มหกรรมตามหาพ่อ หลายสิบปีที่พลัดพราก บทจะเจอก็เจอง่ายๆ แบบเนี๊ยะ? พ่อรึคนเก็บค่าขยะหว่า?

** ขอแท็ก 3 ห้องเพราะ
1.ยังรู้สึกตัวเองเป็นวัยรุ่น
2.แม่เราเป็นซิงเกิ้ลมัม
3.ถ้ามันจะมีซัมติง เราสามารถซวยได้เพราะสำเนาบัตรประชาชนเราแผ่นนั้น เขาปริ้นให้กันง่ายๆ แบบนั้นเลยเหรอว้า? ชะนีอึ้ง!

คุณมีพ่อมั้ย? ถ้าสมมุติคุณกับพ่อแยกจากกันไปตั้งแต่คุณยังเล็กๆ แล้วจู่ๆ วันหนึ่งคุณได้พบกับพ่อของคุณ คุณจะรู้สึกเช่นไร? คุณจะพูดอะไรกับท่านเป็นคำแรก? และถ้า... เรื่องราวในอดีตที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่ของคุณแยกทางกันมันโหดร้าย แถมเรื่องราวต่อมาพ่อคุณคือผู้ชายที่มีเมียเป็นสิบ คุณจะทำเช่นไร?

แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าอยู่ๆ ผู้ชายวัยใกล้ชราท่าทางไม่น่าไว้วางใจที่มาปรากฏตัวหน้าบ้านคุณคนนั้นคือพ่อที่ไม่ได้พบกันมาหลายสิบปีล่ะ!

เฮ้ย นี่มันไม่ใช่การ์ตูนนะ!
เพี้ยนทุบคอม



มาถึงตอนนี้ก็ยังงงๆ อยู่ งงๆ เหมือนทำตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไง ก็เลยตัดสินใจมาแบ่งปัน อยากเล่าเรื่องทั้งหมดให้คนอื่นฟัง
ซึ่งคนอื่นที่ว่านี้ เราอยากให้เป็นคนที่ไม่รู้จักกันได้ก็ดี จะได้ไม่ต้องคิดมาก ถือซะว่าผ่านมาอ่านเรื่องของชาวบ้านเล่น เพราะเรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้ขี้เกียจไปเล่าให้คนใกล้ชิดฟัง มากคนมากความ ถามเยอะ รำคาญ! (มันละเอียดอ่อนจนวางตัวลำบากท่ามกลางหมู่ญาติอ๊ะ)

นับตั้งแต่จำความได้ เราไม่มีพ่อค่ะ เขาหย่ากันไปนานมากๆๆๆๆ แล้ว แอบดู พ.ศ.ในใบหย่า แหม้! ... เลิกกันตั้งแต่เรายังไม่ทัน 2 ขวบ
ความทรงจำที่เราจำได้เกี่ยวกับพ่อ อืม... พ่อเมา อาละวาด วิ่งเอามีดไล่ฟันแม่ จะเอาเงินไปกินเหล้า ดีที่วินมอเตอร์ไซต์แถวนั้นเข้ามาห้ามไว้ได้
สิ่งที่แม่เล่า พ่อขี้เมา ชอบเมาแล้วอาละวาด เคยจับแม่เอาหัวโขกบันไดทั้งๆ ที่ท้อง พ่อเมาแล้วเตะต่อยแม่
สิ่งที่ญาติๆ เล่า คล้ายๆ กันกับแม่เล่า พ่อขี้เมา ชอบอาละวาด แต่ทำอาหารเก่ง
สิ่งที่ชาวบ้านแถวบ้านยายที่ต่างจังหวัดเล่า (อนึ่ง ชาวบ้านที่ว่าคือคนที่เคยตั้งวงกินเหล้ากับพ่อเรา และส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย) พ่อนิสัยดี รักเพื่อน คุยสนุก ทำอาหารเก่ง ชอบทำเมนูแปลกๆ เมาแล้วเอาเรื่อง
คือทั้งชีวิตก็โตมากับข้อมูลแค่นั้นอ่ะ....


