Fever 4 (F4 THAILAND) โดย ณพัชระ #12

เรื่องนี้แต่งขึ้น เป็นเรื่องสมมุติ ตามจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น ไม่มีเจตนาพาดพิงใดๆนะคะ

ขอขอบคุณ คุณโยโกะ คามิโอะ ผู้เขียน Hana Yori Dango ต้นฉบับแห่งแรงบันดาลใจ


นายหญิงแห่งเตมีย์กรุ๊ป




ทานตะวัน


เตชินท์ เตมีย์อภิทรัพย์วณิชย์

ณาวา กฤษจาวรนันท์ (Snowman)

คิรินท์ อินทราชัยพิศุทธิ์ หรือนายน้อยรินท์

หม่อมราชวงค์พศวีย์ สิริเมฑาวรกุล ชายวีย์แห่งวังสิริเมฑา

พี่แพร แพรธารา

เดียร์น่า ดิษยา


Fever 4 (F4 THAILAND) #1 http://ppantip.com/topic/30896810
Fever 4 (F4 THAILAND) #2 http://ppantip.com/topic/30922852
Fever 4 (F4 THAILAND) #3 http://ppantip.com/topic/30984872
Fever 4 (F4 THAILAND) #4 http://ppantip.com/topic/31008854
Fever 4 (F4 THAILAND) #5 http://ppantip.com/topic/31040591
Fever 4 (F4 THAILAND) #6 http://ppantip.com/topic/31084221
Fever 4 (F4 THAILAND) #7 http://ppantip.com/topic/31132233
Fever 4 (F4 THAILAND) #8 http://ppantip.com/topic/31162427
Fever 4 (F4 THAILAND) #9 http://ppantip.com/topic/31888161
Fever 4 (F4 THAILAND) #10 #11 http://ppantip.com/topic/31973362





***   ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------   ***


             ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา นายหญิงแห่งเตมีย์กรุ๊ปออกมาจากห้องประชุมด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด เธอเดินผ่านใคร ก็เหมือนพายุลูกใหญ่ที่กำลังพัดผ่าน ลูกน้องต่างพากันกลัวลนลาน รีบหันหน้าเข้าคอมพิเตอร์เพื่อทำงานของตัวเองต่อไป

        พิชยา เตมีย์อภิทรัพย์วณิชย์ ผู้กุมบังเหียนใหญ่ นายหญิงแห่งเตมีย์กรุ๊ป เดินเข้าห้องทำงาน ที่เห็นวิวของเมืองรอบห้อง ห้องที่กว้างใหญ่ไม่ต่างอะไรกับบารมีของเจ้าของ

        ปิติ เลขาใหญ่ของเตมีย์กรุ๊ป วางซองเอกสารปิดผนึกลงที่โต๊ะของนายหญิง พิชยารับรู้ได้ทันทีว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นที่เมืองไทย เธอถอนหายใจก่อนที่จะเปิดซอง เมื่อเธออ่านข้อความและเห็นรูปภาพนั่นเธอถึงกับฟาดซองเอกสารลงบนโต๊ะด้วยความโมโห

       “มันเกิดเรื่องบ้านี่ขึ้นได้ยังไง  ทำไมการรักษาความปลอดภัยถึงได้หละหลวมแบบนี้”

        พิชยา รู้เรื่องที่เตชินท์ขับรถเองโดยปราศจากบอร์ดี้การ์ดอยู่ในรถนั่นด้วย

        “แต่เราคุ้มกันบริเวณโดยรอบเป็นอย่างดี” ปิติ อธิบาย

        “แล้วถ้าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนร้ายที่แฝงตัวมาหละ  ความผิดพลาดก็เคยมีมาแล้ว ว่าแต่........”

