เรื่องเต็ม เล่ห์นางฟ้าตอนที่ 1/1



  เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 1
      
       คฤหาสน์หลังนั้น ตั้งตระหง่านอยู่กลางแสงแดดจ้า รอบบริเวณแวดล้อมไปด้วยสนามหญ้า สวนสวยเขียวขจี บรรยากาศร่มรื่น ซึ่งถูกดีไซน์ จัดแต่ง และได้รับดูแลอย่างดี ทรัพย์ศฤงคารทั้งหลายทั้งปวง ล้วนบ่งบอกฐานะอันมั่งคั่งของผู้เป็นเจ้าของได้อย่างดี
      
       ริมสระน้ำตรงมุมด้านข้างของคฤหาสน์ แลเห็นสตรีนางหนึ่งสวมใส่ชุดว่ายน้ำนอนคว่ำหน้าอาบแดดอยู่ เรือนร่างของหล่อนงามงดสมส่วน บนโต๊ะเตี้ยข้างๆ มีเครื่องดื่มสีสวยวางไว้แก้กระหาย ใกล้ๆ กันนั้นเป็นหมวกปีกกว้างวางแหมะอยู่
       เสียงนาฬิกาปลุกดังเตือนมาจากไอโฟนที่วางบนโต๊ะเครื่องดื่ม ทว่าร่างอรชรนั้นยังคงนอนนิ่ง มือใครคนหนึ่งจับโทรศัพท์ขึ้นปิดเสียงปลุก
       เสียงเลขาหุ่นตุ้ยนุ้ย คนที่จับนาฬิกาปลุกนั้น ดังขึ้น “ได้เวลาเติมครีมกันแดดแล้วค่ะ คุณบิวตี้”
       ร่างงามงดที่นอนอาบแดดอยู่ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ช่างหน้าคว้าเสื้อคลุม แล้วคลุมห่มให้ทันที
      
       บิวตี้ ที่เลขาร่างตุ้ยนุ้ยเรียก เธอคือ ลัลน์ลลิต สาวสวยไฮโซ ผู้กำพร้ามารดาตั้งแต่เด็ก และ บวร ผู้เป็นบิดาก็เสียชีวิตไปเมื่อ 5 ปีก่อน หล่อนเป็นทายาทสายตรง เพียงคนเดียวของ บริษัท ธนบวร จำกัด ผู้ผลิตเสื้อผ้าแฟชั่นชั้นนำของเมืองไทย ที่ไปเด่นดังในตลาดนานาชาติ
      
       บิวตี้ ยื่นมือออกไปเหมือนรอ บอกอย่างคล่องปากราวกับท่อง
       “เอส พี เอฟ สามสิบ ยูวีเอ ยูวีบี วิตามินอี ดีแพนธินอล”
       “ได้ค่ะ” เลขาเปิดกระเป๋าเครื่องสำอาง แลเห็นครีมบำรุงและประทินผิววางเรียงอย่างมีระเบียบเต็มพรืด เลือกหยิบออกมาวางตามออเดอร์
       ช่างผมทำความสะอาดมือตัวเองจนหมดจด ก่อนจะลงมือทาหลัง ไหล่ให้บิวตี้ ส่วนช่างหน้าก็เอาแก้วน้ำส้มทรงสวยจ่อปากให้บิวตี้ดูด
       บิวตี้ส่องกระจกแตะครีมกันแดดเติมหน้า “ตกลงธีมของงานคืนนี้ เป็นสีอะไร”
       “ผู้จัดบอกมาว่าเป็นสีสดใส พวกเขียวอ่อน เหลือง ฟ้า ค่ะ” เลขาบอก
       บิวตี้คิดนิดหนึ่งแล้วบอก “เตรียมเดรสสีเข้ม”
       เลขาหุ่นตุ้ยนุ้ยพยายามเตือน ท่าทีเกรงใจ “แต่ธีมเป็นสีสดใสนะคะ”
       “ไม่ชอบ ไม่อยากใส่ กลัวหลุดธีมก็แต่งเองสิ แต่ระวังหน่อยนะ ตัวขนาดนี้อาจโดนกดเงิน นึกว่าเป็นตู้ เอทีเอ็ม”
       ช่างแต่งผม ช่างแต่งหน้า หัวเราะคิกคัก เลขาเม้มปากแน่นฝืนสะกดกลั้นความโกรธ
       ช่างผมทาหลังให้บิวตี้ “คุณบิวตี้นี่ยังดีดี๊นะคะ สวยไปทั้งเนื้อทั้งตัวเลย”
       บิวตี้ยิ้มนิดๆ และลุกขึ้นยืน ขยับหมวกปีกกว้าง ถามขึ้นลอยๆ
       “ลัลน์ลลิต แปลว่า...”
       เลขากะช่างผมประสานเสียงบอก “หญิงงาม ค่ะ”
       บิวตี้ปรายตามองช่างหน้าช่างผมท่าทีหยิ่งๆ “ตามนั้น”
       บิวตี้ใส่หมวกปีกกว้าง ออกเดินไปจะเข้าบ้าน
       จู่ๆ ขี้นกก็ลอยละลิ่วลงมาจากต้นไม้ ตกลงบนหมวกของบิวตี้ดังแหมะ บิวตี้ชะงัก ตาเบิกกว้าง
       เลขา ช่างหน้า และช่างผม ตาเหลือก ตกใจสุดขีด ร้องลั่น
       “ขี้นก”
       สีหน้าบิวตี้ แสดงกิริยาว่าขยะแขยงถึงที่สุด หล่อนร้องกรี๊ดสุดเสียง
       “อ๊ายยย...”    
      
