คุณจรัญ ภักดีธนากุล ครับ
ก่อนอื่น ผมอยากบอกว่า ความเป็นคนของบุคคลนั้น อยากให้คุณคิดถึงคำพูดที่ว่า
"รับไปก่อน แก้ทีหลัง แก้ไม่ยาก..." นะครับ
คนที่พูดแบบนี้ไว้เมื่อเจ็ดปีก่อน กับหลังจากที่พูดแล้ว มีพฤติกรรมอย่างไร
นั่นแหละครับ คือคำตอบว่า
เป็นคนหรือไม่ ?
ทีนี้ เข้าเรื่อง
จากมติชนออนไลน์ 11 เมษายน 2557
เรื่องอ่านกฎหมายไม่เป็นนี่ ผมว่ามันมีจริงครับ
มีกลุ่มบุคคลพวกหนึ่งแปดเก้าคน ที่อ่านรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ไม่เป็น
ทั้งที่รัฐธรรมนูญบอกชัดเจนว่าต้องยื่นเรื่องผ่านอัยการสูงสุด แต่พวกบัดซบนั้น อ่านไม่เป็น
อ่านแล้วไปตีความแบบบิดเบือนว่า ยื่นต่อศาลโดยตรงก็ได้ ยื่นผ่านอัยการสูงสุดก็ได้
จริงไหมครับ ?
คำว่า
"และ" ในมาตรา 68 พวกบัดซบก็ตะแบงตีความว่ามีความหมายเหมือนกับคำว่า
"หรือ"
ทั้งที่หากจะตีความตามภาษาคน คำว่า
"และ" ต้องหมายถึงทำทั้งสองทาง
คือต้องยื่นเรื่องต่อศาลและต่ออัยการสูงสุด
แต่พวกบัดซบ มันก็บิดเบือนว่า ยื่นต่อศาลได้โดยตรงทางเดียวเอาดื้อ ๆ แบบหน้าด้าน ๆ
พวกบัดซบนี่ ไม่เคยเลยนะครับ ไม่เคยเลยที่จะอธิบาย ชี้แจง แย้งในเนื้อหา
จนมุม แย้งไม่ได้ อธิบายไม่เป็น ก็หน้ามึนบอกง่าย ๆ ว่า ไม่ต้องชี้แจง ไม่มีหน้าที่ต้องชี้แจง
แล้วก็เฉไฉไพล่ไปพูดนอกเรื่องเบี่ยงประเด็นไปทุกที
ประเด็นที่บอกว่า คนอ่านกฎหมายไม่เป็นแล้วไม่เข้าใจในกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจวินิจฉัยเรื่องย้ายนายถวิลหรือไม่
ผมว่า ถ้าไม่มีใครหน้าด้านไร้ยางอายพยายามบิดเบือนกฎหมายและรัฐธรรมนูญล่ะก็
ไม่มีใครหรอกครับที่อ่านไม่เป็น ไม่มีใครหรอกครับที่ไม่เข้าใจ
แต่เพราะมันมีคนหน้าด้านบางพวก ที่ไม่อธิบาย แย้งในเนื้อหา มีแต่พล่ามนอกเรื่องแถข้าง ๆ คู ๆ ไปตลอด
มันจึงเกิดความไม่เข้าใจ เกิดความขัดแย้ง
แถมคนเขาด่าทั้งบ้านทั้งเมืองมาหลายปีแล้ว ยังไม่รู้สึกรู้สา ไม่สำนึก
เหมือนไม่ใช่คน
กรณีรัฐบาลสั่งย้ายนายถวิล แล้วศาลปกครองสั่งให้คืนตำแหน่งให้นายถวิลนี่
มาดูกันครับ ว่าศาลรัฐธรรมนูญควรวินิจฉัยออกมาอย่างไร
ก่อนอื่น อยากบอกว่า แค่ขั้นตอนการรับเรื่องก็ฉ้อฉลแล้วครับ
ศาล รธน. อ้างว่ามีอำนาจรับตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 ประกอบมาตรา 182 วรรคสาม
ที่ระบุชัดเจนว่า ส.ว.จำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่ของแต่ละสภา
สามารถเสนอคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีว่าสิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่
มันฉ้อฉลก็ตรงที่ว่า
1. ความเป็นรัฐมนตรีของนายกฯ สิ้นสุดไปแล้วตั้งแต่ยุบสภาฯ 9 ธ.ค. 2556