จนมาถึงยุคที่มีอินเตอร์เน็ทใหม่ๆ ตอนนั้นมือถือยังไม่ฮิตนะ ยังเป็นเพจเจอร์อยู่เลย แล้วก็มาเป็น PCT สมัยนั้นใครทัน E-go เน็ทบ้าง ซื้อเน็ทใช้เป็นรายชั่วโมง ต่อหมุนต่อโมเด็ม มีเว็บ Thaimail.com ด้วยแหละ ยังเป็นเพิร์ชอยู่ ก่อน ICQ จะบูมอีก ตอนนั้นกำลังวัยรุ่นเลย เด็กมัธยมวัยติ่งเชียวล่ะ
ก็อุตส่าค้นหาชื่อ-นามสกุลพ่อ ก็ไม่เจอ ไปค้นหาเบอร์โทรศัพท์บ้าน แต่ก็ไม่เจออีกแล้ว... ที่ชื่อแม่เรายังเจอเลย! นึกขึ้นได้ คนที่จะเจอชื่อแบบนี้ได้คือคนที่ต้องมีบ้าน มีการขอเปิดหมายเลขโทรศัพท์ และนึกขึ้นได้อีกเรื่องคือ “พ่อตรูตายยังวะ?” คือมันไม่มีข้อมูลอ่ะ หาไม่เจอ
คืออยู่กับคำถามแบบนี้มาทั้งชีวิตอ่ะ ไม่รู้จะไปถามใครเพราะไม่รู้จักญาติพี่น้องพ่อเลยซักคน แม่ก็บอกพ่อมีพี่ชาย หลังหย่ากันเขามาหาพ่อ พอแม่บอกว่าหย่าแล้วเขาก็ไป ไม่ได้ติดต่อกันอีก แม่เราย้ายบ้านพอดีอีก เลยขาดช่องทางกันไปเลย

ก็เสริชชื่อนามสกุลพ่อตลอดนะ แต่ไม่เจอข้อมูลเลย จนกระทั่งเริ่มเล่นเฟซบุ๊คเมื่อสามปีก่อน คือ... พึ่งเล่นอ่ะ อย่าว่าเขาเชยนะ โพสแรกช่วงปลายๆ ปี 2010 ได้ เพราะเพื่อนที่อยู่สิงค์โปรโทรมาตื้อให้สมัคร เอาไว้ส่งข้อความคุยกัน ไว้อัพเดทข่าวสาร ก็เลยสมัคร

แต่ประเด็นคือเราเป็นคนยุคเก่าที่เล่นแต่เว็บบอร์ดมาก่อน ไม่นิยมการใส่ชื่อจริงนามสกุลจริงในการสมัครเฟซไง เลยลืมนึกถึงเรื่องนั้นไป
แบบว่าโดยส่วนตัวเป็นคนที่เปิดเผยและจริงใจ แต่ชอบปกปิดข้อมูล นิยมความเป็นส่วนตัวอย่างรุนแรง ไม่อยากเป็นคนที่คนอื่นรู้จัก แต่อยากเป็นแค่คนธรรมดาๆ ที่ไม่ต้องมีใครมาสนใจ

ซึ่งมันก็จริงนะ ยุคนี้เดินอยู่ดีๆ ไม่เคารพธงชาติเพราะปวดห้องน้ำยังโดนชะนีถ่ายคลิปเพื่อความบันเทิงเลย https://www.facebook.com/Toodsdiary/posts/828604950487352?stream_ref=10 คือไม่อยากเป็นคนที่อยู่ๆ คนอื่นก็พูดถึงแบบนั้น ชะนีสองคนนั้นก็คงไม่รู้ว่าแฟนๆ ในเพจเขาสรรเสริญพวกนางกันอยู่

