My Spy ฉันขอหัวใจของนายนะ (fanfic ผ่าพิภพไททัน) บทที่ 3

กระทู้สนทนา
บทที่ 2
http://ppantip.com/topic/31970246

เสียงแกรกๆคล้ายของแหลมเคาะบนกระจกทำให้รีไวลืมตาขึ้น เขาชำเลืองมองนาฬิกาปลุกที่วางไว้ข้างเตียงและถอนใจออกมาเบาๆก่อนลุกนั่ง พอเห็นตัวเองยังอยู่ในชุดของเมื่อวานชายหนุ่มจึงขมวดคิ้วนึกทบทวน เมื่อวานหลังออกจากร้านของเจ้าหนูผมสีน้ำตาลที่ชื่อเอเลนแล้วเขาก็ตรงดิ่งกลับที่พัก และนั่งจมอยู่กับคดีที่กำลังทำจนหลับคากองเอกสาร ชายหนุ่มเหลือบตามองภาพถ่ายของเหยื่อรายล่าสุด เนื่องจากเป็นการพบหลังการเสียชีวิตภายใน 24 ชั่วโมง สภาพศพจึงยังคง สด กว่ารายที่ผ่านมา ทำให้เขาคิดว่าเช้านี้จะแวะไปที่ห้องชันสูตรก่อนเข้าที่ทำงานเผื่อจะได้รายละเอียดเพิ่มเติม คิดพลางเก็บเอกสารที่กระจายเกลื่อนที่นอนลงแฟ้มก่อนใส่ไว้ในกระเป๋าถือ จากนั้นก็ลุกขึ้นไปล้างหน้าตา อาบน้ำ แต่งตัว

ตอนกำลังสวมเสื้อผ้า รีไวก็ได้ยินเสียงแกรกที่หน้าต่างอีกครั้ง พอหันไปมองจึงเห็นนกพิราบสามตัวกำลังใช้จะงอยปากเคาะกระจก ชายหนุ่มอมยิ้มน้อยๆอย่างเอ็นดู พอกลัดกระดุมเสื้อเสร็จเขาก็คว้ากล่องขนมปังกรอบเดินไปเปิดหน้าต่างและโปรยให้พวกมัน

“โทษทีที่หายไปนาน” เขาพูดเบาๆขณะมองนกจิกอาหารอย่างเอร็ดอร่อยจากนั้นก็ทอดสายตามองออกไปด้านนอก ผ่านไปตามช่องว่างระหว่างตึกและหยุดไว้ที่อาคารอันเป็นที่ตั้งร้านของมิคาสะ พลางนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ความจริงแล้วหลังเสร็จจากการตรวจที่เกิดเหตุ เขาตั้งใจตรงกลับบ้านแต่ขากลับพาไปที่ร้านกาแฟฝุ่นเขรอะของเจ้าหนูผมสีน้ำตาลเอาเสียอย่างนั้น

“เสร็จคดีเมื่อไหร่จะสอนให้เจ้าพวกนั้นรู้จักวิธีการทำความสะอาดที่ถูกต้อง” เขาพูดอย่างหงุดหงิดและหยุดนิ่งไปเล็กน้อย “แต่กาแฟที่เจ้าหนูนั่นชงอร่อยจริงๆ”

เขาเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว พอนึกขึ้นได้ก็รีบปรับสีหน้าให้เป็นปรกติและแต่งตัวจนเสร็จ สำรวจข้าวของทุกอย่างรวมถึงปืนพกทั้งสองกระบอกแล้ว ชายหนุ่มจึงออกจากที่พักตรงไปยังสำนักงานนิติเวชเพื่อตรวจสอบร่างของผู้เสียชีวิตตามแผนที่วางไว้

ภายในร้านของมิคาสะ กลุ่มของเอลวินยึดมุมด้านหนึ่งของร้านนั่งพูดคุยกันอย่างเงียบๆแต่เต็มไปด้วยความจริงจังสร้างบรรยากาศมืดทะมึนจนลูกค้าหลายคนอดเสียวสันหลังวาบไม่ได้ บางรายถึงกับเปลี่ยนใจจากการนั่งจิบกาแฟสบายๆภายในร้านเป็นซื้อกลับบ้าน บางคนแค่เปิดประตูเข้ามา พอเห็นชายในชุดดำนั่งกันเป็นกลุ่มก็หันหลังกลับออกไปดื้อๆ

