พลันที่นายสุเทพ ประกาศยุบและย้ายเวทีชุมนุมไปที่สวนลุม และพร้อมที่จะเจรจากับรักษาการณ์นายกรัฐมนตรีแบบตัวต่อตัวภายใต้เงื่อนไขให้มีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ ผมถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี และเชื่อว่าแม้ในขณะปัจจุบันที่ยังไม่มีการเจรจาอย่างเป็นทางการของบุคคลทั้งสองเกิดขึ้น แต่ก็มีกระบวนการเจรจาต่อรองเกิดขึ้นแล้วระหว่างชนชั้นนำของทั้งสองฝ่าย แต่การเจรจาอย่างเป็นทางการที่เป็นทางออกเดียวจากความขัดแย้งในครั้งนี้ให้ได้โดยไม่ต้องมีการสูญเสีย ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ยากหากทั้งสองฝ่ายยังไม่ลดเงื่อนไข และทำใจยอมรับให้ได้ว่าผลที่ได้จากการเจรจาคือการที่ไม่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้หรือเสียทั้งหมด อย่างไรก็ตามเมื่อประตูแห่งโอกาสเปิดแล้ว ทั้งสองฝ่ายก็ควรใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการยุติความขัดแย้ง และความวุ่นวายทางการเมืองในขณะนี้ โดยการนำจุดร่วมที่ทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันคือความต้องการปฏิรูปประเทศ (แม้ผมจะไม่แน่ใจนักว่ามันเป็นความต้องการที่แท้จริงของชนชั้นนำของทั้งสองฝ่ายหรือเป็นเพียงแค่เงื่อนไขและการขายฝันในการนำมวลชน แต่มันก็เป็นสิ่งที่มวลชนของทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกัน) เป็นบันไดขั้นแรกของการเจรจา โดยในระยะเฉพาะหน้าควรเร่งจัดการเลือกตั้งให้เสร็จสิ้นก่อน เพื่อให้เกิดอำนาจนิติบัญญัติ และอำนาจบริหารที่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ และวิถีของประชาธิปไตย เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปประเทศตามรูปแบบและวิธีการที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันจากการเจรจา หลังจากนั้นจึงนำไปสู่การทำประชามติ เพื่อให้เป็นกติกาในการอยู่ร่วมกันของผู้คนในสังคมนี้ และการเดินหน้าประเทศต่อไป และนอกจากทั้งสองฝ่ายแล้วองค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบ และถ่วงดุลที่นับวันจะสถาปนาขอบเขตอำนาจของตัวเองให้มากขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบจะไร้ข้อจำกัดและมากกว่าการถ่วงดุลตามสามัญสำนึกแล้วก็ควรกลับมาทบทวนบทบาท เพื่อสร้างทางออกให้กับความขัดแย้งในครั้งนี้ ไม่ใช่ทำให้หนทางตีบตันขึ้นเรื่อยๆ
เราควรจะก้าวข้ามความขัดแย้ง และใช้วิกฤติทางการเมืองในขณะนี้เป็นโอกาสในการปฏิรูปประเทศเพื่อสร้างความพร้อม และความมั่นคงให้กับประเทศก่อนเข้าสู่ AEC ได้แล้ว หรือเรายังจะติดปลักจมอยู่ในความขัดแย้งทางการเมืองแบบนี้ต่อไป และรอคอยการปะทุครั้งใหม่เหมือนเช่นที่ผ่านมา หากไม่ยอมที่จะเจรจาและคิดที่จะปฏิรูปและปรับปรุงโครงสร้างประเทศใหม่อย่างจริงจังซะที
การเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้ง
เราควรจะก้าวข้ามความขัดแย้ง และใช้วิกฤติทางการเมืองในขณะนี้เป็นโอกาสในการปฏิรูปประเทศเพื่อสร้างความพร้อม และความมั่นคงให้กับประเทศก่อนเข้าสู่ AEC ได้แล้ว หรือเรายังจะติดปลักจมอยู่ในความขัดแย้งทางการเมืองแบบนี้ต่อไป และรอคอยการปะทุครั้งใหม่เหมือนเช่นที่ผ่านมา หากไม่ยอมที่จะเจรจาและคิดที่จะปฏิรูปและปรับปรุงโครงสร้างประเทศใหม่อย่างจริงจังซะที