ก่อนง่อก๊กจะล่มสลาย ๓ พ.ค.๕๗

สามก๊กฉบับอ่านซ้ำ

ก่อนง่อก๊กจะล่มสลาย (๒)

“เล่าเซี่ยงชุน”

เมื่อพระเจ้าซุนกวนสิ้นพระชนม์แล้ว ขุนนางใหญ่น้อยซึ่งมี จูกักเก๊ก เป็นมหาอุปราชอยู่ในเวลานั้น ก็ได้เชิญ ซุนเหลียง ซึ่งมีอายุประมาณสิบเอ็ดปี ขึ้นเสวยราชย์ต่อจากบิดา พออยู่มาอีกหกเดือน สุมาสู บุตรของ สุมาอี้มหาอุปราชของพระเจ้าโจฮองแห่งวุยก๊ก ก็ให้ สุมาเจียว น้องชายเป็นแม่ทัพคุมทหารยี่สิบหมื่น มาตีเมืองตังหินหน้าด่านของเมืองกังตั๋ง จูกัดเก๊กก็คุมทหารไปป้องกัน โดยมี เตงฮอง เป็นแม่ทัพเรือ คุมทหารสามพันลงเรือสามสิบลำเป็นทัพหน้า ส่วนทัพบกมีกำลังสองหมื่น

ฝ่ายอ้าว อ้าวจุ๋น แม่ทัพหน้าของสุมาเจียวมีทหารห้าหมื่น แต่เข้าตีเมืองตังหินไม่สำเร็จ เพราะหน้าเมืองมีป้อมสูงใหญ่ซ้ายขวา แข็งแรงมั่นคงอยู่ ก็ตั้งค่ายยันเอาไว้ ทหารใรป้อมน้อยกว่าก็ไม่ออกมารบ ขณะนั้นเป็นหน้าหนาว อ้าวจุ๋นเห็นทหารในเมืองไม่ออกมาต่อกรด้วย ก็ชล่าใจ จัดโต๊ะสุราอาหารเลี้ยงดูนายทัพนายกองกันอยู่บนค่าย มองเห็นทัพหน้าของเมืองกังตั๋ง มีเรืองเพียงสามสิบลำแล่นเข้ามา ก็ประมาณว่ามีทหารไม่เกินสามพัน คิดประมาทจึงเสพสุราต่อไป จนเมาหมดทั้งนายและลิ่วล้อ

เตงฮองก็นำทหารลงจากเรือ แล้วให้ถอดหมวก
ถอดเสื้อออกทุกคน ไม่ถืออาวุธยาวมีแต่กระบี่และดาบ ทหารในค่ายกำลังครึ้มดี ก็หัวเราะกัน เตงฮองก็จุดประทัดเป็นสัญญาณสามนัด แล้ววิ่งนำทหารกล้าตายตีแหกค่ายเข้าไปได้อย่างรวดเร็ว นายทหารฝ่ายอ้าวจุ๋นชื่อ ฮั่งจ๋ง ถือทวนวิ่งสวนเข้าแทงพลาด ก็โดนเตงฮองฟันศีรษะขาดกระเด็นไป หวนแก ถือง้าววิ่งทะเร่อทะร่าเข้ามา ก็ถูกเต็งฮองเอารักแร้หนีบง้าวไว้ได้ หวนแกก็กลับหลังหันวิ่งหนี เตงฮองก็เอาดาบขว้างถูกแขนซ้ายล้มลง ก็เลยโดนแทงตายไปอีกคน ทหารของเตงฮองกไล่ฆ่าฟันทหารของอ้าวจุ๋น แตกหนีตกน้ำตกแพตายไปประมาณสองส่วน ตัวอ้าวจุ๋นขี่ม้าหนีออกไปได้พร้อมทหารอีกส่วนหนึ่ง รีบถอยไปหาสุมาเจียว แล้วก้เลยพากันล่าทัพกลับไปเมือง ลกเอี๋ยง

จูกัดเก๊กดีใจที่ทัพหน้ามีชัยชนะแก่ข้าศึก ก็จะยกตามไปตีเมืองลกเอี๋ยงให้ได้ แม้ใครจะห้ามปราม หรือมีลางร้ายอย่างใดก็ไม่เชื่อ ขืนยกไปจนถึงด่านซินเสีย เตียวเต๊ก ผู้รักษาด่านฝ่ายวุยก๊ก เห็นเหลือกำลังที่จะต่อสู้ ก็ปิดประตูตั้งมั่นรักษาอยู่อย่างแข็งแรง จูกัดเก๊กก็ตั้งค่ายล้อมไว้ แล้วให้ทหารเร่งทำลายกำแพงเมืองซินเสีย ทั้งกลางวันและกลางคืน จนกำแพงด้านเหนือทำท่าจะพังมิพังแหล่ เตียวเต๊กรอให้กองทัพของเมืองลกเอี๋ยงมาช่วย ก็ไม่เห็นโผล่มาสักที จึงแต่งหนังสือถึงจูกัดเก๊กว่า