        พิชยา หยิบรูปของทานตะวันที่นั่งกินโจ๊กกับเตชินท์ขึ้นมาส่งให้กับปิติ

       “ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร” พิชยาถาม   ปิติอึกอักที่จะตอบ

        “ข้อมูลทุกอย่างอยู่ในนี้ครับ” ปิติรู้ดีว่า นายหญิงต้องถาม จึงเตรียมข้อมูลไว้พร้อม

        พิชยา รับซองเอกสารอีกซองมาถือไว้ในมือ เธอพอจะเดาเรื่องราวที่อยู่ในนี้ได้ จึงยังไม่เปิดอ่าน

       “จัดการเรื่องทีมคุ้มกันของเตชินท์ที่มีอยู่ตอนนี้ซะ คุณคงรู้ดีว่าต้องทำยังไง” พิชยาทำหน้าดุใส่ปิติ เพราะเธอจริงจังกับเรื่องนี้มาก
  
        “ครับนายหญิง” ปิติรับคำ

        “ส่วนเรื่องผู้หญิงคนนั้น.....ฉันจะจัดการเอง” นายหญิงแห่งเตมีย์กรุ๊ปบอกด้วยน้ำเสียงที่เฉียบขาด ก่อนจะทำมือให้ปิติออกไปได้แล้ว

        ปิติ เดินออกมาจากห้องเจ้านายอย่างไม่สบายใจ ถึงเขาจะทำงานให้นายหญิงแห่งเตมีย์กรุ๊ป แต่เขาก็อดห่วงความรู้สึกของนายน้อยแห่งเตมีย์กรุ๊ปไม่ได้ เพราะเข้ารู้เรื่องความสัมพันธ์ของครอบครัวนี้เป็นอย่างดี



***   ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------   ***



Fever 4 (F4 THAILAND) #12

             เช้าวันใหม่ ถึงเต็มไปด้วยเมฆฝนที่ดำทมึนตั้งเค้ามาแต่ไกล แต่สำหรับเตชินท์นั้นเช้าวันนี้เป็นเช้าที่สดใสของเค้ามาก ไม่ว่าใครจะทำอะไรก็ถูกใจเขาไปเสียซะหมด

             จนเมื่อเขาจะก้าวเท้าขึ้นรถใบหน้าที่ยิ้มอยู่ก็หุบลงทันที เมื่อเขาสังเกตุเห็นว่า ทีมการ์ดที่รักษาความปลอดภัยของเขานั้นได้เปลี่ยนเป็นทีมใหม่ทั้งทีม เตชินท์มองไปทางพ่อบ้าน สีหน้าและแววตาของเขาเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม พ่อบ้านจะเอ่ยปากชี้แจง แต่เตชินท์ยกมือห้าม เพราะเขาคิดทบทวนแล้วก็รู้ดีว่าเป็นฝีมือใคร

         "ทีมเก่าที่ออกไป ช่วยทำเรื่องจ่ายชดเชยให้พวกเค้า 3 เดือน หักจากบัญชีของผม" เตชินท์ออกคำสั่ง

         "แต่นายน้อยครับ นายหญิงจ่ายชดเชยให้พวกเค้าแล้ว" พ่อบ้านชี้แจง

         "ผมรู้ แต่ส่วนนี้ผมอยากให้เพิ่ม เพราะมันเป็นความผิดของผมเอง" เตชินท์บอกเสียงเรียบ แต่จริงจังมาก พ่อบ้านรับคำสั่ง เตชินท์ขึ้นรถไปเตมีย์ยูด้วยความกังวลใจ เพราะเรื่องนี้แม่ของเขาทราบเรื่องแล้ว คงไม่ปล่อยทานตะวันไว้แน่

             ทานตะวันไปเตมีย์ยูตามเส้นทางปกติเช่นเคย แต่ความปกตินั้นทานตะวันกลับรู้สึกแปลกๆ เหมือนเธอสามารถรับรู้ถึงพลังงานบางอย่างได้ อย่างเช่นเสียงแฟลชจากกล้องถ่ายรูป หรือสายตาของผู้คนรอบๆ เหมือนแต่จะจับจ้องมาที่เธอ

             เมื่อทานตะวันมาถึงเตมีย์ยูเธอรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก เธอเดินขึ้นอาคารเรียนตามปกติ เตชินท์ที่แอบดูอยู่ห่างๆ ได้แต่มองทานตะวันจนลับตาด้วยความโล่งใจ คิรินท์ เดินเข้าห้องเรียนเห็นเตชินท์ทำหน้าเครียดอยู่ก็อดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้