       ห้องโถงอันหรูหรา เกิดเหตุชุลมุนวุ่นวายตามมา ทุกคนถือไม้ไล่นก บางคนถือสวิง บางคนเอาไม้เคาะต้นไม้ เอาไม้ตีตามพุ่มไม้
       บอดี้การ์ดถูกเกณฑ์มาปฏิบัติภารกิจไล่นก “ชิ้วๆ..ไป ไปให้หมด”
       พรแม่บ้านบ่นบ้าด่านกด้วยความโมโห “ไอ้นกบ้าเอ๊ย..จะอึที่ไหนก็ไม่อึ....ไปปล่อยลงบนหัวคุณบิวตี้ได้ยังไง วอนตายจริงๆ เลย”
       คนสวนหน้าตาเศร้าโศก “ไอ้พร...แกว่าคุณบิวตี้จะไล่ข้าออกมั้ยวะ”
       สาวใช้คนหนึ่งไม่อยากเชื่อ “จะถึงขนาดนั้นเลยเหรอลุง กะอีแค่โดนนกขี้ใส่หัว ลุงเกี่ยวอะไรด้วย”
       “ทำไมจะไม่เกี่ยว ก็คุณบิวตี้เธอสั่งมาตลอดว่า ให้คอยไล่นก อย่าปล่อยให้มีนกในบ้านเธอโดยเด็ดขาด”
       “ประสาทรึเปล่าเนี่ย ใคนจะไปห้ามนกได้ มันมีปีกบินไปบินมานะ ไม่ได้ใช้ขาเดินอย่างเราๆ” สาวใช้ อีกคนฮึดฮัด
       พรบอกเอาบุญ “เด็กมันไม่รู้อะไร ก็คุณบิวตี้นะ เธอเกลียดจกมาก เพราะมันเคยเข้าไปขวางในใบพัด ทำให้เครื่องบินส่วนตัวของคุณพ่อเธอตกน่ะสิ”
       สาวใช้ทุกคนอึ้ง ทำหน้าสยอง คนสวนคอตก รู้ชะตากรรมตัวเอง
      