“พวกคุณจะนั่งกันอีกนานไหม” พอเห็นลูกค้าเผ่นกันหมด มิคาสะจึงเดินมาถามหน้าตาย เอลวินส่งยิ้มอย่างอ่อนหวาน

“ก็จนกว่าจะประชุมกันเสร็จครับ”

“ก็แล้วอีกนานแค่ไหนกันล่ะ” หญิงสาวข่มใจถาม คราวนี้เอลวินไม่พูดอะไรแจนจึงยื่นหน้าไปตอบแทน

“จนกว่าพวกเราจะมากันครบทีมครับ” พูดพลางชะเง้อไปที่ตู้ขนม “วันนี้คุณมิคาสะทำบานอฟฟี่อร่อยมาก ผมขออีกชิ้นนะครับ”

มิคาสะนิ่วหน้าอย่างไม่สบอารมณ์แต่ก็เดินไปหยิบขนมตามที่แจนต้องการ มาร์โคจึงถือโอกาสสั่งสโคนเพิ่มอีกสองชิ้น เสร็จแล้วทั้งสามก็หันกลับไปพูดคุยกันต่อโดยไม่สนใจคนรอบตัวอีกเลยแม้กระทั่งตอนที่เอเลนนำขนมไปให้ ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าจะวางตรงไหนเพราะเอกสารกระจายเต็มโต๊ะ เอลวินจึงเลื่อนบางชิ้นออกพอให้มีที่ว่างทำให้ภาพถ่ายใบหนึ่งโผล่ออกมา เด็กหนุ่มจึงมองด้วยความสนใจ

“คดีที่คุณเอลวินทำหรือครับ” เขาถามด้วยความอยากรู้พลางหวนนึกถึงตอนที่รีไวแกล้งให้ดูภาพผู้เคราะห์ร้าย ซึ่งเป็นคนเดียวกับภาพถ่ายตรงหน้า แสดงว่าคดีที่พวกเอลวินทำในตอนนี้เป็นคดีสำคัญ แต่ทำไมถึงมานั่งคุยกันในร้านกาแฟเล็กๆแทนที่จะเป็นห้องประขุมในสำนักงานของเอฟบีไอ  

“ใช่” เอลวินตอบสั้นๆพลางเลื่อนแฟ้มมาปิดเหมือนไม่ต้องการให้เอเลนตกใจกลัว และเพื่อเป็นการเลี่ยงเขาจึงแกล้งสั่ง “ขอกาแฟอีกแก้วสิเอเลน”

“ได้ครับ” เด็กหนุ่มรับคำก่อนเดินไปหยิบเหยือกกาแฟ พอรินให้ครบทุกคนแล้วแทนที่จะไปบริการโต๊ะอื่นเขากลับยืนดูพวกเอลวินต่อด้วยความอยากรู้กระทั่งเก้าอี้ด้านข้างถูกเลื่อนออกพร้อมใครบางคนเข้ามานั่ง ยังไม่ทันหันไปมองเขาต้องสะดุ้ง

“ขอกาแฟถ้วยสิ ไอ้หนู”

เสียงห้วนแบบมะนาวไม่มีน้ำกับวิธีเรียกที่ไม่น่าฟังทำให้เอเลนรู้ทันทีว่าคนมาใหม่เป็นใคร คิ้วของเด็กหนุ่มขมวดเข้าหากันและหันหน้าไปทางคนสั่งทันที

“ผมชื่อเอเลนครับ”

“กาแฟ” รีไวพูดเสียงเข้ม “ไอ้หนู” สองคำสุดเน้นย้ำเหมือนเจตนายั่ว ทำให้เด็กหนุ่มตัวสั่นด้วยความโกรธเขาพยายามนับหนึ่งถึงสิบวนกลับไปกลับมาหลายครั้งเพื่อระงับตัวเองไม่ให้เผลอเทกาแฟลงหัวเจ้าเตี้ยปากเสียที่กำลังทำหน้ากวนโทสะตรงหน้า

“รอสักครู่ครับ”

เป็นการพูดอย่างสุภาพแต่เต็มไปด้วยความประชดประชันแต่อีกฝ่ายไม่สนใจเลยสักนิดเพราะมัวแต่มองผู้ร่วมทีมที่นั่งอยู่ก่อนหน้าแล้ว