ที่อยู่ทุกวันนี้ แค่ "ต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่" ่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 181 เท่านั้น
2. เรื่องนี้ อ้างว่า ผู้ร้อง ร้องตามช่องทางตามตัวบทรัฐธรรมนูญ ศาล รธน. จึงมีอำนาจรับเรื่องไว้พิจารณา
แต่แล้วทำไม เรื่องคำร้องที่หลายคนร้องเรื่องม็อบกบฎผิดมาตรา 68 ศาล รธน.จึงไม่รับไว้พิจารณา
ทั้งที่เป็นการร้องตามช่องตามตัวบทรัฐธรรมนูญ(ที่ศาล รธน.ตะแบงไว้)เหมือนกัน
ทำไมศาล รธน. ไม่รับเรื่องไว้ แต่ยกคำร้องไปทุกทีแบบวินิจฉัยเสร็จสรรพไปในตัวว่าม็อบกบฎไม่ผิดมาตรา 68
เรื่องหนึ่ง อ้างถูกช่องทาง รับไว้พิจมาณา
อีกเรื่อง ถูกช่องทาง(ที่ศาล รธน. ตะแบงไว้เอง)เหมือนกัน แต่กลับไม่รับเรื่อง
โกงตั้งแต่ขั้นรับเรื่อง เรื่องนายถวิลนี่ มันจึงคาดการณ์ไม่ยากครับ ว่าผลคำวินิจฉัยจะออกมาอย่างไร
ผมจึงอยากบอกว่า หากผิดจากนี้ คุณและพวกไม่ใช่คน !!!
ผิดจากไหน ตามมาครับ
นายไพบูลย์ นิติตะวัน และพวก ยื่นคำร้องว่านายกฯยิ่งลักษณ์และ ครม. ทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 268 ตามมาตรา 266
อันทำให้สิ้นสภาพความเป็นรัฐมนตรีตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้
มาดูกันครับ
มาตรา 266 บอกไว้ว่า
ชัดนะครับ รัฐธรรมนูญบอกว่า ห้ามเข้าไป
"ก้าวก่าย แทรกแซง"
คำว่าก้าวก่ายแทรกแซง ก็คือ ไม่มีอำนาจหน้าที่ แต่ใช้ตำแหน่งหน้าที่เข้าไปก้าวก่ายแทรกแซง
ชัดนะ อ่านกฎหมายเป็นนะ
ประเด็นก็คือ นายกฯยิ่งลักษณ์ และ ครม. ก้าวก่ายหรือแทรกแซง การย้ายนายถวิลหรือไม่
อันนี้ดูมาตรา 268 ที่บัญญัติไว้ว่า
ชัดนะ อ่านกฎหมายเป็นนะ รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ชัดเจนว่า
"หรือตามที่กฎหมายบัญญัติ"
แปลว่า หากนายกฯยิ่งลักษณ์และ ครม. สั่งย้ายนายถวิลตามที่กฎหมายบัญญัติ ก็ย่อมไม่เป็นความผิดตามมาตรา 266
เพราะไม่ได้ก้าวก่ายหรือแทรกแซง แต่เป็นการใช้อำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้
กฎหมายอะไรบัญญัติไว้ กฎหมายอะไรให้อำนาจหน้าที่นายกรัฐมนตรี
ก็คือ มาตรา 11 ตาม พรบ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน 2534 ที่ให้อำนาจหน้าที่นายกรัฐมนตรีไว้ ดังนี้
จึงจะเห็นว่า การสั่งย้ายนายถวิล เป็นการสั่งย้ายตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายบัญญัติไว้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 268
จึงไม่มีความผิดฐานก้าวก่ายแทรกแซงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 266
ชัดนะ อ่านกฎหมายเป็นนะ
ฉะนั้น แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะรับเรื่องไว้พิจารณา แต่คำวินิจฉัยไม่มีทางที่จะวินิจฉัยได้เลยว่านายกฯยิ่งลักษณ์และ ครม. ทำผิดมาตรา 266
หากผิดไปจากนี้
ไม่ใช่คน !!!