         "เป็นอะไร"

         "ไม่มีอะไร...ขอยืมโทรศัพท์หน่อยสิ" เตชินท์บอกกับคิรินท์

         คิรินท์เข้าใจความหมายของเพื่อนเขาดี เพราะเขารู้ดีว่า นายหญิงของเตมีย์กรุ๊ปให้คนคอยดักฟังโทรศัพท์ของเตชินทร์อยู่ตลอดเวลา

         เตชินท์โทรไปหา การ์ดคนเก่าของเขาที่เขาสามารถไว้ใจได้เพื่อให้คุ้มครองทานตะวันอยู่ห่างๆ

         ชายวีย์ และ ณาวา เดินเข้ามาได้ยินการสนทนานี้พอดี ชายวีย์เริ่มสนใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ผิดกับณาวา ที่ลึกๆนั้นเขาแอบเป็นห่วงทานตะวันอยู่ไม่น้อย

         ในช่วงบ่าย คนของเตชินท์รายงานว่า หาทานตะวันไม่พบ เตชินท์ร้อนใจมาก ออกไปตามหาทานตะวันด้วยตัวเอง  ดิษยา ที่ดักรอเตชินท์อยู่รีบหาจังหวะที่เตชินท์อยู่คนเดียว เพื่อที่จะขวางทางเขาไว้

         "ถอยไป ยัยเด็กทุน" เตชินท์บอกพร้อมกับชักสีหน้าอย่างไม่พอใจเป็นอย่างมาก

         "ขอเวลาแป็ปนึงได้มั้ย ไม่นานหรอก ฉันต้องการให้คุณดูอะไรบางอย่าง" ดิษยาบอกด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่อ้อนวอน

         เตชินท์มองหน้าดิษยาอีกครั้ง แววตาของเขาบ่งบอกว่า ถ้าเธอเป็นผู้ชาย เขาคงต่อยเธอคว่ำไปแล้วที่มายืนขวางเขาในเวลานี้

         เตชินท์พยายามข่มอารมณ์ ก่อนจะบอกกับดิษยาอย่างเย็นชาว่า

         "เวลาที่ฉันมี มันเอาไปเทียบกับเวลาที่ไร้ค่าของเธอ ไม่ได้หรอกนะ" เตชินท์พูดจบก็เดินชนดิษยาที่ยืนขวางอยู่ไปเลย เธอถึงกับเซเพราะแรงกระแทก

         "แต่ถ้าคุณไม่ดู คุณอาจจะเสียใจไปตลอดก็ได้ เพราะความจริงแล้ว ทานตะวันแค่ต้องการหลอกใช้คุณเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ชิดคุณณาวาเท่านั้น"

         ดิษยา ตัดสินใจตะโกนบอกไล่หลังอีกฝ่าย สิ่งที่เธอพูดเหมือนมีอะไรมาหยุดและขวางที่ใจของเขาทำให้เขาไม่สามารถเดินต่อไปได้  เตชินท์เดินกลับมาที่ดิษยาอีกครั้ง ดิษยาเผลอยิ้มออกมาอย่างดีใจ

         "ถ้าสิ่งที่เธอกำลังจะบอก มันเป็นเรื่องที่ไร้สาระ เธอได้ออกจากเตมีย์ยูอย่างไร้เหตุผลแน่"

         ดิษยาเปิดคลิปวีดีโอในมือถือให้เตชินท์ดู เป็นตอนที่ทานตะวันกำลังคุยกับณาวาบนดาดฟ้า ภาพจากมุมกล้องไกลๆ ทำให้ภาพที่เตชินท์เห็น คือภาพที่ทั้งคู่คุยกันอย่างสนิทสนมและดูใกล้ชิดกันมาก ยิ่งตอนที่ณาวาใช้มือจิ้มไปที่ลักยิ้มของทานตะวัน เตชินท์เริ่มรู้สึกได้ว่าเขาไม่สามารถทนดูต่อไปได้ เขาให้แรงทั้งหมดที่มีเขวี้ยงโทรศัพท์เครื่องนั้นทิ้งจนแตกกระจาย ดิษยามองเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างตกใจ