“ห้องประชุมที่หน่วยก็มีทำไมไม่ใช้” ประโยคแรกหลุดจากปาก เอลวินเหลือบตามองรอบตัวก่อนตอบพอให้อีกฝ่ายได้ยิน

“มันไม่ปลอดภัย”

ถึงจะเป็นคำตอบสั้นๆ แต่รีไวก็เข้าใจได้ในทันทีว่าภายในหน่วยงานของพวกเขามีหนอนบ่อนไส้ อาจทำให้ข้อมูลของคดีที่กำลังทำรั่วไหลไปถึงหูฆาตกร

“แล้วที่นี่ปลอดภัยเหรอ”

เอลวินตาเหลือบมองด้วยสายตาที่รีไวไม่ชอบเลยสักนิด เพราะมันแสดงความหมายว่าเขากำลังรู้ทันความคิดบางอย่าง ยิ่งมีรอยยิ้มแต้มบนมุมปากด้วยแล้ว ทำให้ชายหนุ่มอยากลุกออกไปเดี๋ยวนั้น  

“ก็ปลอดภัยพอที่ใครบางคนจะเข้ามานั่งดื่มกาแฟตอนดึกได้อย่างสบายใจ”

หมอนี่รู้ รีไวคิดอย่างตระหนก ใบหน้าเฉยชาบูดบึ้งจนแทบจะงอง้ำซึ่งตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความโกรธหรืออาย ระหว่างที่จิตใจกำลังว้าวุ่นอยู่นั้นเขาก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียง แกรก ดังข้างตัว พอชายหนุ่มเหลือบตามองถึงรู้ว่ามันเป็นเสียงของถ้วยกาแฟที่เอเลนนำมาวาง

“ได้แล้วครับ” เด็กหนุ่มพูดด้วยกิริยาสุภาพตามมารยาทของพนักงานที่ดี รีไวผงกศีรษะอย่างเคร่งขรึมก่อนเลื่อนมือไปหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาดื่มแต่พอเห็นสายตาของเอลวินเขาก็สำลักพรวดออกมา ความที่ไม่อยากให้คนอื่นผิดสังเกต ชายหนุ่มจึงแกล้งพูดเสียงดัง

“โฮ่ย ไอ้หนู”

เอเลนชะงักเหยือกที่กำลังรินกาแฟให้ลูกค้าอีกคนและนิ่วหน้าเมื่อเห็นรีไวชูถ้วยในมือ

“กาแฟไม่ร้อนเลย”

“ว่าไงนะครับ ก็ผมเพิ่ง...”

“ฉันบอกว่ามันไม่ร้อน” เอฟบีไอหนุ่มสวนคำอย่างไม่สบอารมณ์พร้อมกับกระแทกถ้วยลงบนโต๊ะ ลูกค้าทั้งร้านพากันเงียบกริบ ส่วนเอเลนหน้าบึ้งด้วยความไม่พอใจ

“คุณตั้งใจหาเรื่องผมใช่ไหมครับ” เขาถาม อีกฝ่ายแหงนหน้าขึ้นมองด้วยสายตาที่กวนประสาทอย่างที่สุด

“ใช่”

ตอบสั้นๆและมองเด็กหนุ่มนิ่งอยู่อย่างนั้น ถ้าไม่เกรงใจเอลวิน แจนกับมาร์โค เอเลนคงเอาเหยือกในมือทุบหัวเจ้าคนตัวเตี้ยให้ย่นลงไปกว่าเดิม

“งั้นรอสักครู่ ผมจะไปชงมาให้ใหม่”

เขาพูดก่อนฉวยถ้วยกาแฟเดินกลับไปที่เคาท์เตอร์ มาร์โคซึ่งนั่งดูเงียบๆจึงเอ่ยปากถาม

“นายตั้งใจแกล้งเขาใช่ไหม”

“เปล่า” รีไวตอบสั้นๆก่อนหันไปให้ความสนใจกับงานตรงหน้า หลังจากพูดคุยปรึกษากันไปได้สักพัก จู่ๆเอลวินก็พูดขึ้น

“จะไม่ถามหน่อยหรือ”

“เรื่องอะไร” รีไวตอบเสียงเรียบ ดวงตาไล่อ่านข้อมูลที่มาร์โคค้นมา หัวหน้าทีมมองเขานิ่งก่อนพูดต่อ

“เพทตร้ากับซาช่า นายไม่ถามฉันสักคำว่าพวกเธอหายไปไหน”

