สวัสดีค่ะเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
เมื่อไม่กี่วันก่อนเราได้เคยมาตั้งกระทู้สงสัยเกี่ยวกับที่ดินที่ของเราว่าเป็นภารยทรัพย์หรือสามยทรัพย์ไปครั้งหนึ่งแล้ว ซึ่งเราได้ไปค้นหารายละเอียดต่างๆเพิ่มเติมและได้ข้อมูลที่ชัดเจนถูกต้องเกี่ยวกับที่ดินของเราแล้วค่ะ ซึ่งความจริงนั้นคือ ที่ดินของเราตกเป็นภารยทรัพย์อย่างแน่นอนแล้วค่ะ
ตอนนี้เราจึงอยากปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องการปลดภาระจำยอมที่ดินค่ะ
ขออนุญาตเล่าเรื่องราวโดยละเอียดทั้งหมดใหม่ตั้งแต่ต้นเลยนะคะ
เรามีที่ดินแปลงหนึ่งมีเนื้อที่สี่ไร่ มีรั้วล้อมรอบ มีบ้านปลูกอยู่บนที่ดินหนึ่งหลัง ด้านหน้าติดทางสาธารณะยาวตลอดแนวที่ดิน ชื่อเจ้าของที่ดินมีทั้งหมด 3 คนคือชื่อคุณแม่ ชื่อเรา และชื่อน้องสาว
ปี 2539: ครอบครัวเราได้นำที่ดินแปลงนี้ไปจำนองกับทางธนาคาร ระหว่างนั้นมีผู้สนใจจะซื้อที่ดินของเรา สมมุติชื่อคุณคมนะคะ ในปี 2542 ทางครอบครัวเราและคุณคมได้ขึ้นไปทำเรื่องไถ่ถอนจำนองพร้อมการซื้อขายบนที่ดินในวันเดียวกัน และได้มีการทำการแบ่งที่ดินใหม่เป็น 2 แปลง สมมุติแบ่งเป็น แปลง (เอ) และ แปลง (บี) นะคะ
แปลง เอ : มีเนื้อที่ 3 ไร่ มีบ้านหนึ่งหลัง
แปลง บี : เป็นที่ดินเปล่า มีเนื้อที่ 1 ไร่
ทั้งสองแปลงที่แบ่งใหม่นี้ด้านหน้าติดทางสาธารณะซึ่งเราได้ขายแปลง เอ ซึ่งมีบ้านอยู่บนเนื้อที่ด้วยให้กับคุณคม ส่วนแปลง บี ซึ่งเป็นที่เปล่านั้น ครอบครัวเราเก็บไว้ค่ะ
ต่อมาครอบครัวเราได้มีการขายที่แปลง บี ของครอบครัวเราซึ่งเป็นที่เปล่าให้คุณคม และขอซ้ือที่ส่วนที่เป็นตัวบ้านของที่ดินแปลงเอ ของคุณคม โดยตกลงทำสัญญาซื้อขายกันใหม่อีกครั้ง
ในปี 2546 ก่อนที่จะมีการทำสัญญาซื้อขายกันใหม่นั้น คุณคมได้นำที่ดินแปลงเอของคุณคมไปแบ่งใหม่อีกครั้งเป็นสองแปลง แปลงที่สองที่คุณคมแบ่งมาจากแปลงเอนั้น (สมมุติชื่อแปลงซี นะคะ) จะมีบ้านอยู่บนเนื้อที่ด้วย
หลังจากนั้นในปีเดียวกัน (2546) คุณคมจึงได้ขายคืนแปลงซี ให้เรา และเราได้ขายคืนแปลงบี ให้คุณคมไปค่ะ
:ขอสรุปรายละเอียดของที่แต่ละแปลงนะคะ:
แปลง เอ: เป็นของคุณคม เป็นที่เปล่า ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง ด้านหน้าติดทางสาธารณะ
แปลง บี: คือที่ที่เราขายคืนให้คุณคมไป ซึ่งด้านหน้าของแปลงบีนั้นติดทางสาธารณะเช่นกัน
แปลง ซี: เป็นที่ของครอบครัวเรา เป็นที่ตาบอด (แยกมาจากแปลงเอ) มีบ้านหนึ่งหลัง ด้านหน้าติดที่แปลงเอ ด้านขวาติดที่แปลงบี ด้านซ้ายและด้านหลังติดที่ของคนอื่นค่ะ
สรุป: แปลงซี ที่เราขอซื้อคืนจากคุณคมมานั้น เป็นที่ตาบอด ถูกล้อมรอบด้วยที่ของบุคคลอื่นทุกด้าน ไม่มีทางออกสู่ถนนสาธารณะเลย ต้องอาศัยที่แปลงเอเป็นทางออกสู่ถนนสาธารณะ
