Fever 4 (F4 THAILAND) โดย ณพัชระ #10 #11

เรื่องนี้แต่งขึ้น เป็นเรื่องสมมุติ ตามจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น ไม่มีเจตนาพาดพิงใดๆนะคะ

ขอขอบคุณ คุณโยโกะ คามิโอะ ผู้เขียน Hana Yori Dango ต้นฉบับแห่งแรงบันดาลใจ


นายหญิงแห่งเตมีย์กรุ๊ป




ทานตะวัน


เตชินท์ เตมีย์อภิทรัพย์วณิชย์

ณาวา กฤษจาวรนันท์ (Snowman)

คิรินท์ อินทราชัยพิศุทธิ์ หรือนายน้อยรินท์

หม่อมราชวงค์พศวีย์ สิริเมฑาวรกุล ชายวีย์แห่งวังสิริเมฑา

พี่แพร แพรธารา

เดียร์น่า ดิษยา


Fever 4 (F4 THAILAND) #1 http://ppantip.com/topic/30896810
Fever 4 (F4 THAILAND) #2 http://ppantip.com/topic/30922852
Fever 4 (F4 THAILAND) #3 http://ppantip.com/topic/30984872
Fever 4 (F4 THAILAND) #4 http://ppantip.com/topic/31008854
Fever 4 (F4 THAILAND) #5 http://ppantip.com/topic/31040591
Fever 4 (F4 THAILAND) #6 http://ppantip.com/topic/31084221
Fever 4 (F4 THAILAND) #7 http://ppantip.com/topic/31132233
Fever 4 (F4 THAILAND) #8 http://ppantip.com/topic/31162427
Fever 4 (F4 THAILAND) #9 http://ppantip.com/topic/31888161






Fever 4 (F4 THAILAND) #10 #11

             คราวนี้จะเป็นยังไง "ประทัด" "โดนขัง" "หรือโดนรุม" นั่นคือสิ่งที่ทานตะวันคิดอยู่ในหัวตลอด ช้างยังคงหลบอยู่ข้างหลังทานตะวัน ทานตะวันรีบพาช้างมาที่ลานจอดรถ เพื่อหารถของช้างที่จอดอยู่ เมื่อช้างเห็นสภาพรถของตัวเองก็ต้องอึ้ง

        "พ่อด่าตาย" คำสามคำที่ช้างจะพูดได้ในตอนนี้ ทานตะวันมองเพื่อนอย่างเห็นใจ ก่อนจะพาเดินไปอีกทางเพื่อหลบออกจากเตมีย์ยู

        "ปี๊ดดดดดดดดดดดดดดด" เสียงนกหวีดดังขึ้น นักศึกษาผู้ชายถือไม้เบสบอลเดินเข้ามา มีนักศึกษาผู้หญิงสองคน มาล๊อคตัวทานตะวันไว้จากด้านหลัง

        "เบาๆ แก เบาๆ" หนึ่งในสองที่เข้ามาจับทานตะวันไว้บอกกับเพื่อนของตนเเพราะเกรงว่าอาจทำให้ทานตะวันต้องเจ็บตัว ถ้าเป็นอย่างนั้นเตชินท์ไม่มีทางปล่อยเธอไว้แน่

        "มาทำอะไรกันตั้งเยอะขนาดนี้ จะออกไปช่วยชาติชุมนุมกันหรือไง" ช้างพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นๆ ตอนนี้เขาอยู่ท่ามกลางวงล้อมของนักศึกษาผู้ชายหลายสิบคน



        "ก็เห็นอยู่ว่ามาเล่นกีฬา" หนึ่งในกลุ่มนั้นบอกกับช้างก่อนจะยกไม้เบสบอลของตัวเองขึ้น ไม่นานนักลูกเบสบอลนับสิบลูกถูกขวางมาตรงที่ช้างยืนอยู่

        ช้างพยายามใช้มือปัด บางลูกเขาสามารถคว้าไว้ได้ ช้างรีบเขวี้ยงกลับไปที่กลุ่มนักศึกษานั่น แต่ก็ถูกคนที่มีไม้เบสบอลตีกลับมาใส่อีกจนได้