กรณีนี้ เป็นเรื่องที่นายกฯยิ่งลักษณ์ และ ครม. ใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย
อาจผิดพลาดในเรื่องการใช้ดุลพินิจ (ดุลพินิจว่านายถวิลเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ แต่ย้ายไปเป็นที่ปรึกษา)
ศาลปกครองเห็นว่าเป็นการใช้ดุลพินิจมิชอบ สั่งให้คืนตำแหน่ง
ไม่ใช่การก้าวก่ายแทรกแซง
หากนายถวิลเห็นว่านายกฯยิ่งลักษณ์ และ ครม. ใช้อำนาจอย่างผิดกฎหมาย
ก็เป็นเรื่องเจ้าตัวจะร้องทางอาญาทางแพ่ง หรือร้องไปทาง ป.ป.ช. ตามมาตรา 157 ไป
เรื่องนี้ ศาลรัฐธรรมนูญมะเก่ว อย่าสะเออะ
เพราะมันชัดว่า กฎหมายให้อำนาจไว้ชัดเจน
ก็รู้กันดีครับ ว่าการยื่นคำร้องนี้ของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหาและพวก
เป็นการมุ่งหวังผลทางการเมือง ไม่ใช่เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของบ้านเมืองอะไร
เพราะนอกจากจะยื่นคำร้องว่านายกฯผิดตามมาตรา 266, 268 แล้ว
ในคำร้องยังชงเรื่องร้องไปถึงขั้นให้ศาล รธน. วินิจฉัยสถานภาพของ ครม.ทั้งคณะ ทั้งเรื่องหานายกฯคนกลาง
ไม่อายชาวบ้านสักนิด ด้านได้ด้านดี เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ร่วมกัน
"ชงแล้วตบ"
เอ... หรือเพราะพวกสรรหานี่ มันอ่านกฎหมายไม่เป็น
อย่านะครับ อย่าใช้วิธีเดิม ๆ แบบไม่มีสำนึกรับผิดชอบอะไร
แบบมานั่งอ่านคำวินิจฉัยแล้วลุกสะบัดก้นหนี มีปัญหาขัดแย้งแตกแยกอะไรในบ้านเมืองก็ไม่รับรู้
อย่าทำอีก เพราะตอนนี้ มันเกินขีด มันเป็นฟางเส้นสุดท้ายแล้ว
หรือหากจะใช้ตำแหน่งความเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อ้างรัฐธรรมนูญมาตรา 216
ว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันทุกองค์กร แล้ววินิจฉัยเรื่องนี้ออกมาตามธง
"สมรู้ร่วมคิด"
ก็อย่าอ้างเลย
เพราะที่อ้างนี่ มันเป็นแค่ วรรค 5 ของมาตรา 216 แต่ วรรค 4 ก็บอกไว้ชัดเจนว่า
คำวินิจฉัย ต้องมีข้อเท็จจริง มีข้อกฎหมาย มีบทบัญญัติรัฐธรรมนูญรองรับ
หากไม่มี อาศัยแค่ตำแหน่งความเป็นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยบ้า ๆ บอ ๆ ออกมา คำวินิจฉัยย่อมไม่มีผลบังคับและผูกพัน
เลิกขยายอำนาจเกินกว่าที่บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญให้ไว้
เลิกไร้ความรับผิดชอบด้วยการวินิจฉัยแบบบิดเบือน ฉ้อฉล
เลิกปฏิบัติหน้าที่อย่างไร้สำนึกความเป็นตุลาการ
เลิกปฏิบัติหน้าที่ด้วยเหตุผลทางการเมือง เลิกเลือกข้าง
เลิกเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเลยยิ่งดี แผ่นดินจะได้สูงขึ้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(เด๋วบอก ผอ.รพ.มงกุฏมาจัดการเก็บขยะซะเลยนี่)
เรื่องย้ายนายถวิลนี่
อ่านกฎหมายยังไง ดูรัฐธรรมนูญยังไง ศาลรัฐธรรมนูญก็วินิจฉัยว่านายกฯและ ครม. ผิดไปได้เลย
หากผิดไปจากนี้
คุณจรัญครับ คุณและพวกไม่ใช่คน
แก้ไขข้อความสักนิดครับ
คุณจรัญ ภักดีธนากุล ครับ ผิดไปจากนี้ คุณและพวกไม่ใช่คน
ก่อนอื่น ผมอยากบอกว่า ความเป็นคนของบุคคลนั้น อยากให้คุณคิดถึงคำพูดที่ว่า "รับไปก่อน แก้ทีหลัง แก้ไม่ยาก..." นะครับ
คนที่พูดแบบนี้ไว้เมื่อเจ็ดปีก่อน กับหลังจากที่พูดแล้ว มีพฤติกรรมอย่างไร
นั่นแหละครับ คือคำตอบว่า เป็นคนหรือไม่ ?