       บิวตี้ก้าวออกมาจากห้องน้ำในห้องนอนหรูหรา หัวยังเปียกน้ำ
       “จ่ายเงินเดือนสามเดือนสุดท้าย แล้วไล่คนสวนออกเดี๋ยวนี้!”
       ป้าจัน หัวหน้าแม่บ้าน หน้าเสีย เผลอแสดงความตกใจ “ให้ออกเลยหรือคะ”
       “เรื่องนี้มันสำคัญสำหรับชีวิตฉัน เขาไม่มีสิทธิ์ทำพลาดหรือถ้าป้าเห็นว่าไม่ควรให้ออก จะไปพร้อมกับเขาก็ได้นะ”
       ป้าจันหน้าเสีย แต่ไม่โต้เถียงอะไร ได้แต่ถอนใจ
       บิวตี้ไม่สนใจ แล้วเดินไปที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เสียงเคาะประตูเบาๆ เลขาเปิดเข้ามา
      
       “บอดี้การ์ดรายงานมาว่านักข่าวรอถ่ายรูปสัมภาษณ์อยู่หน้างานประมาณ 20 คน แล้วก็มีปาปาราซซี่ซุ่มอยู่แถวที่จอดรถ อีกกลุ่มนึงค่ะ”
       บิวตี้พยักหน้ารับรู้ “อย่าลืมเอาสเปย์ฆ่าเชื้อฉีดใส่ไมโครโฟนทุกคนก่อนสัมภาษณ์ด้วย เข้าใจมั้ย”
       เลขาสาวกลืนน้ำลายเอื้อก “ได้ค่ะ”
       บิวตี้ลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไปอีกครั้ง เลขากับป้าจันมองหน้ากัน กลืนน้ำลายลงคอ
      
       ห้องนอนชายโสด ตกแต่งเรียบแต่เก๋ อยู่ในบ้านอีกหลังที่แยกออกมาจากบ้านพ่อแม่ แต่อยู่ในอาณาบริเวณเดียวกัน
       ภาวินีและธนา สองสามีภรรยาฐานะดี แต่งชุดเตรียมออกไปงาน ยืนเคาะประตูอยู่หน้าห้องนี้
       ภาวินีร้องเรียก “ธี...ธี...แต่งตัวเสร็จรึยังลูก”
       ข้างในห้องยังเงียบ ธนาช่วยเคาะ
       “ธี...มัวแต่ทำงานจะลืมอีกแล้วสิลูก...ธีภพ”
       ประตูห้องถูกเปิดออกโดยธีภพ ชายหนุ่มรูปงามเจ้าของห้อง ที่ก้าวออกมาในชุดสบายๆ อยู่บ้าน เขาถามพ่อ แม่ ท่าทีขรึมๆ
       “มีอะไรกันเหรอครับ คุณพ่อคุณแม่”
       ธนาและภาวินีถอนใจพร้อมกันอย่างอ่อนใจ
       “ก็งานแฟชั่นเย็นนี้ไง ที่ธีรับปากจะไปกับพ่อแม่น่ะ” ภาวินีบอก
       ธีภพทำหน้าเซ็ง “ไม่เอาดีกว่าครับ งานยังเคลียร์ไม่เสร็จ แล้วผมก็ขี้เกียจไปดูยายบิวตี้ไร้สาระนั้นด้วย”
       “พ่อบอกแล้วไง ว่าอย่าพูดถึงน้องแบบนี้อีก...ยังไงเค้าก็เป็นหุ้นส่วนของเรานะ” ผู้เป็นพ่อว่า
       ธีภพแย้ง “หุ้นส่วนที่ไม่เคยทำอะไรเลย นอกจากทำตัวเป็นสาวสังคมออกงานโน้น เดินแฟชั่นงานนี้ แล้วก็เป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์น่ะเหรอครับ”
       ธนาดุ “ธีภพ”
       ธีภพถอนใจทำท่าจะกลับเข้าห้อง ภาวินีดึงแขนรั้งไว้
       “เดี๋ยวสิลูก แต่งานนี้หนูอรเขาก็เดินด้วยนะลูก เดินแฟชั่นงานแรกเลยนะ ไม่ไปให้กำลังใจเค้าหน่อยเหรอ”
       ธีภพอ่อนลง “แต่ผมอยากทำงานให้เสร็จจริงๆ ครับแม่”
       ธนาล้อ “จะจีบสาวทั้งที ต้องหมั่นเก็บคะแนนหน่อยสิ”
       “ผมเปล่าซะหน่อย พ่อกับแม่ ชงเอง ตบเอง ล้วนๆ ผมไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลย”
       ธนาหัวเราะ “ก็ใครมันจะเหมาะกับ ซีอีโอ บริษัทธนบวรของเราเท่ากับลูกสาวคนเดียวของ ฟอลคอน อีกล่ะ”
       “ใช่ คนนึงผลิต คนนึงจำหน่าย โอ้วว เป๊ะเว่อร์” ภาวินีเย้าใช้ศัพท์ทันสมัย
       ธีภพหัวเราะขำมารดา “โห แม่ วัยรุ่นจังครับ…เป๊ะเว่อร์”
       เสียงแมสเสจ ไลน์ เข้า ธีภพกดดู แม่อยู่ในมุมที่มองเห็น ตวัดตามองแล้วยิ้มๆ รู้ทัน
       “หนูอรส่งมาตามล่ะสิ แล้ว...รีบตามไปนะจ๊ะ” ภาวินีออกไปกับธนา
       ธีภพถอนใจยาว
      