หลังจากนั้น คุณคมได้ทำการจดทะเบียนภาระจำยอมบางส่วนของแปลงเอ ในเรื่องทางเดิน ทางรถยนต์ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ท่อระบายน้ำและสาธารณูปโภคอื่นๆ ให้กับแปลงซี ซึ่งความจริงเป็นเส้นทางสัญจรดั้งเดิมที่มีมาตั้งแต่สมัยที่ ที่ทุกแปลงยังรวมเป็นผืนเดียวกันค่ะ
แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่การจดภาระจำยอมของที่ดินแปลงเอให้แปลงซีค่ะ ปัญหามันอยู่ตรงที่หลังจากที่คุณคมขายที่แปลงซีให้แก่เราแล้วนั้น ถัดมาคุณคมได้ให้ครอบครัวเรานำโฉนดแปลงซี (ซึ่งเป็นที่ตาบอด มีบ้านปลูกอยู่หนึ่งหลัง) ไปจดภาระจำยอม (ทั้งแปลง) ในเรื่องทางเดิน ทางรถยนต์ ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ท่อระบายน้ำและสาธารณูปโภคอื่นๆ ให้กับแปลงบี ซึ่งเป็นที่เปล่า ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง และด้านหน้าติดทางสาธารณะ และจะด้วยความโง่ ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ความไม่รู้ข้อกฎหมายหรืออะไรก็ตามแต่ของครอบครัวเรา ครอบครัวเราก็ยอมจดภาระจำยอมให้เค้าแต่โดยดี
หลังจากนั้นจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ เราและครอบครัวยังใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังนี้ บนที่ดินแปลงซี ใช้ทางสัญจรเส้นเดิมของแปลงเอที่มีการจดภาระจำยอมบางส่วนให้ที่ของเรา ส่วนที่ดินทั้งสองแปลงของคุณคมนั้น (เอ และ บี) ยังคงเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ไม่มีสิ่งปลูกสร้างใดๆเลย มีเพียงปีที่แล้วที่คุณคมได้เข้ามาถมที่ดินทั้งสองแปลงของคุณคมให้สูงขึ้นและได้ทำรั้วกั้นแยกที่แปลงซีของเราให้เป็นขอบเขตเท่านั้น โดยยังมีรั้วใหญ่รั้วเดิมที่มีมาตั้งแต่สมัยที่ยังไม่ได้มีการแบ่งแยกที่เป็นแปลงย่อยอย่างทุกวันนี้ ดังนั้นตอนนี้บ้านเราจึงกลายเป็นมีรั้วสองชั้น ชั้นแรกคือรั้วใหญ่ ซึ่งเป็นรั้วเก่าแก่ดั้งเดิม และชั้นที่สองที่คุณคมพึ่งเข้ามากั้นให้เมื่อปีที่แล้ว เพื่อทำเป็นขอบเขตเฉพาะของที่เราค่ะ
และตลอดระยะเวลาตั้งแต่ปี 2546 จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ ที่แปลงบีของคุณคมไม่เคยเข้ามาใช้ประโยชน์ภาระจำยอมใดๆในที่ของเรา (แปลงซี) เลย ซึ่งเราก้อไม่เห็นว่าจะมีเหตุอันใดที่คุณคมจะสมควรมาใช้ประโยชน์ในที่ของเราได้เลย เนื่องจากที่เราเป็นที่ตาบอด มีบ้านหนึ่งหลัง ปลูกเกือบเต็มพื้นที่ เหลือพื้นที่ว่างด้านซ้ายของตัวบ้านเพียงนิดหน่อยติดกับที่ของคนอื่นซึ่งไม่ใช่ที่ของคุณคม พื้นที่ด้านหน้าติดกับแปลงเอ ด้านหลังติดกับแปลงคนอื่น ส่วนด้านขวาที่ติดกับที่แปลงบีนั้น ชายคาบ้านเกือบชิดแนวรั้วกั้นใหม่ จึงไม่มีเนื้อที่เหลือให้แปลงบีเข้ามาใช้ประโยชน์ใดใดได้เลยค่ะ