        "หยุดนะ เราบอกให้หยุดดดดดดดดด" เสียงของทานตะวันร้องห้ามเธอพยายามดิ้นสุดชีวิต แต่ไม่สามารถหลุดมาช่วยช้างได้

        "ช้างนั่งลง อย่าตอบโต้ ยิ่งนายทำพวกเขา จะยิ่งเจ็บตัว" ทานตะวันตะโกนบอกเพื่อนของเธอ

        ช้างรีบนั่งลงเอามือกุมหัวของตัวเองไว้ เพราะกลัวลูกเบสบอลจะโดนเข้าที่ใบหน้า แล้วจะเสียโฉม (กลัวทำไมเนี่ย)

        ทานตะวันพยายามใช้แรงดิ้นอีกครั้งจนเธอรู้สึกเจ็บเพราะโดนบีบเข้าที่แขนอย่างแรง

        "โอ้ยยยยยย ฉันเจ็บปล่อยนะ บอกให้ปล่อย" ทานตะวันร้องออกมาเสียงดัง จนคนที่จับเธอไว้รีบปล่อย เพราะกลัวว่าเตชินท์จะมาเห็น

        ทานตะวันอาศัยจังหวะนี้ รีบวิ่งเข้าไปหาช้าง วินาทีนั้นเอง ลูกเบสบอลที่หนึ่งในกลุ่มนักศึกษานั้นเขวี้ยงออกมา กระแทกเข้าที่ข้างแก้มของเธออย่างจัง ทานตะวันทรุดนั่งลงข้างช้าง เธอรู้สึกชาที่ใบหน้ามาก แต่เธอห่วงเพื่อนของเธอมากกว่า คนที่เขวี้ยงลูกเบสบอลใส่ทานตะวันรีบวิ่งหนีออกจากกลุ่มอย่างรู้ชะตากรรมของตัวเองทันที

        ไม่นานนักรถน้ำฝ่าวงล้อมเข้ามาจอด สายฉีดน้ำความดันสูงเล็งมาที่กลางกลุ่ม หนึ่งในนักศึกษาชายพยายามร้องห้ามเพราะทานตะวันอยู่ในนั้นด้วยแต่ไม่ทันเสียแล้ว
       
        ทานตะวันและช้างต่างพากันเซไปตามแรงดันของน้ำตอนนี้ทั้งคู่ทั้งเปียกปอนและสะบัดสะบอมกันทั้งคู่ ทานตะวันจับมือของช้างไว้แน่นเธอไม่ต้องการให้เพื่อนอยู่ห่างจากเธอเพราะไม่อย่างนั้น ช้างต้องโดนหนักกว่านี้แน่

        ณาวาพาแพรธารามาทำธุระเกี่ยวกับมูลนิธิของเตมีย์ยู เขาเห็นว่ามีเสียงเอะอะโวยอยู่ที่ตึกด้านหลัง เมื่อเขามองลงไปเห็นทานตะวันอยู่ตรงนั้นเขารีบวิ่งไปที่แห่งนั้นทันที จนแพรธาราอดแปลกใจไม่ได้ เพราะเธอไม่เคยเห็นณาวามีท่าทีร้อนรนมากขนาดนี้มาก่อน เธอรีบวิ่งตามไปดูด้วย

        "หยุด พอกันได้แล้ว" เสียงตะโกนของณาวาดังขึ้น ท่าทีและแววตาที่จริงจังของเขาทำให้ สถานที่ที่วุ่นวายนั้นเงียบลงไปทันที



        ทานตะวันมองนาวาอย่างซาบซึ้งใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามาช่วยเธอ เพราะอะไรกันนะ เวลาคับขันแบบนี้เขาต้องปรากฏตัวออกมาอยู่เสมอ

        "ขอบคุณจริงๆ" ทานตะวันพึมพำเบาๆ แต่ช้างได้ยิน

        "ขอบคุณบ้าอะไรหละตะวัน นี่ก็หนึ่งใน F4 นะ" ช้างบอกอย่างเคืองๆเพราะตอนนี้เขาทั้งเจ็บ จุก และอิ่ม เพราะในท้องของเขาตอนนี้พองไปด้วยน้ำ (รึเปล่า)