เกิดอยู่ๆ เกิดอะไรขึ้นมา โดนลากไส้กันมันเลยค่ะ โดยเฉพาะประเด็นเปราะบางบางอย่างอย่างเช่นการจับฉลากเลือกฝ่ายกีฬาสีแห่งชาติเป็นต้น เผลอๆ จะมีคนช่วยแคปช่วยแชร์ตามสอดส่องชีวิตประจำวันเราซะงั้น นิสัยคนบางคนในสังคมนี้ยิ่งเป็นพวก “ด่าไว้ก่อน ไม่รอหลักฐาน” อีกต่างหาก เหมือนอย่างกรณีวงดนตรีลับลวงพรางนั่นไง ถ้าตี๋จะไม่ใช้ไอดีตัวเองออกตัวเป็นร้านรับพรีออเดอร์คนก็ตามยาก ถ้าคุณน้องไกด์จะไม่อัพสเตตัสขนาดนั้นคนก็คงไม่รู้
เป็นไงล่ะ อัพ&แชร์เยอะๆ สนุกกันมั้ย?

คนที่ทันยุค “เด็กสาวถูกชายหนุ่มที่รู้จักกันในโปรแกรมเพิร์ชล่อลวงออกจากบ้าน” แบบเราเลยรู้สึกไม่มั่นใจอ่ะ 10 ปีผ่านไปรูปแบบกระแสสังคมและพิษภัยทางอินเตอร์เน็ทมันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเล้ย...
พูดได้เลยว่า เราไม่โชว์หนังหน้าตัวเองลงในเฟซสักรูป ชื่อนามสกุลก็ไม่บอก หลายๆ คนอาจจะบอกว่าเราระแวงเกินไป วิตกจริตเกินไป ก็เรื่องของคุณ คือถ้ามันจะมีมิตรสหายที่เข้ามาคุยกับเราผ่านอินเตอร์เน็ทละก็ขอให้เข้ามาเพราะเห็นตัวตนของเราผ่านทางตัวหนังสือเถอะ อย่างน้อยๆ เวลาเป็นอริกันขึ้นมาเค้าจะได้ไม่เอารูปเราไปชี้ชวนให้ชาวบ้านดูแล้วด่าประเภท “หน้าตาอุบาทว์สันดานยังแย่”  ที่เราคิดแบบนี้ก็อาจจะเพราะเราเบื่อที่ยุคนึงแอด msn คุยกับใครทีไร "เทอๆ มีรุปป่ะ" มั้ง รำค๊าญ รำคาญ หลายสิบปีผ่านไป ค่านิยม "รูปโปรไฟล์ลวงโลก" มันก็ไม่เห็นจะเปลี่ยน

ไม่รู้อ่านมาถึงตรงนี้จะมีคนแอบคิดว่าเจ้าของกระทู้ต้องหน้าตาไม่ได้เรื่องมากแน่ๆ ถึงได้ไม่กล้าโชว์รูปตัวเอง บางคนอาจจะถึงขั้นคิดว่า “ฉันเปิดเผยกว่าเธอตั้งเยอะ เพราะฉันโชว์รูปโปรไฟล์”
คือเราก็ไม่เข้าใจอ่านะ เวลาอ่านดราม่าอะไรซักอย่าง แล้วมันเกี่ยวข้องกับเฟซหรืออะไรก็ตาม ถ้าฝ่ายเกรียนไม่ยอมโชว์หนังหน้าตัวเอง มันจะต้องมีอิคนจำพวกนี้อ่ะเข้ามาเม้น ประเภทด่าว่าคนอื่นหลบๆ ซ่อนๆ ชอบทำผิดเป็นนิสัยถึงได้ไม่กล้าโชว์หนังหน้าตัวเอง ฉันสิชัดเจน โชว์ทุกอย่าง ชื่อนามสกุล ที่อยู่ คบอยู่กับ เรียน/ทำงาน รูป
เอ่อ... ผ่านการโบกรองพื้นมากี่ชั้นจ้ะ? ใช้แอพไปกี่แอพ ตอนถ่ายนี่รัวไปกี่ร้อยรูป? เฮ้อ... เพลีย แต่ก็เข้าใจนะ บางที่เขาใช้เฟซบุ๊คในการสอดส่องทัศนคติในการทำงานด้วยก็มี แล้วก็นะ พ่อ-แม่บางคนที่ชอบเอารูปลูกเล็กๆ เป็นโปรไฟล์ แต่เวลาโพสในเน็ทชอบทำตัวระรานคนอื่นเนี่ย... เรายังคิดอยู่เสมอเลย เขาไม่สงสารลูกตัวเองเหรอวะ? เราคิดแบบนี้แหละ

