บทบาทที่เหมือนเป็นการเตะตัดขาสุเทพตรงๆ แบบนี้นั้นเริ่มมาจาก ทักษิณ ประกาศยอมยุติบทบาททางการเมือง
ตามด้วยข่าว “ออกซ์ฟอร์ดดีล” ซึ่งเชื่อกันว่าเป็น กรณ์พบกับคุณหญิงพจมาน นั่นหมายความว่ามีการตกลงเงื่อนไขสำคัญแล้ว
ทักษิณยอมยุติบทบาท แลกกับ ต้องไม่เอาผิดยิ่งลักษณ์ และต้องไม่รังควาญตระกูลชินวัตร
การออกมาเสนอเป็นตัวกลางเจรจาเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งของ อภิสิทธิ์ ซึ่งเดินสายไปพบกับหลายๆฝ่าย
ทั้ง ผบสส , กกต , บรรหาร รวมทั้งคำพูดของนายกยิ่งลักษณ์ "ให้กำลังใจ อภิสิทธิ์ เชียร์เหมาะคุยกับสุเทพที่สุด"
การที่หลายๆ ฝ่ายยินดีพูดคุยกับอภิสิทธิ์รวมทั้ง กกต ด้วยก็แปลว่าทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าถ้าไม่เจรจาจะเกิดสงคราม
ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นอย่างยิ่ง
ที่จริงแล้วอภิสิทธิ์ไม่เห็นด้วยกับ นายก ม 7 ของสุเทพ แต่ก็ต้องยื้อไม่ลงเลือกตั้งเพราะยังติดเงื่อนไขที่ทักษิณก็ยังไม่ยอม
ในช่วงแรกๆจึงต้องไปโชวตัวในม็อบเพื่อรักษาคะแนนเสียง แต่เมื่อม็อบเริ่มแผ่วลง ประกอบกับเงื่อนไขลงตัว
เมื่อทุกฝ่ายตอบรับ จึงต้องรีบออกมาเสนอให้มี "เลือกตั้งเพื่อไปปฏิรูป" ในช่วงที่กำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็ม
แต่ปัญหาสุดท้ายที่ยังต้องแก้คือ อภิสิทธิ์จะทำยังไงให้สุเทพกลับบ้าน เมื่อ "อำมาตย์ผมขาว" ยังไม่ยอมจบ
แม้ว่าเงื่อนไขที่ "ทักษิณจะยอมยุติบทบาท" เป็นสิ่งที่น่าพอใจมากๆแล้ว แต่ผู้ที่จะเข้ามาปฏิรูปหลังเลือกตั้งก็ยังเป็นนักการเมือง
แต่อำมาตย์ผมขาวต้องการปฏิรูปด้วยคนที่ตัวเองเลือก ซึ่งต้องมั่นใจได้ว่าจะจัดวางโครงสร้างอำนาจได้ตรงใจกว่า
ซึ่งอาจจะสะท้อนความคิดนี้ผ่านคำพูดของ สนธิ ลิ้ม ได้ว่า
"หลังศาลตัดสินให้รัฐบาลสิ้นสุดอำนาจ ให้นายสุเทพระดมคนทั้งประเทศ ล็อบบี้นักการเมืองทุกคนให้ยุติการเล่นการเมือง
และบอกทหารพร้อมใจกันถวายคืนอำนาจให้พระเจ้าอยู่หัว ให้พระองค์ตั้งคนของพระองค์มาทำการปฏิรูปเพื่อคนไทย 65 ล้านคน"
แต่สุดท้ายคีย์แมนที่จะชี้ขาดก็คือทหาร ที่แม้จะเอนเอียงไปทาง กปปส แต่ก็อยากให้จบด้วยการเจรจา โดย พล.อ.ประยุทธ์ มีท่าทีว่า
"ทุกฝ่ายต้องหาทางออกของบ้านเมืองร่วมกัน ย้ำอย่าดึงสถาบันมาเกี่ยวข้อง" ซึ่งน่าจะเป็นการดับฝันของอำมาตย์ผมขาว