ธรรมเนียมของวุยก๊ก ถ้ามีข้าศึกมาตีเมืองแล้วรักษาไว้ได้ร้อยวัน และไม่มีทัพเมืองหลวงมาช่วยเลย เจ้าเมืองนั้นก็มีสิทธิ์ที่จะยอมอ่อนน้อมแก่ข้าศึกได้ไม่เป็นโทษ เวลานี้ก็รักษาด่านมาได้ถึงเก้าสิบวันแล้ว ขอให้รออีกสักสิบวัน ก็จะยอมแพ้

จูกัดเก๊กก็หลงเชื่อ จึงให้ทหารพักเลิกการทำลายกำแพงเมือง เตียวเต๊กก็ให้ทหารซ่อมแซมกำแพงด้านเหนือนั้นให้มั่นคงขึ้น และเตรียมพร้อมอยู่บนกำแพงเมือง เมื่อครบสิบวันแล้วเตียวเต๊กไม่ออกมายอมแพ้ จูกัดเก๊กก็ยกทหารไปถึงกำแพงเมืองแล้วทวงสัญญา เตียวเต๊กก็ร้องประกาศแก่จูกัดเก๊กว่า

“.....เสบียงอาหารของกูยังบริบูรณ์อยู่ จะเลี้ยงทหารอีกสักปีหนึ่งกูก็หากลัวไม่ กูจะยอมไปเข้าด้วยเองเหล่าชาติสุนัขเมืองกังตั๋งนั้นมิชอบ............”

จูกัดเก๊กก็โกรธ เร่งทหารเข้าโจมตีทำลายกำแพง ทหารเตียวเต๊กก็ยิงเกาทัณฑ์ลงมา ถูกจูกัดเก๊กที่หน้าผากตกจากม้า ทหารต้องอุ้มเข้าไปในค่าย จูกัดเก๊กก็สั่งให้ทหารทำลายกำแพงเมืองข้าศึกให้ได้ท ผู้ใดไม่เป็นใจด้วยการบอกป่วย ให้เอาตัวไปฆ่าเสีย ทหารทั้งปวงที่กลัวตายก็หนีไปเป็นอันมาก แม้แต่ท ชัวหลิม ซึ่งเป็นนายทหารผู้ใหญ่ ก็พาทหารหนีไปเข้ากับข้าศึก จนทหารเหลือน้อยตัวเต็มที ที่ยังอยู่ก็ป่วยไข้ เพราะกินน้ำกินอาหารผิดสำแดง พุงโรหน้าบวมผอมเหลืองแทบทั้งนั้น ไม่สามารถจะรบต่อไปได้ จึงต้องถอยทัพกลับ ทหารฝ่ายข้าศึกก็ยกติดตาม ฆ่าฟันทหารของจูกัดเก๊กล้มตายลงไปอีกเป็นอันมาก

เมื่อกลับมาถึงเมืองกังตั๋ง จูกัดเก๊กก็ลงนอนป่วยด้วยบาดแผลเกาทัณฑ์ และความเจ็บช้ำละอายใจ ที่ดื้อดันไปทำศึกพ่ายแพ้กลับมา พระเจ้าซุนเหลียงก็พาพวกขุนนางไปเยี่ยม จูกัดเก๊กก็ยิ่งอายหนัก พาลพาโลว่าไปทำการรบทุกครั้ง ก็มีแต่ชัยชนะ มาคราวนี้เคราะห์ร้าย เสียทหารเป็นอันมาก และตัวก็เกือบตาย เพราะนายทัพนายกองไม่เต็มใจด้วย ดังนั้นใครติเตียนนินทาว่ากล่าว จะจับตัวฆ่าเสีย

ขุนนางทั้งหลายก็ไม่พอใจแต่ไม่กล้าพูด รวมทั้งพระเจ้าซุนเหลียง ก็พากันลากลับไป จูกัดเก๊กก็พาลถอด ซุนจุ๋น นายทหารรักษาพระองค์ออกจากตำแหน่ง ปรากฏว่าซุนจุ๋นผู้นี้ เป็นเชื้อพระวงศ์ คือเป็นบุตรของซุนหอง หลานของ ซุนเจ้ง ซึ่งเป็นน้องของซุนเกี๋ยน บิดาของพระเจ้าซุนกวน หรือปู่ของพระเจ้าซุนเหลียงนี่เอง เมื่อถูกถอดก็คิดแก้แค้น จึงปรึกษากับ เตงอิ๋น ขุนนางผู้ใหญ่ที่ไม่ชอบหน้าจูกัดเก๊ก พากันไปเฝ้าพระเจ้าซุนเหลียง ให้จัดการกับจูกัดเก๊ก เสียก่อนที่จะสายเกินไป พระเจ้าซุนเหลียงก็เชิญจูกัดเก๊กมา กินโต๊ะ โดยให้ทหารมีฝีมือ ถืออาวุธซุ่มอยู่ในฉาก เตรียมลงมือฆ่าในเวลาเผลอ