ทีนี้ เข้าเรื่อง
จากมติชนออนไลน์ 11 เมษายน 2557
เรื่องอ่านกฎหมายไม่เป็นนี่ ผมว่ามันมีจริงครับ
มีกลุ่มบุคคลพวกหนึ่งแปดเก้าคน ที่อ่านรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ไม่เป็น
ทั้งที่รัฐธรรมนูญบอกชัดเจนว่าต้องยื่นเรื่องผ่านอัยการสูงสุด แต่พวกบัดซบนั้น อ่านไม่เป็น
อ่านแล้วไปตีความแบบบิดเบือนว่า ยื่นต่อศาลโดยตรงก็ได้ ยื่นผ่านอัยการสูงสุดก็ได้
จริงไหมครับ ?
คำว่า "และ" ในมาตรา 68 พวกบัดซบก็ตะแบงตีความว่ามีความหมายเหมือนกับคำว่า "หรือ"
ทั้งที่หากจะตีความตามภาษาคน คำว่า "และ" ต้องหมายถึงทำทั้งสองทาง
คือต้องยื่นเรื่องต่อศาลและต่ออัยการสูงสุด
แต่พวกบัดซบ มันก็บิดเบือนว่า ยื่นต่อศาลได้โดยตรงทางเดียวเอาดื้อ ๆ แบบหน้าด้าน ๆ
พวกบัดซบนี่ ไม่เคยเลยนะครับ ไม่เคยเลยที่จะอธิบาย ชี้แจง แย้งในเนื้อหา
จนมุม แย้งไม่ได้ อธิบายไม่เป็น ก็หน้ามึนบอกง่าย ๆ ว่า ไม่ต้องชี้แจง ไม่มีหน้าที่ต้องชี้แจง
แล้วก็เฉไฉไพล่ไปพูดนอกเรื่องเบี่ยงประเด็นไปทุกที
ประเด็นที่บอกว่า คนอ่านกฎหมายไม่เป็นแล้วไม่เข้าใจในกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจวินิจฉัยเรื่องย้ายนายถวิลหรือไม่
ผมว่า ถ้าไม่มีใครหน้าด้านไร้ยางอายพยายามบิดเบือนกฎหมายและรัฐธรรมนูญล่ะก็
ไม่มีใครหรอกครับที่อ่านไม่เป็น ไม่มีใครหรอกครับที่ไม่เข้าใจ
แต่เพราะมันมีคนหน้าด้านบางพวก ที่ไม่อธิบาย แย้งในเนื้อหา มีแต่พล่ามนอกเรื่องแถข้าง ๆ คู ๆ ไปตลอด
มันจึงเกิดความไม่เข้าใจ เกิดความขัดแย้ง
แถมคนเขาด่าทั้งบ้านทั้งเมืองมาหลายปีแล้ว ยังไม่รู้สึกรู้สา ไม่สำนึก
เหมือนไม่ใช่คน
กรณีรัฐบาลสั่งย้ายนายถวิล แล้วศาลปกครองสั่งให้คืนตำแหน่งให้นายถวิลนี่
มาดูกันครับ ว่าศาลรัฐธรรมนูญควรวินิจฉัยออกมาอย่างไร
ก่อนอื่น อยากบอกว่า แค่ขั้นตอนการรับเรื่องก็ฉ้อฉลแล้วครับ
ศาล รธน. อ้างว่ามีอำนาจรับตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 ประกอบมาตรา 182 วรรคสาม
ที่ระบุชัดเจนว่า ส.ว.จำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่ของแต่ละสภา
สามารถเสนอคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีว่าสิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่
มันฉ้อฉลก็ตรงที่ว่า
1. ความเป็นรัฐมนตรีของนายกฯ สิ้นสุดไปแล้วตั้งแต่ยุบสภาฯ 9 ธ.ค. 2556
ที่อยู่ทุกวันนี้ แค่ "ต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่" ่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 181 เท่านั้น