       บรรยากาศที่งานแฟชั่นโชว์การกุศล Prima Paradiso คึกคักตั้งแต่ตอนเย็นก่อนงานเริ่ม มีนักข่าวคอยถ่ายภาพแขกที่มาร่วมงาน บริเวณหน้างานมีซุ้มสีสดใส แบ็คดร็อปชื่องานเป็นแลนด์มาร์ค
       รถสองคันแล่นเข้ามาจอด คันแรกเลยไปหน่อย ช่างผม ช่างหน้า ลงมาอย่างรีบร้อนรวมทั้งช่างภาพส่วนตัวของบิวตี้
       ส่วนคันที่ 2 จอดหน้างาน ประตูเปิดออก บอดี้การ์ดก้าวลงมาจากข้างหน้าปราดมาเปิดประตูให้บิวตี้ในชุดสวยงามน่าตื่นตะลึงลงมาจากรถ ช่างภาพขยับเข้ารุมเก็บทุกอิริยาบถ นักข่าวที่มีกล้องและไมโครโฟนขยับเข้ามา แต่ไม่เร็วไปกว่าบริวารคนของบิวตี้ที่เอาสเปย์มาฉีดไมโครโฟนนักข่าวอย่างรวดเร็ว นักข่าวชะงักแต่ทำอะไรไม่ได้
       บอดี้การ์ดทั้งหมดกันไม่ให้นักข่าวประชิดตัว เพิร์ลทักทาย
       “ขอบคุณ คุณลัลน์ลลิตมากค่ะ ที่ให้เกียรติมาเป็นนางแบบกิตติมศักดิ์วันนี้”
       “บิวตี้ยินดีทำเพื่อช่วยเหลือการกุศลค่ะ”
       บิวตี้ยืนโพสให้นักข่าวถ่ายรูปอย่างเชี่ยวชาญคล่องแคล่ว แต่พอนักข่าวจะสัมภาษณ์ เลขาก็ร้องขัดขึ้น
       “ขออนุญาตไปเตรียมตัวก่อนนะคะ”
       บิวตี้ยิ้มเป็นเชิงขอโทษ แล้วเดินเข้าข้างใน
       นักข่าวจะกรูตามไป บอดี้การ์ดป้องกันเข้มแข็ง ให้แต่เลขา เพิร์ลและบริวารของบิวตี้ผ่านได้
       เหตุการณ์ค่อนข้างวุ่นวาย แสดงให้ถึงความเป็นที่นิยมของบิวตี้
      