“ไม่เห็นต้องถามเลยนี่ ของมันรู้กันอยู่ว่านายส่งสองคนนั่นไปสืบคดี” รีไวพูดอย่างไม่ใส่ใจ แต่แล้วกลับชะงักและเหลือบตาขึ้นมอง “ว่าแต่นายไม่คิดจะถามหรือว่าทำไมฉันถึงมาช้า”

“จะต้องถามไปทำไมในเมื่อรู้อยู่แล้วว่านายแวะไปที่หน่วยนิติเวชก่อน” เอลวินพูด “เจออะไรน่าสนใจบ้างไหม”

“นิดหน่อย แต่ก็ไม่พอที่จะสาวไปถึงตัวฆาตกร แถมฉันยังสะกิดใจกับอะไรบางอย่าง” รีไวตอบ “แต่เมื่อคืนฉันลองตรวจประวัติเหยื่อรายล่าสุดดูอีกครั้ง กลับพบว่าเขาไม่ได้เป็นเด็กกำพร้า และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานรับเลี้ยงเด็กเลยสักนิด ทำไมเจ้าฆาตกรถึงเลือกเขา”

“อาจจะเป็นเพราะสิ่งนี้” เอลวินพูดพลางส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้ รีไวไล่สายตาอ่านอย่างเร็ว

“ใบรับเงิน”

“ใช่” เอลวินพูด “ถึงไม่มีความเกี่ยวข้องโดยตรง แต่มีหลักฐานว่าเหยื่อคนสุดท้ายพัวพันกับการบริจาคเงินให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และเป็นคนจัดการเรื่องเช็คสำหรับพ่อแม่อุปถัมภ์ซึ่งฉันแน่ใจว่าต้องมีอะไรตุกติก”

“นายกำลังหมายถึงการยักยอกเงิน” รีไวพูดพลางไล่สายตาอ่านข้อความไปเรื่อยๆจนสะดุดกับชื่อที่พิมพ์เป็นตัวอักษรสีเข้ม “สถานเลี้ยงเด็กของเหยื่อรายก่อนๆ”

“แสดงให้เห็นว่าฆาตกรไม่ได้ลงมือสะเปะสะปะ” เอลวินพูด “เขายังคงมีเป้าหมายเดิม คือกำจัดทุกคนที่เกี่ยวข้องกับสถานรับเลี้ยงเด็กแห่งนี้ คำถามต่อไปก็คือ ทำไม”

“คงต้องไปถามโดยตรง” รีไวพูดพลางส่งเอกสารแผ่นนั้นคืนให้เอลวิน เขาผงกศีรษะ  

“ฉันเองก็คิดเอาไว้เหมือนกัน แต่เราต้องวางแผนให้รัดกุม เพราะถ้าสถานรับเลี้ยงเด็กแห่งนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการยักยอกหรือพวกมิจฉาชีพจริง คงไม่มีวันคายอะไรออกมาง่ายๆ”

รีไวพยักหน้าเห็นด้วยพลางเลื่อนมือไปข้างตัวเพื่อหยิบถ้วยกาแฟแต่ต้องหยุดเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาสั่งให้เอเลนชงมาให้ใหม่ ชายหนุ่มมุ่นคิ้วเข้าหากันอย่างนึกขัดใจ เพราะตั้งแต่สั่งจนถึงตอนนี้ก็กินเวลาเกือบยี่สิบนาที กาแฟแก้วใหม่ควรมาถึงตั้งนานแล้ว

“โฮ่ย...” ร้องได้แค่นั้นเพราะเอเลนก้าวเข้ามาหาพร้อมถ้วยที่มีควันกรุ่น

“กาแฟร้อนได้แล้วครับ” เขาเน้นคำว่าร้อนอย่างจงใจและวางกาแฟถ้วยนั้นไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็ถอยออกมาหนึ่งก้าวโดยยังคงจ้องเอฟบีไอหนุ่มเขม็งพลางวางแผนในใจว่าถ้าเจ้าเตี้ยนั่นเป่าเมื่อไหร่ เขาจะโวยให้ลั่น ชนิดให้ได้อายกันเลยทีเดียว

หัวใจของเอเลนเต้นระรัวเมื่อเห็นรีไววางมือรอบปากถ้วยและยกขึ้นดื่มโดยไม่เป่าเลยสักนิด ตอนแรกเด็กหนุ่มคิดว่าหมอนี่คงแกล้งทำ แต่พอดูสีหน้าของเขาแล้วแผนการที่อุตส่าห์วางไว้อย่างดีก็พังทลาย เพราะมันไม่แสดงอารมณ์หรือความรู้สึกใดออกมาเลย