        ณาวาเดินฝ่าฝูงชนเข้ามา ถอดเสื้อคลุมของเขาออกเพื่อจะคลุมให้กับทานตะวัน เพราะเสื้อของเธอตอนนี้มันบางเพราะเปียกไปด้วยน้ำ

        "นายนั่นแหละหยุด และพอได้แล้วณาวา เลิกทำอะไรที่ขวางฉันสักที" เสียงของเตชินท์ดังขึ้น เขาเดินเข้ามาพร้อม คิรินท์และชายวีย์ อย่างเอาเรื่อง


        ณาวา ได้แต่ถอนหายใจ แต่เขายังไม่หยุดการกระทำของเขา เขาคลุมเสื้อให้กับทานตะวันและใช้มือของเขาดึงมือของทานตะวันให้ลุกขึ้นมา แพรธาราได้แต่มองภาพนั้นอย่างไม่เชื่อสายตา ว่าณาวาที่เธอรู้จักจะกล้าทำแบบนี้ต่อหน้าเธอ หน้าของแพรธาราเริ่มชา เธอไม่แน่ใจว่านี่เป็นเพราะเธอหึงและหวงณาวาหรือเปล่าในตอนนี้

        เตชินท์มองการกระทำของณาวาอย่างไม่พอใจ เขารีบเดินไปฉุดมือของทานตะวันอีกข้างไว้ทันที

        "ปล่อยเธอซะณาวา" เตชินท์สั่งณาวาอย่างเฉียบขาดเป็นครั้งแรกตั้งแต่คบกันมา

        " (อย่าปล่อยนะอย่าปล่อย) " ทานตะวันคิดในใจ แต่เหมือน ณาวาจะรับรู้ เขาจับข้อมือของทานตะวันแน่นขึ้นและดึงตัวของเธอเข้ามาทางเขา

        เตชินท์ ขบกรามแน่น (เขาโกรธเพื่อนเขานะ แต่เหมือนหวงทานตะวันมากกว่านิดหน่อย) เตชินท์ รั้งมืออีกข้างของทานตะวันไว้ จนเธอรู้สึกเจ็บ

        "ฉันเจ็บนะ" ทานตะวันตะโกนบอก เตชินท์ผ่อนแรงลงทันที อย่างไม่รู้ตัว แต่ในขณะที่ณาวายังคงจับมือของเธอไว้แน่น

        "อั้ยย๊ะ ศึกชิงนาง" ช้างพูดขึ้น สายตาของเตชินท์เหวี่ยงใส่ทันที จนช้างต้องหดตัวให้เล็กลง (ได้ด้วยหรอ) เพื่อหายไปจากตรงนั้น

        "เห็นแก่ความเป็นเพื่อนของเรา ฉันจะขอย้ำอีกครั้ง ปล่อยเธอซะณาวา" น้ำเสียงของเตชินท์เริ่มเย็นลง แต่ณาวายังคงนิ่ง

        แพรธารา มองหน้าณาวาอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะมองไปที่ทานตะวัน

        " (เด็กคนนี้มีความสำคัญกับเธออย่างนั้นหรอ) " แพรธารา ได้แต่คิดในใจด้วยความสงสัย

        "ไหนบอกว่าไม่รู้สึกอะไร ปกตินายก็เฉยกับสิ่งที่ฉันทำมาตลอดอยู่แล้ว แต่ทำไม่เรื่องของยัยอวดดีนี่ นายถึงต้องเข้ามายุ่ง" เตชินท์ถามทั้งโมโหทั้งสงสัย

        " (ใคร ใครอวดดี นายว่าฉันหรอ ไอ้ผู้ชายปากจัด ดื้อรั้น เอาแต่ใจ) " ทานตะวันตะโกนด่าเตชินท์ทางสายตา

        "นายชอบเธอใช่มั้ย.....ตอบฉันมาณาวา.... ว่านายชอบเธอหรือเปล่า" เตชินท์ตัดสินใจถามเพื่อนของเขาตามตรงในสิ่งที่เขาค้างคาใจมานาน

        คราวนี้ทานตะวันละสายตาจากเตชินท์หันมาทาง ณาวาทันที เธอได้แต่มองเขา และภาวนาอยู่ในใจว่าอย่าให้เขาปฏิเสธเธอออกมาเลย



