cut เนี่ย | ส่วนตัว cheese ก็ช่วยเติมเต็มความเป็นตะวันตกของไลน์อาหารได้เป็นอย่างดี อร่อยดีเช่นกัน





3. Pasta : จะเป็นพาสต้าแบบทำกันสด ๆ เลยไปสั่งแล้วยืนรอดูเชฟสาวทำให้เรากันต่อหน้าหรือสั่งแล้วจะไปนั่งที่โต๊ะรอให้นางมาเสิร์ฟให้ก็ได้เช่นกัน วันที่ผมไปมีพาสต้าให้เลือก 3 ซอสคือ vongole, aglio olio และ bolognese ทั้งสามอย่างนี้ก็อร่อยดีครับ ระดับเดียวกับ a la carte ของร้านอิตาเลียนส่วนใหญ่ คือทั้งซอสทั้งเส้นนี่คือตั้งใจทำมาหมด กินกันได้แบบถ้าไม่มี main course ให้สั่งก็ไม่เป็นไรกินพาสต้านี่แทนเลยก็ได้อะไรแบบนั้นเลยล่ะครับ



อาหารแบบ a la carte ก็มาไล่เรียงกันไป 4 course เลย เริ่มกันที่ Starter ก่อน

Tuna Tartar (Diced fresh yellow fin tuna mixed olive oil, herb served with micro salad and thinly crispy bread.) : จานนี้บอกตรง ๆ ว่าผมคิดว่ารสชาตินั้นดีใช้ได้ แต่อยากให้ทูน่านั้นมีความสดกว่านี้อีกซักนิดนึง น่าจะลงตัวมากเลย เพราะที่เห็นคือสีจะออกคล้ำ ๆ แล้ว



Foie Gras Peach (Pan-fried Foie Gras served with micro salad and peach sauce.) : จานนี้หน้าตาสวยงาม เหมือนเป็นตับห่านในทุ่งดอกไม้ ตับห่านชิ้นใหญ่กำลังดี ตัดมาจากตับห่านทั้งก้อนที่คัดมาแล้วว่าเป็น size ที่จะได้เนื้อที่อร่อยที่สุด ทอดมาแบบเกรียม ๆ กำลังดี ด้านในยังไม่ค่อยสุกดีกินแล้วเข้าไปละลายในปาก ตับห่านมัน ๆ ตัดกับซอสหวาน ๆ เปรี้ยว ๆ ได้อย่างลงตัว



Pork Belly Salad (Gratin pork belly served with mixed salad, apple strudel and balsamic reduction.) : สลัดท้องหมู หรือสลัดเนื้อหมูสามชั้น ตัวเนื้อหมูนำไป sear มา ให้แบบสุกแค่แบบกำลังดีแล้วก็แล่มาเป็นชิ้นขนาดพอดีคำเสิร์ฟมากับผักหลากหลายชนิดและก็ราดน้ำ balsamic เปรี้ยว ๆ มา ก็อร่อยแบบเบา ๆ ดีนะจานนี้ ตัวหมูสามชั้นอาจจะดูน่ากลัวแต่พอหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แบบนี้แล้วมันกินกับผักได้อร่อยดีแท้



Soup of the Day : ได้เป็นซุปใส seafood มีกลิ่นของมันกุ้งคล้าย ๆ lobster bisque อยู่เล็กน้อยแต่แบบค่อนข้างเจือจาง ๆ พอให้มีกลิ่นแค่นั้น ตัวน้ำซุปมาเป็นแบบใส ๆ consomme อะไรแบบนั้น ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากแต่ก็เป็นซุปที่ซดแก้เลี่ยนเตรียมตัวเข้าอาหารจานหลักได้อย่างลงตัวนะครับ




Grilled Tenderloin (Charcoal grilled US tenderloin served with colorful vegetables and red wine sauce.) : ทางร้าน Cellar 11 เลือกใช้เนื้อ US Prime และคือบอตรง ๆ ว่าเนื้อเกรดสุดยอดของอเมริกาเกรดนี้ ผมชอบยิ่งกว่าเนื้อ A5 ของที่ญี่ปุ่นอีก เพราะว่ามันแบบไม่ได้ marble อะไรมากแต่ก็มีความนุ่ม ความอร่อยอยู่ในตัวมันเอง และยิ่งชิ้นนี้เป็นเนื้อสันในอีก ยิ่งนุ่มอร่อยสุด ๆ แบบ คือพวกผมทุกคนกินเข้าไปคำแรกนี่คือร้อง โอว อา กันทุกคน อร่อยมาก ๆ




Stewed Ox Tongue (Slow cooked ox tongue served with mashed in it jus) : อร่อยสุด ๆ ครับจานนี้ลิ้นวัวชิ้นหนาและใหญ่เอาไปตุ๋นมาจนเปื่อย ออกแรงใช้มีดแค่นิดเดียวก็ติดกินได้แล้ว ตัวลิ้นวัวมากับน้ำสตูว์ที่แบบหวานิด ๆ และ mash potato ที่ช่วยส่งเสริมรสของลิ้นวัวให้อร่อยยิ่งขึ้น ทำให้มันแบบฉ่ำขึ้น อร่อยขึ้นเป็นอย่างดี