ตอนนี้เรารู้สึกอึดอัดมาก เพราะนอกจากที่ของเราจะเป็นที่ตาบอดแล้ว ยังมาจดทะเบียนภาระจำยอมทั้งแปลงให้กับที่ของคุณคมอีก และนอกจากนี้คุณคมก้อไม่เคยเข้ามาใช้ประโยชน์ใดๆในที่ของเราเลย ซึ่งนับจากวันที่ที่ของเราได้จดทะเบียนภาระจำยอมจนถึงปัจจุบันนี้ก็กว่าสิบปีแล้วค่ะ
เราจึงมีเรื่องรบกวนสอบถามคำถามดังนี้ค่ะ
1. เมื่อที่ของคุณคมไม่เคยได้เข้ามาใช้ประโยชน์ใดใดในที่ของเราซึ่งเป็นที่ตาบอดมาตลอดระยะเวลากว่าสิบปี และที่ของคุณคมซึ่งตอนนี้ยังคงเป็นที่ว่างเปล่า ไม่มีสิ่งปลูกสร้างใดใด ด้านหน้าของที่ยังติดกับถนนสาธารณะด้วย ถ้าเราต้องการยกเลิกภาระจำยอมของที่แปลงเรา เราจะสามารถทำได้หรือไม่คะ
2. หากทำได้ สามารถทำได้โดยวิธีใดคะ?
3. กรณีนี้จะสามารถทำให้ภาระจำยอมยกเลิกไปโดยอัตโนมัติได้หรือไม่คะ?
หากเราอธิบายได้ไม่ชัดเจน หรือทำให้ผู้อ่านเกิดการสับสน งุนงง เราต้องขออภัยอย่างสูงมา ณ. ที่นี้ด้วยนะคะ หากท่านสงสัยเพิ่มเติม สอบถามได้ค่ะ เรายินดีจะอธิบายรายละเอียดทุกอย่างเพื่อที่จะให้คุณผู้อ่านเข้าใจเหตุการณ์ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ค่ะ
ขอขอบพระคุณล่วงหน้าเป็นอย่างสูงค่ะ
ขอปรึกษาเรื่องการยกเลิกภาระจำยอมที่ดินค่ะ
สวัสดีค่ะเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
เมื่อไม่กี่วันก่อนเราได้เคยมาตั้งกระทู้สงสัยเกี่ยวกับที่ดินที่ของเราว่าเป็นภารยทรัพย์หรือสามยทรัพย์ไปครั้งหนึ่งแล้ว ซึ่งเราได้ไปค้นหารายละเอียดต่างๆเพิ่มเติมและได้ข้อมูลที่ชัดเจนถูกต้องเกี่ยวกับที่ดินของเราแล้วค่ะ ซึ่งความจริงนั้นคือ ที่ดินของเราตกเป็นภารยทรัพย์อย่างแน่นอนแล้วค่ะ
ตอนนี้เราจึงอยากปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องการปลดภาระจำยอมที่ดินค่ะ
ขออนุญาตเล่าเรื่องราวโดยละเอียดทั้งหมดใหม่ตั้งแต่ต้นเลยนะคะ
เรามีที่ดินแปลงหนึ่งมีเนื้อที่สี่ไร่ มีรั้วล้อมรอบ มีบ้านปลูกอยู่บนที่ดินหนึ่งหลัง ด้านหน้าติดทางสาธารณะยาวตลอดแนวที่ดิน ชื่อเจ้าของที่ดินมีทั้งหมด 3 คนคือชื่อคุณแม่ ชื่อเรา และชื่อน้องสาว
ปี 2539: ครอบครัวเราได้นำที่ดินแปลงนี้ไปจำนองกับทางธนาคาร ระหว่างนั้นมีผู้สนใจจะซื้อที่ดินของเรา สมมุติชื่อคุณคมนะคะ ในปี 2542 ทางครอบครัวเราและคุณคมได้ขึ้นไปทำเรื่องไถ่ถอนจำนองพร้อมการซื้อขายบนที่ดินในวันเดียวกัน และได้มีการทำการแบ่งที่ดินใหม่เป็น 2 แปลง สมมุติแบ่งเป็น แปลง (เอ) และ แปลง (บี) นะคะ
แปลง เอ : มีเนื้อที่ 3 ไร่ มีบ้านหนึ่งหลัง
แปลง บี : เป็นที่ดินเปล่า มีเนื้อที่ 1 ไร่