นึกถึงสเตตัสไอดอลขึ้นมาอีกแล้ว เขาเคยอัพเล่นๆ ว่าบางทีมีผู้ทักมารูปในโปรไฟล์ก็ดูดีแต่พออ่านชื่อ “เจ้าชายเลือดผสม...” เขาถึงกับรับไม่ได้
พวกบ้าการ์ตูนก็ส่วนนึง ชอบอัพรูปโปรไฟล์เป็นรูปการ์ตูน พวกคลั่งดาราก็ส่วนนึง ใช้รูปดารา ส่วนเราก็บ้าการ์ตูน ไม่ถึงขั้นโอตาคุนะ แค่ชื่นชอบการ์ตูนมากๆ เข้าสังคมได้ห่วยหน่อยๆ เพราะปากแบบนี้แหละ แต่ยังกล้าเดินออกไปช็อปปิ้งนะ ไม่ได้เก็บตัว


ถ้าวันนึงมีคนแปลกๆ ชื่อ “ควายน้อยตัวที่X” ทักข้อความไปหาคุณว่า “สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อ ................ ไม่ทราบว่าคุณรู้จัก นาย ........... ไหมคะ เป็นผู้ชาย น่าจะอายุราวๆ 40-50 ค่ะ ฯลฯ” คุณจะทำเช่นไร?
อืม เราทำแบบนั้นแหละ หลังจากนึกครึ้มเอานามสกุลตัวเองไปเสริชเล่นๆ ในเฟซ แล้วเจอคนนามสกุลเดียวกัน เราก็ส่งข้อความแบบนั้นไปหาคนพวกนั้น แต่... ไม่มีใครตอบกลับมาซักคน เวลาผ่านไปเป็นปีๆ จนเราคิดว่าชาตินี้คงไม่มีหวังจะได้เจอพ่ออีกแล้ว


จนวันนึงเราไปค้นหาสำเนาทะเบียนบ้านอะไรพวกนั้นแล้วเจอใบหย่าของแม่ เจอใบแจ้งเกิดของตัวเองที่เปื่อยยุ่ยจนกลายเป็นกระดาษเน่าๆ เวร! ใบแจ้งเกิดตัวเองไม่มีเลขที่บัตรประชาชนพ่อ!
ลังเลสองจิตสองใจอยู่นานเป็นปี จนในที่สุดก็เอาไปถามที่สำนักงานเขต ฝ่ายทะเบียนราษฏ ค้นหา นายxxxxxx xxxxxx ปรากฏว่า อ้าว! ชื่อซ้ำเว้ย! แถมเพียบ
นี่ยังดีนะ บีบน้ำตาอ้อนวอนพนักงานเขตว่าตามหาพ่อ อยากรู้ว่าเขายังอยู่รึเปล่า น่าจะอายุเท่านั้นเท่านี้ ภูมิลำเนาในใบเกิดเขียนไว้แบบนี้ บลาๆ เจือกได้ออกมาซ้ำ 2 ชื่อ!
แต่ประเด็นคือ 2 ชื่อนี้ เกิด 5 กับ 25 มกราคม ชื่อบิดา-มารดา ต่างกันที่ “ไม้เอก” และ “ด.เด็ก” กับ ค.ควาย” !!!!!!!!!!!
เอิ่ม.... อิฝ่ายทะเบียนเอ็งทำงานกันยังง๊ายยยย! สมัยก่อนคนคีย์ข้อมูลเข้าฐานตาถั่วกันใช่ม๊ายยยย เป็นอุปสรรคในการตามหาพ่อฉันซะจริง!
อาเจ้พนักงานพิมพ์มาให้ 2 ชื่อ แต่ ต่างจังหวัดทั้งคู่ ใครจะไปตามฟร่ะ ขี้เกียจอ่ะ ไม่ไป!