2. เรื่องนี้ อ้างว่า ผู้ร้อง ร้องตามช่องทางตามตัวบทรัฐธรรมนูญ ศาล รธน. จึงมีอำนาจรับเรื่องไว้พิจารณา
แต่แล้วทำไม เรื่องคำร้องที่หลายคนร้องเรื่องม็อบกบฎผิดมาตรา 68 ศาล รธน.จึงไม่รับไว้พิจารณา
ทั้งที่เป็นการร้องตามช่องตามตัวบทรัฐธรรมนูญ(ที่ศาล รธน.ตะแบงไว้)เหมือนกัน
ทำไมศาล รธน. ไม่รับเรื่องไว้ แต่ยกคำร้องไปทุกทีแบบวินิจฉัยเสร็จสรรพไปในตัวว่าม็อบกบฎไม่ผิดมาตรา 68
เรื่องหนึ่ง อ้างถูกช่องทาง รับไว้พิจมาณา
อีกเรื่อง ถูกช่องทาง(ที่ศาล รธน. ตะแบงไว้เอง)เหมือนกัน แต่กลับไม่รับเรื่อง
โกงตั้งแต่ขั้นรับเรื่อง เรื่องนายถวิลนี่ มันจึงคาดการณ์ไม่ยากครับ ว่าผลคำวินิจฉัยจะออกมาอย่างไร
ผมจึงอยากบอกว่า หากผิดจากนี้ คุณและพวกไม่ใช่คน !!!
ผิดจากไหน ตามมาครับ
นายไพบูลย์ นิติตะวัน และพวก ยื่นคำร้องว่านายกฯยิ่งลักษณ์และ ครม. ทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 268 ตามมาตรา 266
อันทำให้สิ้นสภาพความเป็นรัฐมนตรีตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้
มาดูกันครับ
มาตรา 266 บอกไว้ว่า
ชัดนะครับ รัฐธรรมนูญบอกว่า ห้ามเข้าไป "ก้าวก่าย แทรกแซง"
คำว่าก้าวก่ายแทรกแซง ก็คือ ไม่มีอำนาจหน้าที่ แต่ใช้ตำแหน่งหน้าที่เข้าไปก้าวก่ายแทรกแซง
ชัดนะ อ่านกฎหมายเป็นนะ
ประเด็นก็คือ นายกฯยิ่งลักษณ์ และ ครม. ก้าวก่ายหรือแทรกแซง การย้ายนายถวิลหรือไม่
อันนี้ดูมาตรา 268 ที่บัญญัติไว้ว่า
ชัดนะ อ่านกฎหมายเป็นนะ รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ชัดเจนว่า "หรือตามที่กฎหมายบัญญัติ"
แปลว่า หากนายกฯยิ่งลักษณ์และ ครม. สั่งย้ายนายถวิลตามที่กฎหมายบัญญัติ ก็ย่อมไม่เป็นความผิดตามมาตรา 266
เพราะไม่ได้ก้าวก่ายหรือแทรกแซง แต่เป็นการใช้อำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้
กฎหมายอะไรบัญญัติไว้ กฎหมายอะไรให้อำนาจหน้าที่นายกรัฐมนตรี
ก็คือ มาตรา 11 ตาม พรบ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน 2534 ที่ให้อำนาจหน้าที่นายกรัฐมนตรีไว้ ดังนี้
จึงจะเห็นว่า การสั่งย้ายนายถวิล เป็นการสั่งย้ายตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายบัญญัติไว้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 268
จึงไม่มีความผิดฐานก้าวก่ายแทรกแซงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 266
ชัดนะ อ่านกฎหมายเป็นนะ
ฉะนั้น แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะรับเรื่องไว้พิจารณา แต่คำวินิจฉัยไม่มีทางที่จะวินิจฉัยได้เลยว่านายกฯยิ่งลักษณ์และ ครม. ทำผิดมาตรา 266
หากผิดไปจากนี้
ไม่ใช่คน !!!