ทั้งสองแปลงที่แบ่งใหม่นี้ด้านหน้าติดทางสาธารณะซึ่งเราได้ขายแปลง เอ ซึ่งมีบ้านอยู่บนเนื้อที่ด้วยให้กับคุณคม ส่วนแปลง บี ซึ่งเป็นที่เปล่านั้น ครอบครัวเราเก็บไว้ค่ะ
ต่อมาครอบครัวเราได้มีการขายที่แปลง บี ของครอบครัวเราซึ่งเป็นที่เปล่าให้คุณคม และขอซ้ือที่ส่วนที่เป็นตัวบ้านของที่ดินแปลงเอ ของคุณคม โดยตกลงทำสัญญาซื้อขายกันใหม่อีกครั้ง
ในปี 2546 ก่อนที่จะมีการทำสัญญาซื้อขายกันใหม่นั้น คุณคมได้นำที่ดินแปลงเอของคุณคมไปแบ่งใหม่อีกครั้งเป็นสองแปลง แปลงที่สองที่คุณคมแบ่งมาจากแปลงเอนั้น (สมมุติชื่อแปลงซี นะคะ) จะมีบ้านอยู่บนเนื้อที่ด้วย
หลังจากนั้นในปีเดียวกัน (2546) คุณคมจึงได้ขายคืนแปลงซี ให้เรา และเราได้ขายคืนแปลงบี ให้คุณคมไปค่ะ
:ขอสรุปรายละเอียดของที่แต่ละแปลงนะคะ:
แปลง เอ: เป็นของคุณคม เป็นที่เปล่า ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง ด้านหน้าติดทางสาธารณะ
แปลง บี: คือที่ที่เราขายคืนให้คุณคมไป ซึ่งด้านหน้าของแปลงบีนั้นติดทางสาธารณะเช่นกัน
แปลง ซี: เป็นที่ของครอบครัวเรา เป็นที่ตาบอด (แยกมาจากแปลงเอ) มีบ้านหนึ่งหลัง ด้านหน้าติดที่แปลงเอ ด้านขวาติดที่แปลงบี ด้านซ้ายและด้านหลังติดที่ของคนอื่นค่ะ
สรุป: แปลงซี ที่เราขอซื้อคืนจากคุณคมมานั้น เป็นที่ตาบอด ถูกล้อมรอบด้วยที่ของบุคคลอื่นทุกด้าน ไม่มีทางออกสู่ถนนสาธารณะเลย ต้องอาศัยที่แปลงเอเป็นทางออกสู่ถนนสาธารณะ
หลังจากนั้น คุณคมได้ทำการจดทะเบียนภาระจำยอมบางส่วนของแปลงเอ ในเรื่องทางเดิน ทางรถยนต์ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ท่อระบายน้ำและสาธารณูปโภคอื่นๆ ให้กับแปลงซี ซึ่งความจริงเป็นเส้นทางสัญจรดั้งเดิมที่มีมาตั้งแต่สมัยที่ ที่ทุกแปลงยังรวมเป็นผืนเดียวกันค่ะ
แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่การจดภาระจำยอมของที่ดินแปลงเอให้แปลงซีค่ะ ปัญหามันอยู่ตรงที่หลังจากที่คุณคมขายที่แปลงซีให้แก่เราแล้วนั้น ถัดมาคุณคมได้ให้ครอบครัวเรานำโฉนดแปลงซี (ซึ่งเป็นที่ตาบอด มีบ้านปลูกอยู่หนึ่งหลัง) ไปจดภาระจำยอม (ทั้งแปลง) ในเรื่องทางเดิน ทางรถยนต์ ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ท่อระบายน้ำและสาธารณูปโภคอื่นๆ ให้กับแปลงบี ซึ่งเป็นที่เปล่า ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง และด้านหน้าติดทางสาธารณะ และจะด้วยความโง่ ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ความไม่รู้ข้อกฎหมายหรืออะไรก็ตามแต่ของครอบครัวเรา ครอบครัวเราก็ยอมจดภาระจำยอมให้เค้าแต่โดยดี