         "ขอบใจนะ ยัยเด็กทุน แล้วฉันจะซื้อเครื่องใหม่ให้" เตชินท์กัดฟันบอกอย่างเย็นชาก่อนจะเดินจากไป โดยไมสนใจกลับมามองที่ดิษยาอีกเลย



***   ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------   ***


             เตชินท์รู้สึกได้ว่าสมองเขาตอนนี้มันว่างเปล่า ทั้งๆที่เวลานี้เขาต้องใช้ความคิดมากมาย แต่เขากับคิดอะไรไม่ออกเลย เหมือนสมองของเขาไม่สั่งการ แต่ใจของเขากำลังออกคำสั่งให้เขาไปในที่แห่งหนึ่ง ไปในที่ที่เขาเชื่อว่าจะได้เจอคนที่เขากำลังเป็นห่วงมากที่สุด

             บนดาดฟ้าของอาคารเรียน ทานตะวันนั่งดูนิตยาสารไฮโซฉบับหนึ่ง ที่เธอยืมมาจากเพื่อนในห้อง โดยปกติแล้วเธอไม่เคยคิดสนใจเรื่องราวในแวดวงนี้เลย  แต่ที่ทำให้เธอยืมมันมา เพราะในหนังสือเล่มนี้ ลงภาพและข่าวของณาวากับแพรธารา เป็นภาพข่าวซุบซิบที่ทั้งคู่ ไปดินเนอร์แสนหวานด้วยกัน

         "ไม่ยุติธรรมเลย" ทานตะวันบ่นขึ้นเหมือนเห็นความเหมาะสมของทั้งคู่ที่ทะลุหนังสือ ออกมา

         "ทำไม ฉันดูดีกว่าในหนังสือใช่มั้ย" ณาวาพูดขึ้น เขาแอบเดินมาเงียบๆจากด้านหลัง

         "มันแน่นอนอยู่แล้ว" ทานตะวัน ยิ้มบอกตามตรง

         ณาวา ไม่คิดว่าเธอจะกล้าชมเขาตรงๆ ก็เผลอยิ้มออกมาแก้เขิน ก่อนจะนั่งลงข้างๆเธอ

         "จะอ่านหน่อยมั้ยค่ะ" ทานตะวันส่งหนังสือให้ ณาวาส่ายหัวทันที

         "ไม่ดีกว่า"

         "ทำไมค่ะกลัวอ่านแล้วโมโห ที่เขาเขียนเรื่องเกินจริงหรอคะ"

         "ไม่หรอก ในเมื่อสิ่งที่เขาลง มันเป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว" ณาวาบอกตามตรง

        ทานตะวันถึงแม้ทำใจมานานแล้วก็ถึงกับจุกที่ได้ยินคำนี้ออกมาจากปากของเขาเอง

         "นั่นสิคะ" ทานตะวันตอบแบบยิ้มๆ แต่น้ำเสียงเธอแผ่วเบามาก ณาวาเหมือนจะเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่าย เขามองหน้าเธอก่อนจะพูดอย่างจริงจัง

           "ช่วงนี้จะไปไหน ก็ระวังตัวด้วย ไม่ว่าจะเป็นที่เตมีย์ยูก็ไว้ใจไม่ได้ จำไว้นะ" ณาวาบอก ทานตะวันวันเอียงคองงไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการสื่อถึงอะไร

         ณาวายิ้มที่มุมปากไม่ได้พูดอะไรต่อแต่แววตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความห่วงใย เขาได้แต่ตบบ่าของเธอเบาๆแล้วลุกขึ้นเดินจากเธอไป เขาเองไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเดินมาที่นี่ ความเป็นห่วงหรือความสงสาร ซึ่งตัวเขาเองนั้นก็เริ่มที่จะไม่แน่ใจแล้วเช่นกัน...

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่