คือ... อารมณ์มันแบบว่า “ก็รู้แล้วนี่” เขา(คงน่าจะ)ยังอยู่ ยังไม่ตาย” เท่านั้นก็ดีแล้ว เราไม่ได้จะอะไรยังไงกับพ่อเราอ่ะ
คือแบบ... ก็คนรันก็อยู่มาได้ทั้งชีวิตโดยไม่มีเขา ไม่ได้ขาดความอบอุ่น ไม่ได้โหยหา ไม่ได้มีปมอะไร ไม่สิ... เรียกว่าไม่มีแม้กระทั่งความทรงจำเลยมากกว่า มีแค่คำถามคาใจ “เออหนอ พ่อเราตายแล้วรึยัง?” ถ้าตายจะเวลาทำบุญจะได้กรวดน้ำไปให้ ถ้ายังก็ดีแล้ว ก็ต่างคนต่างใช้ชีวิตต่างมีสุขมีทุกข์กันไป เราคิดแบบนี้จริงๆ

พวกที่ยึดขนบธรรมเนียมไทยแต่โบราณอาจจะด่าเราไฟแล่บก็ได้ คือทำไมเป็นลูก พูด + คิด ถึงพ่อในแง่นั้น ก็เอ๊า! แล้วจะให้คิดแง่ไหนว้า? ก็โตมาแบบนี้ ที่ทุกวันนี้ไม่ได้ฟูมฟายทำตัวขาดความอบอุ่นเกลียดผู้ชายรับไม่ได้ประหนึ่งลินีในก๊วนคานทองก็บุญแล้วน้า จะต้องมาอารมณ์ฝังลึกอะไรแบบนั้นเหรอ ถ้าไม่ได้เกลียดไม่ได้แค้นก็ต้องโหยหาอยากพบอยากเจอทำทุกวิถีทางอย่างกับละครตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงแบบนั้นเหรอ? บ้า!
เราโตมาด้วยข้อเท็จจริงที่แม่พูดว่า ถ้าพ่อยังอยู่เราจะไม่ได้มีชีวิตที่สุขสบายแฮปปี้ขนาดนั้น ซึ่งเราก็เห็นด้วยนะ เด็กที่โตมาเห็นพ่อแม่ทะเลาะตบตี มีพ่อชี้เมา มีแม่ทำงานหาเงินเข้าบ้านคนเดียว แม่เหนื่อยงานนอกบ้านกลับบ้านมาก็ต้องเหนื่อยกับเรื่องในบ้าน เอิ่ม... พอคิดดูดีๆ แล้ว ยกมือเห็นด้วยกับแม่ค่ะ ถ้าเป็นหนู หนูก็ไม่เอาผู้ชายแบบนั้นอ่ะ
เราเองในฐานะลูกผู้หญิงก็คิดนะ ถ้าผู้ชายหามาแล้วแทนที่มันบวกกันแล้วหาร2 จะได้ผลลัพท์ที่มากขึ้นดันเจ๊งกว่าเดิม จะเอามาทำไมฟร่ะ! แต่ช้าก่อน... ความคิดแบบนี้ เสี่ยงต่อการขึ้นคานใช่มั้ยคะ? ชะนีเศร้าแปป!
นานาเสียใจ

**ขอพักแปป มีต่อที่ความเห็นด้านล่าง

(อิฉันก็อินละครซะจริง โหนคานแน่ๆ ตรู!)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่