Snow Fish (Pan roasted snow fish served with bok choy, sun dried tomato and porto sauce) : ปลาหิมะนำไปย่างมาจนเกรียม ๆ กำลังดีแต่เนื้อด้านในยังคงแบบลุ่ย ๆ ฉ่ำ ๆ อยู่ เสิร์ฟมาพร้อมกับซอสหวาน ๆ และผักหลากหลายชนิด จานนี้ไม่โดดเด่นเท่า main course 2 จานแรกนะครับ แต่ก็ถือว่าโอเคเลยเป็น main course ที่กินได้ไม่มีเบื่อได้ง่าย ๆ เลย (ปลาหิมะชิ้นเล็กไปนิดนึง)



Grilled Lamb Cutlets (Charcoal grilled lamb "Ambassador" cutlets served with grilled vegetable and mint jelly) : ซี่โครงแกะชิ้นขนาดกำลังดี ย่างมา medium rare เป๊ะ ๆ ทาเกลือมาพอเหมาะและก็ราดซอสมาเล็กน้อย ตัวเนื้อแกะเนื้อนุ่มอร่อย จะกินแบบไหนทั้งใช้มีดแล่กินหรือยกขึ้นมากัดก็ได้ กินได้ง่าย อร่อยไม่แพ้กัน (เหมือนกับว่าร้าน Cellar 11 นี่เค้าจะทำเนื้อสัตว์บกดีมากเลยนะครับชอบ ๆ)



Desserts

Apple tart (warmed apple tart served with vanilla ice cream) : ค่อนข้างมาตรฐานครับไม่มีอะไรโดดเด่นมากนัก แป้งทาร์ตกรอบ ๆ กับแอปเปิ้ลที่ผัดมาไม่มากนัก ด้านในยังคงอมเปรี้ยวอยู่ ทานคู่กับไอศครีมวานิลลาแล้วก็เข้ากันดี



Green Tea Cake (Green tea cake served with fresh fruit) : จานนี้อ่านในเมนูแล้วอาจจคิดว่าเป็นแค่เค้กชาเขียวแบบสปอนจ์ ๆ ที่หากินได้ทั่วไปอะไรแบบนั้น แต่ไม่ใช่ครับ เค้กชาเขียวก้อนนี้มันเป็นอารมณ์ประมาณมูสเค้ก หน้าตาดี รสชาติเยี่ยม อร่อยเกินกว่าที่จะตั้งชื่อแบบนี้จริง ๆ



Affogato (Vanilla ice cream served with hot espresso) : ไอศครีม Movenpick รสวานิลลา เสิร์ฟมาใน espresso ร้อน ๆ แต่แบบรีบยกมาเสิร์ฟ ทั้ง 2 อย่างก็เลยยังคงรักษาสภาพของมันได้อยู่ พอกินแต่ละคำก็จะได้ทั้งความหวานเย็นจากไอศครีมและความเข้มข้นร้อน ๆ จากกาแฟ ผสมผสานกันอย่างลงตัว



มีของหวานอยู่อย่างนึงไม่เขียนถึงไม่ได้นั่นก็คือตัว Chocolate fondant สั้น ๆง่าย ๆ เลยละกันว่าเป็นช็อคโกแลตลาวาที่อร่อยที่สุดในชีวิตผมล่ะ (ปกติผมไม่ค่อยชอบทานของหวานครับ ^^") โปรดดูรูปประกอบและใครที่ไปร้านนี้แนะนำให้สั่งมาโดดนกันสักจาน(สองจาน หรือหลาย ๆ จาน ฮ่า ๆ) และก็มีอีกอย่างคือ ฺBanana Panna Cotta ที่อร่อยยอดเยี่ยมเช่นกัน (2 อย่างนี้ไม่อยู่ใน Sunday Brunch นะครับ แต่สั่งได้ และแนะนำให้สั่งเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่ชอบของหวาน)




สรุป บอกตรง ๆ ว่าตอนแรกผมไม่คิดว่ามื้อนี้ันจะฟินขนาดนี้ เพราะว่าเห็นราคาไม่ค่อยแพงแค่ 1,250++ บาท (มีไวน์ด้วยก็ 1,750++ บาท) ไม่น่าจะใช้ของดี หรือไม่น่าจะพิถีพิถันอะไรมากแต่เปล่าเลย ราคาเท่านี้ผมกลับได้อาหารคุณภาพดีรสชาติเยี่ยม กว่าไลน์อาหารที่แพงกว่านี้ 2-3 เท่าซะอีก คือ Sunday Brunch ณ Cellar 11 มื้อนี้บอกตรง ๆ ว่า คุ้ม และ ฟินมาก ถ้าใครอ่านแล้วไม่เชื่อก็ไปลองกันได้ครับ

ปล. แชมเปญในราคา 500++ แบบ free flow อร่อยดีครับ จัดไป 6 แก้วได้มั้งผม ฮ่า ๆ



ฝากติดตามข้อมูลร้านและเพจที่ด้านล่างนี้ด้วยนะครับ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับ เพี้ยนกิน
http://www.bumres.com/th/restaurant/Cellar-11-Wine-Bar-and-Bistro/8885
https://www.facebook.com/BumRes
ชื่อสินค้า:   Cellar 11 Wine Bar & Bistro
คะแนน:     
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่