และบีบให้ทุกฝ่ายต้องยอมรับการเจรจา แล้วมุ่งสู่การเลือกตั้ง
ทำไม อภิสิทธิ์ต้องเตะตัดขาสุเทพ
ตามด้วยข่าว “ออกซ์ฟอร์ดดีล” ซึ่งเชื่อกันว่าเป็น กรณ์พบกับคุณหญิงพจมาน นั่นหมายความว่ามีการตกลงเงื่อนไขสำคัญแล้ว
ทักษิณยอมยุติบทบาท แลกกับ ต้องไม่เอาผิดยิ่งลักษณ์ และต้องไม่รังควาญตระกูลชินวัตร
การออกมาเสนอเป็นตัวกลางเจรจาเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งของ อภิสิทธิ์ ซึ่งเดินสายไปพบกับหลายๆฝ่าย
ทั้ง ผบสส , กกต , บรรหาร รวมทั้งคำพูดของนายกยิ่งลักษณ์ "ให้กำลังใจ อภิสิทธิ์ เชียร์เหมาะคุยกับสุเทพที่สุด"
การที่หลายๆ ฝ่ายยินดีพูดคุยกับอภิสิทธิ์รวมทั้ง กกต ด้วยก็แปลว่าทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าถ้าไม่เจรจาจะเกิดสงคราม
ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นอย่างยิ่ง
ที่จริงแล้วอภิสิทธิ์ไม่เห็นด้วยกับ นายก ม 7 ของสุเทพ แต่ก็ต้องยื้อไม่ลงเลือกตั้งเพราะยังติดเงื่อนไขที่ทักษิณก็ยังไม่ยอม
ในช่วงแรกๆจึงต้องไปโชวตัวในม็อบเพื่อรักษาคะแนนเสียง แต่เมื่อม็อบเริ่มแผ่วลง ประกอบกับเงื่อนไขลงตัว
เมื่อทุกฝ่ายตอบรับ จึงต้องรีบออกมาเสนอให้มี "เลือกตั้งเพื่อไปปฏิรูป" ในช่วงที่กำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็ม
แต่ปัญหาสุดท้ายที่ยังต้องแก้คือ อภิสิทธิ์จะทำยังไงให้สุเทพกลับบ้าน เมื่อ "อำมาตย์ผมขาว" ยังไม่ยอมจบ
แม้ว่าเงื่อนไขที่ "ทักษิณจะยอมยุติบทบาท" เป็นสิ่งที่น่าพอใจมากๆแล้ว แต่ผู้ที่จะเข้ามาปฏิรูปหลังเลือกตั้งก็ยังเป็นนักการเมือง
แต่อำมาตย์ผมขาวต้องการปฏิรูปด้วยคนที่ตัวเองเลือก ซึ่งต้องมั่นใจได้ว่าจะจัดวางโครงสร้างอำนาจได้ตรงใจกว่า
ซึ่งอาจจะสะท้อนความคิดนี้ผ่านคำพูดของ สนธิ ลิ้ม ได้ว่า
"หลังศาลตัดสินให้รัฐบาลสิ้นสุดอำนาจ ให้นายสุเทพระดมคนทั้งประเทศ ล็อบบี้นักการเมืองทุกคนให้ยุติการเล่นการเมือง
และบอกทหารพร้อมใจกันถวายคืนอำนาจให้พระเจ้าอยู่หัว ให้พระองค์ตั้งคนของพระองค์มาทำการปฏิรูปเพื่อคนไทย 65 ล้านคน"
แต่สุดท้ายคีย์แมนที่จะชี้ขาดก็คือทหาร ที่แม้จะเอนเอียงไปทาง กปปส แต่ก็อยากให้จบด้วยการเจรจา โดย พล.อ.ประยุทธ์ มีท่าทีว่า
"ทุกฝ่ายต้องหาทางออกของบ้านเมืองร่วมกัน ย้ำอย่าดึงสถาบันมาเกี่ยวข้อง" ซึ่งน่าจะเป็นการดับฝันของอำมาตย์ผมขาว
และบีบให้ทุกฝ่ายต้องยอมรับการเจรจา แล้วมุ่งสู่การเลือกตั้ง