จูกัดเก๊กนอนป่วยอยู่ที่บ้าน เกิดมีคนนุ่งขาวห่มขาวโพกผ้าขาว เดินเข้าไปจะนิมนต์หลวงจีน ไปทำบุญให้บิดาที่ตายอยู่ในบ้าน เพราะนึกว่าเป็นวัด ไม่รู้ว่าเป็นจวนของจูกัดเก๊กมหาอุปราช จูกัดเก๊กก็โกรธจัด เรียกทหารที่รักษาประตูสี่สิบคนมาสอบสวน ปรากฏว่าไม่มีใครเห็นคนที่เดินผ่านเข้ามาเลย จึงให้เอาตัวไปประหารเสียทั้งหมด รวมทั้งคนเคราะห์ร้ายผู้นั้นด้วย ตกกลางคืนนอนฝันร้ายแถมฟ้าผ่าอกไก่ของจวนหักออกเป็นสองท่อน จนรุ่งเช้าก็มีผู้ถือรับสั่งให้มาเชิญไปกินโต๊ะ พอเดินออกมาขึ้นเกวียน สุนัขที่เลี้ยงเอาไว้ก็กัดเอาเสื้อขาดแหว่งไป พอขี่เกวียนไปกลางทาง นายทหารคนสนิทก็ทักว่า ที่มีรับสั่งให้ไปกินโต๊ะนี้ ไม่เห็นมีเหตุผลอะไร ขอให้คิดดูให้ดี อย่าเพิ่งเชื่อ

จูกัดเก๊กก็ให้เกวียนหันกลับบ้าน เตงอื๋นก็ขี่ม้าตามมายืนยันว่า พระเจ้าซุนเหลียงคิดถึงจึงเชิญมากินโต๊ะ จะกลับเสียทำไม จูกัดเก๊กก็แก้ว่า เมื่อมาถึงนี่แล้วเกิดปวดท้องเป็นกำลัง เห็นจะเฝ้าไม่ได้ เตงอิ๋นก็อ้อนวอนว่า พระเจ้าซุนเหลียงเห็นว่าท่านค่อยทุเลาป่วยแล้ว จึงอยากจะปรึกษาราชการ เมื่อมาถึงที่แล้วก็แข็งใจเข้าไปเฝ้าเสียหน่อยหนึ่งเถิด พระเจ้าซุนเหลียงจะได้สบายพระทัย

จูกัดเก๊กก็หายสงสัยยอมเข้าไปเฝ้าฮ่องเต้ในวัง พระเจ้าซุนเหลียงกระทำคำนับก่อน แล้วก็เชิญให้เสพสุรา จูกัดเก๊กบ่ายเบี่ยงว่ายังป่วยอยู่ เสพสุราไม่ได้ ซุนจุ๋นซึ่งอยู่ในที่เลี้ยงนั้นด้วย ก็ว่า ท่านมหาอุปราชกินยาดองสุราอยู่บ้างแล้ว จึงให้ฟคนใช้ไปเอายาดองที่บ้าน มากินพอเป็นเพื่อนฮ่องเต้ แล้วก็เลยเผลอกินจนมึนเมา ซุนจุ๋นก็เข้าไปในฉากถอดเสื้อออกแล้วแต่งตัวให้มั่นคง ถือกระบี่เข้ามาร้องว่า

“.....มีรับสั่งให้ฆ่าอ้ายจูกัดเก๊ก ศัตรูแผ่นดินให้สิ้นชีวิต.......”

จูกัดเก๊กตกใจจับกระบี่ขยับตัวจะต่อสู้ ซุนจุ๋นก็ฟันศีรษะขาดตกลง ทหารคนสนิทก็รำง้าวเข้าแทงถูกมือซุนจุ๋น แต่ก็โดนซุนจุ๋นฟันถูกไหล่ ทหารที่แอบอยู่ก็ออกมากลุ้มรุม ฆ่าทหารคนสนิทของจูกัดเก๊กตายตามไปด้วย

แล้วซุนจุ๋นจึงให้ทหารเอาเสื่อพันศพทั้งสองไปทิ้งเสียที่นอกกำแพงเมืองทางทิศใต้ และจับภรรยาจูกัดเก๊กกับคนในเรือน เอาไปฆ่าเสียที่กลางตลาด พร้อมกับริบทรัพย์สมบัติทั้งปวงไว้เป็นของหลวง พระเจ้าซุนเหลียงจึงแต่งตั้งให้ซุนจุ๋นเป็นมหาอุปราชว่าราชการทั้งปวงแทน

แต่ต่อมาอีกไม่นานนักซุนจุ๋นก็ป่วยตายลง ซุนหลิม น้องชายก็ได้เป็นมหาอุปราชแทนพี่ ก็กลับไปฆ่าเตงอิ๋นกับพวกตายหมด เพื่อตนเองจะได้มียศศักดิ์สูงกว่าขุนนางทั้งปวง และกุมอำนาจการปกครองไว้ในมือทั้งสิ้น จนพระเจ้าซุนเหลียงซึ่งยังเป็นเด็ก ต้องกลายเป็นลูกไก่อยู่ในกำมือของซุนหลิม ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นฉะนใด.

##############
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่