กรณีนี้ เป็นเรื่องที่นายกฯยิ่งลักษณ์ และ ครม. ใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย
อาจผิดพลาดในเรื่องการใช้ดุลพินิจ (ดุลพินิจว่านายถวิลเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ แต่ย้ายไปเป็นที่ปรึกษา)
ศาลปกครองเห็นว่าเป็นการใช้ดุลพินิจมิชอบ สั่งให้คืนตำแหน่ง
ไม่ใช่การก้าวก่ายแทรกแซง
หากนายถวิลเห็นว่านายกฯยิ่งลักษณ์ และ ครม. ใช้อำนาจอย่างผิดกฎหมาย
ก็เป็นเรื่องเจ้าตัวจะร้องทางอาญาทางแพ่ง หรือร้องไปทาง ป.ป.ช. ตามมาตรา 157 ไป
เรื่องนี้ ศาลรัฐธรรมนูญมะเก่ว อย่าสะเออะ
เพราะมันชัดว่า กฎหมายให้อำนาจไว้ชัดเจน
ก็รู้กันดีครับ ว่าการยื่นคำร้องนี้ของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหาและพวก
เป็นการมุ่งหวังผลทางการเมือง ไม่ใช่เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของบ้านเมืองอะไร
เพราะนอกจากจะยื่นคำร้องว่านายกฯผิดตามมาตรา 266, 268 แล้ว
ในคำร้องยังชงเรื่องร้องไปถึงขั้นให้ศาล รธน. วินิจฉัยสถานภาพของ ครม.ทั้งคณะ ทั้งเรื่องหานายกฯคนกลาง
ไม่อายชาวบ้านสักนิด ด้านได้ด้านดี เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ร่วมกัน "ชงแล้วตบ"
เอ... หรือเพราะพวกสรรหานี่ มันอ่านกฎหมายไม่เป็น
อย่านะครับ อย่าใช้วิธีเดิม ๆ แบบไม่มีสำนึกรับผิดชอบอะไร
แบบมานั่งอ่านคำวินิจฉัยแล้วลุกสะบัดก้นหนี มีปัญหาขัดแย้งแตกแยกอะไรในบ้านเมืองก็ไม่รับรู้
อย่าทำอีก เพราะตอนนี้ มันเกินขีด มันเป็นฟางเส้นสุดท้ายแล้ว
หรือหากจะใช้ตำแหน่งความเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อ้างรัฐธรรมนูญมาตรา 216
ว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันทุกองค์กร แล้ววินิจฉัยเรื่องนี้ออกมาตามธง "สมรู้ร่วมคิด"
ก็อย่าอ้างเลย
เพราะที่อ้างนี่ มันเป็นแค่ วรรค 5 ของมาตรา 216 แต่ วรรค 4 ก็บอกไว้ชัดเจนว่า
คำวินิจฉัย ต้องมีข้อเท็จจริง มีข้อกฎหมาย มีบทบัญญัติรัฐธรรมนูญรองรับ
หากไม่มี อาศัยแค่ตำแหน่งความเป็นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยบ้า ๆ บอ ๆ ออกมา คำวินิจฉัยย่อมไม่มีผลบังคับและผูกพัน
เลิกขยายอำนาจเกินกว่าที่บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญให้ไว้
เลิกไร้ความรับผิดชอบด้วยการวินิจฉัยแบบบิดเบือน ฉ้อฉล
เลิกปฏิบัติหน้าที่อย่างไร้สำนึกความเป็นตุลาการ
เลิกปฏิบัติหน้าที่ด้วยเหตุผลทางการเมือง เลิกเลือกข้าง
เลิกเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเลยยิ่งดี แผ่นดินจะได้สูงขึ้น [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เรื่องย้ายนายถวิลนี่
อ่านกฎหมายยังไง ดูรัฐธรรมนูญยังไง ศาลรัฐธรรมนูญก็วินิจฉัยว่านายกฯและ ครม. ผิดไปได้เลย
หากผิดไปจากนี้
คุณจรัญครับ คุณและพวกไม่ใช่คน
แก้ไขข้อความสักนิดครับ