“คนหรือเปล่าเนี่ย”

เด็กหนุ่มคิดในใจและสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นอีกฝ่ายเหลือบตามอง

“มีอะไร” รีไวถามเสียงห้วน เล่นเอาคนฟังใจฝ่อ แข้งขาเกิดอาการสั่นพาลจะล้มพับเอาง่ายๆ

“อ...เอ่อ ผมแค่อยากถามว่าจะเอาอะไรเพิ่มอีกไหม”

“ไม่” ตอบสั้นๆและดื่มกาแฟเข้าไปอีกอึก จากนั้นก็หันไปพูดกับสมาชิกในทีมต่อโดยไม่สนใจเอเลนที่ยืนเก้กังทำอะไรไม่ถูก โชคดีที่มีลูกค้าอีกสองคนเข้ามาในร้านตามด้วยหนุ่มน้อยผมทองหน้าใสที่มีห่อกุหลาบสีแดงในมือ กลิ่นหอมที่ฟุ้งกำจรจายเข้ามาในร้านทำให้เอลวินกับแจนเหลือบตามอง พอเห็นว่าเป็นใครทั้งคู่ก็กลับไปสนใจงานต่อ ในขณะที่เอเลนเอ่ยทัก

“ไงอาร์มิน ทำไมวันนี้มาช้าจัง”

“โทษที มัวแต่หาดอกไฮยาซินตามที่ลูกค้าสั่งอยู่น่ะ”

หนุ่มน้อยหน้าใสตอบพลางส่งดอกไม้ทั้งห่อให้เอเลนและหันไปส่งยิ้มให้มิคาสะที่กำลังผสมเครื่องดื่มให้ลูกค้า “อรุณสวัสดิ์ครับคุณมิคาสะ”

“นี่มัน 11 โมงแล้วอาร์มิน” น้ำเสียงตำหนิอยู่ในทีว่าอีกฝ่ายส่งดอกไม้สาย อาร์มินยิ้มแห้งและพึมพำพอให้ได้ยินว่า “ขอโทษครับ” ก่อนหันไปทักทายกลุ่มเอฟบีไอ “สวัสดีครับคุณเอลวิน คุณแจน คุณมาร์โค เอ้อ....”

เขาหยุดคำพูดเมื่อเห็นรีไว คนเป็นหัวหน้าจึงยิ้ม

“เจ้าหน้าที่พิเศษรีไวน่ะ เขามาทำคดีกับพวกเรา”

“สวัสดีครับคุณรีไว” อาร์มินพูดอย่างสุภาพ อีกฝ่ายมองเขาด้วยหางตาก่อนตอบเสียงกระด้าง

“สวัสดี” พูดจบก็ก้มหน้าก้มตาอ่านรายงานต่อโดยไม่สนใจคนทักว่าจะทำหน้ายังไง เอลวินจึงแกล้งถามเพื่อไม่ให้หนุ่มน้อยเก้อ

“มาส่งดอกไม้หรืออาร์มิน”

“ครับ” หนุ่มผมทองตอบพลางมองกองเอกสารบนโต๊ะ “ทำงานกันอยู่หรือครับ”

“ใช่” เอลวินพูดพร้อมกับกวักมือเรียกให้อาร์มินเข้าไปหา “ดูข่าวเช้าหรือยัง” เขาถาม หนุ่มน้อยพยักหน้า

“ที่ว่าพบศพริมแม่น้ำใช่ไหมครับ ผมเห็นแล้วยังอดนึกไม่ได้ว่าน่าจะเกี่ยวกับคดีที่คุณเอลวินทำ เพราะคนตายมีบาดแผลคล้ายกับเหยื่อรายก่อนๆ”

รีไวหันมามองหน้าเขาทันที

“รู้ได้ยังไง”

“ผมได้ยินพวกตำรวจคุยกันครับ ว่าเปลือกตาของเหยื่อถูกเชือดทิ้ง แถมผิวหนังบางส่วนยังถูกลอกออกไปด้วย”

“อยากเห็นของจริงไหม” เอลวินกระซิบถาม อาร์มินทำสีหน้าลังเลเล็กน้อยก่อนผงกศีรษะอย่างไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก

“ครับ”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่