       คนดูทยอยกันเข้างานมาในห้องจีดงาน เห็นอดิศักดิ์กับเครือวรรณยืนคุยกับผู้คนอยู่ ท่าทางที่ดูร่ำรวย ภูมิฐาน และมีอิทธิพล ใครเห็นต่างก็เกรงใจ
       ธนา และภาวินี เดินมา ถือช่อดอกไม้สวยมาด้วย 2 ช่อ เตรียมมาให้อรวิภา กับบิวตี้ อดิศักดิ์หันไปเห็น เดินเข้าไปหา ยกมือทักทายธนากับภาวินีอย่างคุ้นเคย
       “คุณธนา คุณภาวินี มาเร็วดีจริง...ธีรภพไม่มาด้วยหรือครับนี่”
       ภาวินียิ้มตอบ “เคลียร์งานอยู่ค่ะ เสร็จแล้วจะรีบตามมา สวัสดีค่ะคุณเครือวรรณ”
       “สวัสดีค่ะคุณภา”
       ธนาถาม “คุณอดิศักดิ์ มาถึงนานแล้วหรือครับ”
       “สักพักแล้วครับ น้องอรเค้าตื่นเต้นเพิ่งเคยเดินแฟชั่น เลยขอให้พ่อกับแม่มาเร็วๆ”
       ภาวินีสัพยอก “หลังงานนี้ คงมีคนจองคิวรับงานกันไม่หวาดไม่ไหวเลยนะคะ”
       อดิศักดิ์ยิ้มรับ “ถ้าไม่ใช่งานการกุศลผมคงไม่ยอมให้รับหรอกครับ วงการนี้เราไม่รู้ว่าเป็นยังไง น้องอรแกยิ่งซื่อๆ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมกับใครเขา”
       เครือวรรณเสริม “เป็นห่วงลูกน่ะค่ะ”
      
       จังหวะนี้กรเทพ ถือช่อดอกไม้สีขาวช่อใหญ่ เข้าประตูมา
       ภาวินียกมือเรียกให้เห็น “คุณกรเทพ ทางนี่ค่ะ”
       ธนาแนะนำกรเทพกับอดิศักดิ์ “คุณกรเทพ รองประธานบริษัทธนบวรของเราครับ”
       อดิศักดิ์พยักหน้า “อ๋อ น้องชายคุณบวรหุ้นส่วนของคุณธนาที่ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกนั้นเอง”
       กรเทพเดินเข้ามารวมกลุ่มไหว้ทักทุกคน “สวัสดีครับ”
       ภาวินีเยื้อนยิ้ม “ดอกไม้สวยจังค่ะ”
       “หลานบิวตี้ แกชอบพีโอนี่สีขาวน่ะครับ”    
       ภาวินีเย้า “แหม!! ช่างเป็นคุณอาที่รู้ใจคุณหลานเสียจริง...แล้วยายแพ็ตล่ะคะ ไม่มาด้วยเหรอ”
       แพ็ต ที่ภาวินีพูดถึงคือ พักตร์พิมล ลูกสาวกรเทพ ผู้มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของ ลัลน์ลลิต นั่นเอง
       “เค้ายังแต่งตัวไม่เสร็จน่ะครับ ผมเลยออกมาก่อน”
      
       เจตน์ชาญเข้างานมา มาดหล่อ เนี้ยบ ดึงดูดสายตา จนทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียว
       ช่างภาพ นักข่าวเข้าไปรุมล้อมถ่ายรูป ทำข่าว
       ภาวินีมองเจตน์ชาญ อย่างชื่นชม “นั่นใครคะคุณ ดาราใหม่หรือคะ”
       ทุกคนหันไปมอง
       กรเทพบอก “อ๋อ...นั่นคุณเจตน์ชาญ เจ้าของ เจตน์ การ์เม้นท์ ผู้ผลิตผ้าที่ใหญ่เป็นที่ 2 รองจากธนบวรของเรายังไงครับ”
       ภาวินีปลื้ม “อุ๊ย ยังหนุ่มอยู่เลย หล่อด้วย”
       “อ้าว ติดใจคู่แข่ง ของบริษัทเราซะแล้วหรือคุณ” ธนาแซว
       ภาวินีหัวเราะชอบใจ “แหม หล่อขนาดนั้นก็ต้องปันใจให้บ้าง”
       ทุกคนหัวเราะ
       อดิศักดิ์เชื้อชวน “ผมว่าเราเข้าไปหาที่นั่งกันก่อนดีกว่า...เชิญครับ เชิญ”
      
       ทุกคนขยับหาที่นั่ง เจตน์ชาญยังคงหลงอยู่ท่ามกลางนักข่าว

ขอขอบคุณ เว็บผู้จัดการออนไลน์ : )
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่