หลังจากนั้นจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ เราและครอบครัวยังใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังนี้ บนที่ดินแปลงซี ใช้ทางสัญจรเส้นเดิมของแปลงเอที่มีการจดภาระจำยอมบางส่วนให้ที่ของเรา ส่วนที่ดินทั้งสองแปลงของคุณคมนั้น (เอ และ บี) ยังคงเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ไม่มีสิ่งปลูกสร้างใดๆเลย มีเพียงปีที่แล้วที่คุณคมได้เข้ามาถมที่ดินทั้งสองแปลงของคุณคมให้สูงขึ้นและได้ทำรั้วกั้นแยกที่แปลงซีของเราให้เป็นขอบเขตเท่านั้น โดยยังมีรั้วใหญ่รั้วเดิมที่มีมาตั้งแต่สมัยที่ยังไม่ได้มีการแบ่งแยกที่เป็นแปลงย่อยอย่างทุกวันนี้ ดังนั้นตอนนี้บ้านเราจึงกลายเป็นมีรั้วสองชั้น ชั้นแรกคือรั้วใหญ่ ซึ่งเป็นรั้วเก่าแก่ดั้งเดิม และชั้นที่สองที่คุณคมพึ่งเข้ามากั้นให้เมื่อปีที่แล้ว เพื่อทำเป็นขอบเขตเฉพาะของที่เราค่ะ
และตลอดระยะเวลาตั้งแต่ปี 2546 จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ ที่แปลงบีของคุณคมไม่เคยเข้ามาใช้ประโยชน์ภาระจำยอมใดๆในที่ของเรา (แปลงซี) เลย ซึ่งเราก้อไม่เห็นว่าจะมีเหตุอันใดที่คุณคมจะสมควรมาใช้ประโยชน์ในที่ของเราได้เลย เนื่องจากที่เราเป็นที่ตาบอด มีบ้านหนึ่งหลัง ปลูกเกือบเต็มพื้นที่ เหลือพื้นที่ว่างด้านซ้ายของตัวบ้านเพียงนิดหน่อยติดกับที่ของคนอื่นซึ่งไม่ใช่ที่ของคุณคม พื้นที่ด้านหน้าติดกับแปลงเอ ด้านหลังติดกับแปลงคนอื่น ส่วนด้านขวาที่ติดกับที่แปลงบีนั้น ชายคาบ้านเกือบชิดแนวรั้วกั้นใหม่ จึงไม่มีเนื้อที่เหลือให้แปลงบีเข้ามาใช้ประโยชน์ใดใดได้เลยค่ะ
ตอนนี้เรารู้สึกอึดอัดมาก เพราะนอกจากที่ของเราจะเป็นที่ตาบอดแล้ว ยังมาจดทะเบียนภาระจำยอมทั้งแปลงให้กับที่ของคุณคมอีก และนอกจากนี้คุณคมก้อไม่เคยเข้ามาใช้ประโยชน์ใดๆในที่ของเราเลย ซึ่งนับจากวันที่ที่ของเราได้จดทะเบียนภาระจำยอมจนถึงปัจจุบันนี้ก็กว่าสิบปีแล้วค่ะ
เราจึงมีเรื่องรบกวนสอบถามคำถามดังนี้ค่ะ
1. เมื่อที่ของคุณคมไม่เคยได้เข้ามาใช้ประโยชน์ใดใดในที่ของเราซึ่งเป็นที่ตาบอดมาตลอดระยะเวลากว่าสิบปี และที่ของคุณคมซึ่งตอนนี้ยังคงเป็นที่ว่างเปล่า ไม่มีสิ่งปลูกสร้างใดใด ด้านหน้าของที่ยังติดกับถนนสาธารณะด้วย ถ้าเราต้องการยกเลิกภาระจำยอมของที่แปลงเรา เราจะสามารถทำได้หรือไม่คะ
2. หากทำได้ สามารถทำได้โดยวิธีใดคะ?
3. กรณีนี้จะสามารถทำให้ภาระจำยอมยกเลิกไปโดยอัตโนมัติได้หรือไม่คะ?
หากเราอธิบายได้ไม่ชัดเจน หรือทำให้ผู้อ่านเกิดการสับสน งุนงง เราต้องขออภัยอย่างสูงมา ณ. ที่นี้ด้วยนะคะ หากท่านสงสัยเพิ่มเติม สอบถามได้ค่ะ เรายินดีจะอธิบายรายละเอียดทุกอย่างเพื่อที่จะให้คุณผู้อ่านเข้าใจเหตุการณ์ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ค่ะ
ขอขอบพระคุณล่วงหน้าเป็นอย่างสูงค่ะ