        ณาวา ยังคงเงียบเฉยทั้งที่เขาเองก็ตกใจไม่น้อยที่เตชินท์ถามคำถามนี้ขึ้นมา แต่เขารู้จักนิสัยเพื่อนของเขาดี เพราะการนิ่งและเงียบเท่านั้นถึงจะสยบเตชินท์ได้ เตชินท์ได้แต่มองท่าที่ของเพื่อนเขาด้วยความโมโห

        "ได้ นายไม่ตอบฉันใช่มั้ย งั้นนายกับฉันขาดกันตรงนี้เลยยยย" เตชินท์กระแทกเสียงดังฟังชัด ก่อนจะเป็นฝ่ายปล่อยมือทานตะวัน แล้วเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกไป ณาวาเมื่อเห็นเตชินท์ไปแล้วเขาจึงปล่อยมือของทานตะวันเช่นกัน

        คิรินท์ เดินเข้ามาตบบ่าณาวาอย่างให้กำลังใจ ก่อนจะเดินตามเตชินท์ออกไปพร้อมกับชายวีย์

        "เธอกับเพื่อนของเธอปลอดภัยแล้ว" เสียงนุ่มๆของณาวาบอกกับทานตะวันก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทางอย่างหนักใจในเรื่องของตัวเอง

        แพรธารา เดินเข้ามาหาทานตะวัน มองเธออย่างเป็นห่วง

        "ไปเปลี่ยนชุดกันเถอะ" แพรธาราจูงมือทานนตะวันออกไปจากตรงนั้น ช้างได้แต่มองตามตาปริบๆ เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นก็เพราะเขา แต่ตอนนี้เขากลายเป็นส่วนเกินของเรื่องนี้ไปโดยทันที

***   ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------   ***


        แพรธารา มองดูทานตะวันที่กำลำจัดแจงตัวเองให้เรียบร้อยอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำ ตอนนี้เธอเปลี่ยนเป็นชุดพละแล้ว ทานตะวันใช้กระดาษทิชชู่เช็ดรอยเปื้อนที่หน้าของเธอ แพรธาราส่งผ้าเช็ดหน้าของเธอให้กับทานตะวัน ทานตะวันรับผ้าผืนนั้นมาถือไว้ เธอจำได้ว่าเคยได้ผ้าแบบนี้มาแล้วผืนหนึ่งจากณาวา นี่ขนาดของใช้ส่วนตัว คนทั้งคู่ก็ใช้ของเหมือนกันด้วยหรือเนี่ย ทานตะวันเช็ดหน้าของเธออย่างช้าๆ เพราะเธอรู้สึกหน่วงๆในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก

        "อย่าไปถือสาเตชินท์เลยนะจ๊ะ ปล่อยเขาไว้สักพักเดี๋ยวเรื่องนี้ก็จบไปเอง แต่พี่ก็ต้องขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เกิดเรื่องในวันนี้ เพราะทำให้พี่ได้เห็นคนที่พี่รู้จักในอีกแง่มุมนึง"

        "คุณณาวาหรอคะ"

        แพรธารายิ้มก่อนที่จะพยักหน้าตอบ ทานตะวันได้แต่อึ้งไปกับรอยยิ้มที่แสนหวานบนใบหน้าที่แสนสวยได้รูปของอีกฝ่าย ทานตะวันสัมผัสได้ถึงความแตกต่างในกระจกระหว่างเธอกับแพรธารา เพราะมันช่างชัดเจนนัก

        "พี่ไม่เคยคิดว่า Snowman ของพี่ จะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ก่อนที่พี่ไปฝรั่งเศส มีแต่คนบอกว่า ณาวา จะเป็นคนที่เสียใจที่สุดถ้าพี่ไป แต่วันที่เขาไปส่งพี่ที่สนามบินสีหน้าของเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่ได้แสดงอาการอะไรให้พี่ได้รู้เลยว่าเขารู้สึกเช่นนั้นจริงๆ จนมาวันนี้ พี่ถึงได้รู้ว่าถ้าเขาห่วงใครสักคน เขาก็จะเป็นแบบนี้เอง"
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่